JJNY : ปมชั้น 14-แก้ศก.เหลว│ชาวนาเร่งสูบน้ำเข้าแปลงนา│รับเหมาไทยอ่วม ‘ทุนจีน’│เลขาฯนาโตแนะ ‘เซเลนสกี’ ฟื้นสัมพันธ์ทรัมป์

ปมชั้น 14-แก้ศก.เหลว ที่อัลไพน์จุดสลบ “อิ๊งค์”
https://www.innnews.co.th/video/hot-clips/news_848804/
 
 
ระทึก ศึกใหญ่รัฐบาลอุ๊งอิงค์ กับ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ”ข้อกล่าวหา”ที่จั่วหัวได้ดุเดือดเลือดพล่าน
 
ทั้งไม่มีคุณสมบัติและไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหาร ขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และจงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
 
รวมไปถึงไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน และบริหารบ้านเมืองผิดพลาดล้มเหลวอย่างร้ายแรงทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา และเจตนาและปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันภายใต้การบริหารงานของตนเอง
 
และสำคัญที่สุด ข้อกล่าวหาฉกรรจ์ คือสมัครใจยินยอมให้ทักษิณ ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
 
ซึ่งเมื่อดูข้อกล่าวหาฝ่ายค้านอย่างละเอียดจะพบว่า พฤติกรรมของทักษิณ เป็นหนึ่งในประเด็นหลัก ที่ฝ่ายค้านมองว่า รัฐบาลชุดนี้ทำไม่ถูกต้อง จึงต้องจัดหนักจัดเต็มเล่นงานคุณพ่อนายกให้สะง่อมเรื่องร้อนที่สุดของทักษิณ เห็นจะไม่เกินเรื่องชั้น 14 นักโทษเทวดา ซึ่งเรื่องฝ่ายตรงข้ามขยี้กันมานานแล้ว แต่ยังโค่นทักษิณลงไม่ได้
 
และล่าลุด ทางสว.สีน้ำเงิน’ ออกมาท้ารบ ‘ทักษิณ’ ถกวันอังคารที่ 4 มีนาคมนี้ญัตติเขย่าชั้น 14 แล้ว โดยตอนหนึ่งของญัตติคือกระบวนการยุติธรรมยังมีปัญหา ในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่นการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังในการได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเทียมกัน ซึ่งที่ผ่านมา มีการดำเนินการที่มีการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาล ที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ
 
และถึงแม้ในญัตติไม่ได้มีการระบุชื่อผู้ต้องขังที่ได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นว่าหมายถึงบุคคลใด แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าคือทักษิณ ซึ่งงานนี้ น่าจะดุเดือดไม่ใช่น้อย เป็นการชิมลาง ก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งคาดว่าเรื่องชั้น 14 ต้องถูกฝ่ายค้านหยิบยกมาโจมตีอย่างแน่นอน และที่แน่นอนไปกว่านั้น กลุ่มองค์รักษ์พิทักษ์รัฐบาลชินวัตร ก็เตรียมพร้อมในการตอบโต้ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟันอยู่แล้ว งานนี้มันส์แน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ ที่ดินอัลไพน์ ที่พรรคพลังประชารัฐ ขอจองกฐิน โดยเรื่องที่ดินอัลไพน์นี้ ทางทักษิณ เคยบอกว่า “ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ เอาอย่างไรก็เอาจะได้จบๆ เสียที คาราคาซังน่ารำคาญ หากมีการถอนสิทธิจริงๆ ก็ไม่เป็นไร หลักการคือถ้าเป็นของกรมที่ดินก็ต้องชดเชยความเสียหายที่รับโอนอย่างไม่ถูกต้อง หรือหากเป็นของวัดต้องถามว่าวัดจะชดเชยค่าเสียหายหรือให้เช่าต่อทุกอย่างให้เป็นไปตามกติกา สิทธิของผู้เสียหายมีอย่างไรบ้างก็ว่ากันไป
 
ส่วนอีกปัญหาใหญ่ของรัฐบาลคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ล่าสุด”สวนดุสิตโพล” ระบุมาตรการของรัฐบาลในการ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยังไม่มีประสิทธิภาพ นายกฯ และฝ่ายรัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน  นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่าผลโพลสะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลท่ามกลางราคาสินค้าและบริการที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ประชาชนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย เป็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า แม้รัฐบาลพยายามเร่งอัดฉีดเงินหมื่นเข้าไปกระตุ้น แต่ก็ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ตามเป้า

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ชาวนาเร่งสูบน้ำเข้าแปลงนา เตรียมรับมือภัยแล้ง
https://www.tnnthailand.com/earth/191094/

สถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐานกักเก็บต่อเนื่องเข้าสู่เดือนที่ 6 ล่าสุดวัดได้ 16 เมตร 8 เซนติเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง น้ำเหนือไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ 543 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนไปที่อัตรา 140 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรักษาระบบนิเวศลำน้ำและผลักดันน้ำเค็มปากแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยังอยู่ในระดับต่ำ สามารถเดินข้ามไป-มาได้ 
 
สถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยาที่ชัยนาทต่ำกว่ามาตรฐานต่อเนื่อง 6 เดือน ล่าสุดน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มเล็กน้อย แต่การระบายน้ำยังคงอยู่ที่ 140 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรักษาระบบนิเวศและผลักดันน้ำเค็ม ชาวนาจึงเร่งสูบน้ำและเตรียมแหล่งน้ำสำรองเพื่อรับมือกับภัยแล้งที่คาดว่าจะรุนแรง
 
จากปริมาณน้ำต้นทุนที่เหลือน้อย ประกอบกับสภาพอากาศที่เริ่มร้อนจัด ถือเป็นสัญญาณภัยแล้งที่ธรรมชาติกำลังแจ้งเตือน ชาวนาจำนวนมากจึงเร่งสูบน้ำตามคลองต่างๆเข้าแปลงนาเก็บไว้เพื่อป้องกันข้าวเสียหายจากภัยแล้ง ซึ่งหลายฝ่ายพยากรณ์ว่า จะรุนแรงและยาวนาน ชาวนาหลายคนเริ่มกังวลกับภัยแล้งจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งสูบน้ำกักตุน และเตรียมแหล่งน้ำสำรองอย่างบึง สระ และบ่อบาดาล ไว้ใช้หล่อเลี้ยงนาข้าวไม่ให้แห้งเหี่ยวตาย
 


รับเหมาไทยอ่วม ‘ทุนจีน’ ยึดหัวหาดงานก่อสร้างครบวงจร ทำเลทองโซนอีอีซี
https://www.matichon.co.th/economy/news_5072733

รับเหมาไทยอ่วม ‘ทุนจีน’ ยึดหัวหาดงานก่อสร้างครบวงจร ทำเลทองโซนอีอีซี

ปรากฎการณ์ “ทุนจีน” รุกคืบธุรกิจไทย ในหลากหลายวงการ เริ่มออกมาให้เห็นผลกระทบอย่างชัดเจน อย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าธุรกิจทัวร์ โรงแรม ร้านอาหาร อสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนรับเหมาก่อสร้าง ที่ปัจจุบันกลายเป็นการทำธุรกิจแบบเบ็ดเสร็จ ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
 
อย่างไรก็ตามมีการสะท้อนว่า หากมาในบทบาทของนักลงทุน ไม่มีการสยายปีกครอบคลุมธุรกิจทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นโอกาสทองของประเทศไทย ที่มีต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่ในโอกาสนั้นก็มีการตั้งคำถามตามมาว่า…สุดท้ายแล้วประเทศไทยจะได้อะไรและน่าจะถึงเวลาที่ต้องเอาจริงแล้วหรือยัง?
 
โฟกัสตลาดรับเหมาก่อสร้าง “กฤษดา จันทร์จำรัสแสง” อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ฉายภาพว่า ผู้รับเหมาจีนเริ่มเข้ามาประมูลและรับงานก่อสร้างในประเทศไทยได้ประมาณ 5-6 ปีแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ของจีนที่เข้ามารับงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ระดับเมกะโปรเจ็กต์ โดยจอยต์เวนเจอร์กับผู้รับเหมาไทย เช่น รถไฟทางคู่ ทางด่วน รถไฟความเร็วสูง เป็นต้น
 
แต่ในช่วง 2 ปีมานี้เริ่มเข้ามากขึ้น หลังมีการลงทุนของจีนเข้ามามาก เช่น ธุรกิจคลังสินค้า โดยเฉพาะในพื้นที่โซนตะวันออกหรืออีอีซี จะมีการใช้แรงงานของจีน วัสดุก่อสร้างทุกอย่างที่ขนมาจากจีนมาก่อสร้างในพื้นที่เองแบบครบวงจร แม้กระทั่งสี หลังคาเมทัลซีส ก็ขนมาเอง เมื่อก่อนยังมีใช้แรงงานหรือของไทยบ้าง แต่ปัจจุบันนี้ใช้ของจีนทั้งหมด” กฤษดากล่าว
 
กฤษดา” อธิบายเพิ่มเติมว่า วิธีการเข้ามาของจีน จะเป็นการเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ต้นทาง เช่น บริษัทนี้จดทะเบียนตั้งบริษัทในไทย เพื่อลงทุนในไทย จะมีการจ้างผู้รับเหมาและเลือกใช้วัสดุก่อสร้างจากจีนไว้แล้วก่อนที่จะเข้ามา หรือแม้กระทั่งการก่อสร้างโครงการวิลล่าหรูต่างๆ ก็ดำเนินการเองทั้งก่อสร้าง การตกแต่ง ไม่จ้างผู้รับเหมาไทยแต่อย่างใด ถามว่ามีผลกระทบกับรับเหมาไทยหรือไม่ ยอมรับว่ามีผลกระทบ แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง เราก็ไม่ต้องไปรับความเสี่ยง ถ้าหากงานล่าช้าหรือสร้างไม่เสร็จ
 
กฤษดา” กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะว่าถ้าหากนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอีก ไม่ว่าจะมาจากจีนหรือประเทศอื่นๆ อยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นมากขึ้น เช่น การออกแบบและก่อสร้างต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือใบรับรองกว. รวมถึงแรงงาน และการใช้วัสดุก่อสร้างที่ต้องมีความเข้มงวดด้วย

กฤษดา” กล่าวว่า ปัจจุบันงานก่อสร้างในประเทศไทยถือว่าออกมาน้อยลง ซึ่งรวมถึงงานในงบประมาณของปี 2568 ด้วย ขณะที่สถานการณ์ของบริษัทผู้รับเหมาเองก็ไม่ค่อยดี ไม่มีสภาพคล่อง เนื่องจากสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ มีแนวโน้มสถานการณ์จะไม่ดีไปอย่างน้อย 2 ปี
 
ปัญหาใหญ่ของผู้รับเหมา คือ ทำงานขาดทุน และไม่มีสภาพคล่อง โดยเฉพาะรายกลางและรายเล็กที่แย่กันหมด ที่ผ่านมามีปิดกิจการไปพอสมควร หนี้เสียเยอะ ส่วนใหญ่มาจากงานโครงการอาคารเอกชน เช่น คอนโดมิเนียม เมื่อโครงการไม่เวิร์คจะชะลอจ่ายเงิน ผู้รับเหมาก็ต้องนำเงินโครงการที่ได้เงินมาหมุนโครงการที่ไม่ได้เงิน กระทบการจ่ายเงินซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้างที่หลังๆจะขอเป็นเงินสดแทน เมื่อไปต่อไม่ไหวก็ต้องปิดกิจการ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีจะกระทบลามเป็นลูกโซ่ ทำให้แบงก์ไม่กล้าปล่อยกู้เพราะกลัวเป็นหนี้เสีย แต่รายใหญ่ยังไปได้เพราะยังสามารถออกหุ้นกู้ได้กฤษดากล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่