ระหว่าง
1.ไล่กลับไปเลยต้องทำนโยบาย Thailandfirst แบประธานาธิบดีโดนัลทรัมป์ ประกาศให้โลกรู้ว่าเราไม่ต้อนรับชาวต่างชาติที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมายต้องกวาดจับผลักดันส่งประเทศต้นทางโดยทันที ต้องต่อต้านทุกประเทศที่เอารัดเอาเปรียบประเทศเราแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
หรือ
2.ยอมรับว่าประเทศเราคือ meltingpot แบบกรุงศรีสมัยก่อนที่พระมหากษัตริย์ของเราในสมัยโบราณยังต้องไปกวาดต้อนคนจากอาณาจักรอื่นเข้ามาเติมจำนวนประชากร แบบอเมริกายุคก่อนที่ต้องผ่อนปรนให้ใบเขียวแก่ผู้หลบหนีเข้าเมืองซะบ้าง ถ้าเลือกทางนี้ประเทศเราก็ต้องจัดระเบียบด้านข้อมูลและแนวคิดในการอนุมัติวีซ่าครั้งใหญ่ อย่างที่ สส.รังสิมันต์โรมบอกว่าเหตุใดจึงไม่มีการเก็บประวัติbiometticชาวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยจนไม่รู้ประวัติใครเป็นใครที่เข้ามาในประเทศ ต้องซ่อมตรงนี้ก่อนด่วนที่สุดรองลงมาก็คือการเพิ่มประเภทวีซ่าอาจต้องยอมรับและทำให้รองรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาอยู่ในระยะยาวและต้องการมาเรียนมาหางานทำในไทยมากขึ้นเช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ที่มีวีซ่าPR
การขึ้นทะเบียนและจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวทุกชาติให้มีวิซ่าทำงานถูกต้อง มีบริษัทที่เป็นนายหน้าและดูแลแรงงานเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนที่อิสราเอล เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ประเทศตะวันออกกลางทำให้แรงงานไทยที่ไปขายแรงงาน จับกุมดำเนินคดีปรับเงินนายจ้างที่จ้างแรงงานเถื่อนอย่างเฉียบขาด จับกุมและส่งกลับชาวต่างด้าวที่ใช้วืซ่าผิดประเภทแอบทำงานและทำแบล๊คลิสต์ห้ามเข้าประเทศอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่ส่งกลับวันนี้พรุ่งนี้เข้ามาใหม่ ต้องสร้างหน่วยงานราชการใหม่ที่มีอำนาจจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะและมีอำนาจจัดการครอบคลุมเรื่องพวกนี้ในทุกมิติ ไม่ต้องพึ่งพาการประสานงานของหลายหน่วยงานแบบปัจจุบันที่ต้องพึ่งพาการประสานงานทั้งกระทรวงแรงงาน ตม ตำรวจท้องที่ เทศกิจกันให้วุ่นวายและขาดเอกภาพในการทำงาน แต่ในด้านบุตรหลานของแรงงานต่างด้าวที่ดำเนินการและเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องควรอนุญาตให้เขาเข้ามาเรียนในไทยได้ทุกระดับโดยเก็บค่าการศึกษาเท่าเด็กไทยเพราะประชากรเรากำลังลดลงเด็กเกิดน้อยลง การศึกษาทุกระดับขาดแคลนนักเรียนนักศึกษาจนต้องยุบสถาบันหรือขายให้ทุนต่างชาติไปแล้ว ถ้าเขาได้เล่าเรียนในสาขาที่ประเทศเราขาดแคลนก็ควรเปิดโอกาสให้เขาทำวีซ่าPRเพื่อเข้าร่วมเป็นพลเมืองไทยในอนาคตได้ด้วย
ประเทศไทยอยู่ในทางสองแพร่งเกี่ยวกับชาวต่างชาติ
1.ไล่กลับไปเลยต้องทำนโยบาย Thailandfirst แบประธานาธิบดีโดนัลทรัมป์ ประกาศให้โลกรู้ว่าเราไม่ต้อนรับชาวต่างชาติที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมายต้องกวาดจับผลักดันส่งประเทศต้นทางโดยทันที ต้องต่อต้านทุกประเทศที่เอารัดเอาเปรียบประเทศเราแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
หรือ
2.ยอมรับว่าประเทศเราคือ meltingpot แบบกรุงศรีสมัยก่อนที่พระมหากษัตริย์ของเราในสมัยโบราณยังต้องไปกวาดต้อนคนจากอาณาจักรอื่นเข้ามาเติมจำนวนประชากร แบบอเมริกายุคก่อนที่ต้องผ่อนปรนให้ใบเขียวแก่ผู้หลบหนีเข้าเมืองซะบ้าง ถ้าเลือกทางนี้ประเทศเราก็ต้องจัดระเบียบด้านข้อมูลและแนวคิดในการอนุมัติวีซ่าครั้งใหญ่ อย่างที่ สส.รังสิมันต์โรมบอกว่าเหตุใดจึงไม่มีการเก็บประวัติbiometticชาวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยจนไม่รู้ประวัติใครเป็นใครที่เข้ามาในประเทศ ต้องซ่อมตรงนี้ก่อนด่วนที่สุดรองลงมาก็คือการเพิ่มประเภทวีซ่าอาจต้องยอมรับและทำให้รองรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาอยู่ในระยะยาวและต้องการมาเรียนมาหางานทำในไทยมากขึ้นเช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ที่มีวีซ่าPR
การขึ้นทะเบียนและจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวทุกชาติให้มีวิซ่าทำงานถูกต้อง มีบริษัทที่เป็นนายหน้าและดูแลแรงงานเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนที่อิสราเอล เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ประเทศตะวันออกกลางทำให้แรงงานไทยที่ไปขายแรงงาน จับกุมดำเนินคดีปรับเงินนายจ้างที่จ้างแรงงานเถื่อนอย่างเฉียบขาด จับกุมและส่งกลับชาวต่างด้าวที่ใช้วืซ่าผิดประเภทแอบทำงานและทำแบล๊คลิสต์ห้ามเข้าประเทศอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่ส่งกลับวันนี้พรุ่งนี้เข้ามาใหม่ ต้องสร้างหน่วยงานราชการใหม่ที่มีอำนาจจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะและมีอำนาจจัดการครอบคลุมเรื่องพวกนี้ในทุกมิติ ไม่ต้องพึ่งพาการประสานงานของหลายหน่วยงานแบบปัจจุบันที่ต้องพึ่งพาการประสานงานทั้งกระทรวงแรงงาน ตม ตำรวจท้องที่ เทศกิจกันให้วุ่นวายและขาดเอกภาพในการทำงาน แต่ในด้านบุตรหลานของแรงงานต่างด้าวที่ดำเนินการและเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องควรอนุญาตให้เขาเข้ามาเรียนในไทยได้ทุกระดับโดยเก็บค่าการศึกษาเท่าเด็กไทยเพราะประชากรเรากำลังลดลงเด็กเกิดน้อยลง การศึกษาทุกระดับขาดแคลนนักเรียนนักศึกษาจนต้องยุบสถาบันหรือขายให้ทุนต่างชาติไปแล้ว ถ้าเขาได้เล่าเรียนในสาขาที่ประเทศเราขาดแคลนก็ควรเปิดโอกาสให้เขาทำวีซ่าPRเพื่อเข้าร่วมเป็นพลเมืองไทยในอนาคตได้ด้วย