BRIEF: Starbucks ประกาศเลิกขายเมนูที่ทำยากเกินไป-ไม่ค่อยมีใครซื้อ พร้อมเลิกจ้างพนักงาน 1,100 คน
เคยได้ยินชื่อเมนูเหล่านี้ใน Starbucks ไหม? Iced Matcha Lemonade, Espresso Frappuccino, Caffè Vanilla Frappuccino สำหรับ Starbucks แล้ว เมนูเหล่านี้ถือว่าไม่ได้รับความนิยม และจำเป็นต้องถูกตัดออกจากเมนูไป
ร้านกาแฟ Starbucks ได้ประกาศเลิกขายเครื่องดื่มที่ทำยากเกินไป-ไม่ค่อยมีใครซื้อ มากกว่า 12 รายการ เร็วๆ นี้ พร้อมประกาศเลิกจ้างพนักงาน 1,100 คนจากทั้งหมด 16,000 คน
“ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมเป็นต้นไป เราจะถอดเครื่องดื่มที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม ออกจากเมนูของเรา” เขียนบนเว็บไซต์ของ Starbucks พร้อมระบุว่า รายการเครื่องดื่มที่จะถอดออกเหล่านี้ เป็นเมนูที่ขายไม่ได้มากนัก หรืออาจทำยากเกินไป รวมถึงมีความคล้ายกับเครื่องดื่มอื่นๆ ในเมนู
รายการเครื่องดื่มที่ว่า ได้แก่ Iced Matcha Lemonade, Espresso Frappuccino, Caffè Vanilla Frappuccino, White Hot Chocolate และ Royal English Breakfast Latte เป็นต้น โดย Starbucks กล่าวว่าการปรับปรุงให้เมนูเรียบง่ายกว่าเดิม จะช่วยให้ทางร้านสามารถเน้นเมนูที่ได้รับความนิยมมากขึ้น พร้อมกับให้บริการได้อย่างยอดเยี่ยม
ทั้งนี้ Starbucks ระบุว่าการเลิกขายหลายเมนูครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้เกิดการปรับปรุงใหม่ๆ รวมถึงช่วยลดเวลารอเครื่องดื่มของลูกค้า พร้อมปรับปรุงคุณภาพและความสม่ำเสมอของร้านกาแฟ อีกทั้งในอีกหลายเดือนข้างหน้า Starbucks ก็จะลดเมนูรายการอาหารและเครื่องดื่มลงเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าให้ เมนูมีน้อยลงราว 30% ภายในเดือนกันยายน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในแผนฟื้นฟูธุรกิจของซีอีโอ Brian Niccol โดยหลังจากเข้ามาทำงานได้ไม่นาน เขาก็ได้ประกาศโครงการที่เรียกว่า “Back to Starbucks” ในเดือนกันยายน ซึ่งรวมถึงการปรับลดเมนูที่หลากหลายของร้าน และหันกลับมาให้ความสำคัญกับกาแฟ
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ข่าวที่ดูจะสำคัญกว่าการลดเมนู คือเลิกจ้างพนักงาน
Starbucks ระบุว่า จะมีการเลิกจ้างพนักงานประจำทั่วโลก 1,100 คนภายในสัปดาห์นี้ ซึ่ง Niccol ระบุว่าเพื่อให้บริษัท “ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ซึ่งที่ผ่านมาสถานการณ์ของร้าน Starbucks หลายสาขาก็เหมือนจะไม่ดีนัก โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ พบว่ายอดขายของสาขาในสหรัฐฯ ที่เปิดมาอย่างน้อยหนึ่งปี ได้ลดลง 6%
หลายคนจึงมองว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพและการบริการที่เกิดขึ้นนี้ อาจเกิดจากปัญหาทางการเงินของบริษัท บวกกับสถานการณ์ที่ราคากาแฟทั่วโลก ได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ Starbucks ต้องริเริ่มการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อนำวันดีๆ ของร้านกาแฟกลับคืนมา
ที่มา : The MATTER
Starbucks ประกาศเลิกขายเมนูที่ทำยากเกินไป-ไม่ค่อยมีใครซื้อ
ร้านกาแฟ Starbucks ได้ประกาศเลิกขายเครื่องดื่มที่ทำยากเกินไป-ไม่ค่อยมีใครซื้อ มากกว่า 12 รายการ เร็วๆ นี้ พร้อมประกาศเลิกจ้างพนักงาน 1,100 คนจากทั้งหมด 16,000 คน
“ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมเป็นต้นไป เราจะถอดเครื่องดื่มที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม ออกจากเมนูของเรา” เขียนบนเว็บไซต์ของ Starbucks พร้อมระบุว่า รายการเครื่องดื่มที่จะถอดออกเหล่านี้ เป็นเมนูที่ขายไม่ได้มากนัก หรืออาจทำยากเกินไป รวมถึงมีความคล้ายกับเครื่องดื่มอื่นๆ ในเมนู
รายการเครื่องดื่มที่ว่า ได้แก่ Iced Matcha Lemonade, Espresso Frappuccino, Caffè Vanilla Frappuccino, White Hot Chocolate และ Royal English Breakfast Latte เป็นต้น โดย Starbucks กล่าวว่าการปรับปรุงให้เมนูเรียบง่ายกว่าเดิม จะช่วยให้ทางร้านสามารถเน้นเมนูที่ได้รับความนิยมมากขึ้น พร้อมกับให้บริการได้อย่างยอดเยี่ยม
ทั้งนี้ Starbucks ระบุว่าการเลิกขายหลายเมนูครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้เกิดการปรับปรุงใหม่ๆ รวมถึงช่วยลดเวลารอเครื่องดื่มของลูกค้า พร้อมปรับปรุงคุณภาพและความสม่ำเสมอของร้านกาแฟ อีกทั้งในอีกหลายเดือนข้างหน้า Starbucks ก็จะลดเมนูรายการอาหารและเครื่องดื่มลงเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าให้ เมนูมีน้อยลงราว 30% ภายในเดือนกันยายน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในแผนฟื้นฟูธุรกิจของซีอีโอ Brian Niccol โดยหลังจากเข้ามาทำงานได้ไม่นาน เขาก็ได้ประกาศโครงการที่เรียกว่า “Back to Starbucks” ในเดือนกันยายน ซึ่งรวมถึงการปรับลดเมนูที่หลากหลายของร้าน และหันกลับมาให้ความสำคัญกับกาแฟ
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ข่าวที่ดูจะสำคัญกว่าการลดเมนู คือเลิกจ้างพนักงาน
Starbucks ระบุว่า จะมีการเลิกจ้างพนักงานประจำทั่วโลก 1,100 คนภายในสัปดาห์นี้ ซึ่ง Niccol ระบุว่าเพื่อให้บริษัท “ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ซึ่งที่ผ่านมาสถานการณ์ของร้าน Starbucks หลายสาขาก็เหมือนจะไม่ดีนัก โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ พบว่ายอดขายของสาขาในสหรัฐฯ ที่เปิดมาอย่างน้อยหนึ่งปี ได้ลดลง 6%
หลายคนจึงมองว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพและการบริการที่เกิดขึ้นนี้ อาจเกิดจากปัญหาทางการเงินของบริษัท บวกกับสถานการณ์ที่ราคากาแฟทั่วโลก ได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ Starbucks ต้องริเริ่มการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อนำวันดีๆ ของร้านกาแฟกลับคืนมา
ที่มา : The MATTER