ทายาท Gen 3 ‘เด็กสมบูรณ์’ ตั้งเป้าแสนล้าน ต่อยอดบริษัทร้อยปี

ทายาท Gen 3 ‘เด็กสมบูรณ์’ ตั้งเป้าแสนล้าน ต่อยอดบริษัทร้อยปี



วสุพล ตั้งสมบัติวรสิทธิ์

ทายาท Gen 3 ‘เด็กสมบูรณ์’ ตั้งเป้าแสนล้าน ต่อยอดบริษัทร้อยปี
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 - 13:28 น.

หยั่น หว่อ หยุ่น ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดย วิเชียร ตั้งสมบัติวรสิทธิ์ นำเทคนิคหมักซีอิ๊วที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาผลิตเป็น “เด็กสมบูรณ์” แบรนด์ซีอิ๊วที่อยู่ข้างครัวไทยมาอย่างยาวนาน ก่อนจะถูกสานต่อด้วยบุตรชายคนโต “สมหวัง ตั้งสมบัติวรสิทธิ์”

ผ่านไปกว่า 20 ปี สมหวังเริ่มส่งไม้ต่อให้ทายาท “วสุพล ตั้งสมบัติวรสิทธิ์” บุตรชายวัย 28 ปี ที่ยอมทิ้งทุนนักบินและล้มเลิกการสานต่อวิชาชีพวิศวกรรมที่เรียนมา กระโดดเข้ามาบริหารเด็กสมบูรณ์ไม่นานหลังเรียนจบ

ในอดีตเขาใช้เวลาทั้งชีวิตเรียนรู้งานของเด็กสมบูรณ์ตั้งแต่ชั้นประถมฯ จับจองที่นั่งทุกแผนก ตั้งแต่เซลส์แมน พนักงานติดฉลาก ฝ่ายขนส่ง และมาร์เก็ตติ้ง แผนกที่เจ้าตัวบอกว่าชื่นชอบมากที่สุด

งานแรกที่ “วสุพล” ทำคือ การคอลแลบส์กับโกลบอลแบรนด์อย่าง “แมคโดนัลด์” ผ่านผลงาน “ไอศกรีมหมูหยองพริกเผา” กลายมาเป็นไวรัลแรกให้กับแบรนด์ชนิดที่เจ้าตัวก็คาดไม่ถึง

“ตอนนั้นอายุ 20 เองครับ เราเป็นแบรนด์ไทยเล็ก ๆ ที่ได้คอแลบส์กับเขา ได้เรียนรู้ Operation ของแบรนด์ระดับโลกว่าทำงานอย่างไร เป็นหนึ่งในงานที่ภูมิใจมากที่สุด” เขาเล่าผลงานที่ปลุกกระแสและความประหลาดใจให้กับคนไทย ก่อนจะเกิดเป็นเมนูอาหารข้ามเซ็กชั่น “ไอศกรีมซีอิ๊วดำหวาน” และ “ซีอิ๊วโซดา” ที่พาสินค้าเด็กสมบูรณ์มาอยู่ในรูปแบบขนมหวานและเครื่องดื่มในเวลาต่อมา

“ผมมองว่าซีอิ๊วดำหวานกับซอล์ตเท็ด คาราเมล มีความคล้ายคลึงกัน เลยลองนำมาฟิวชั่นกับไอศกรีม”

ภายใต้การต่อยอดผ่านความครีเอตอย่างกล้าหาญของทายาทรุ่น 3 หยั่น หว่อ หยุ่น ตอนนี้ “วสุพล” กำลังดังเปรี้ยงไม่หยุดกับคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์และยอดขายในโลกออฟไลน์

ลบภาพจำธุรกิจ “กงสี”
การนำทัพเด็กสมบูรณ์ในตำแหน่งกรรมการและผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายในประเทศ เขาพยายามอย่างมากเพื่อสร้างเครดิตต่อพนักงานและผู้บริหารคนอื่น การเข้ามาในฐานะลูกของพ่อไม่ง่าย และไม่ใช่อยากทำอะไรก็จะได้ทำ ด้วยระบบงานที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน เด็กสมบูรณ์จึงไม่ใช่ธุรกิจกงสีอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ

ด้วยแรงกดดันและความคาดหวังที่ถาโถม วสุพลจึงเริ่มเซตระบบทีมใหม่ และแจกแจงความเข้าใจการทำงานร่วมกับเขา ภายใต้วัฒนธรรมองค์กร T.O.P ที่มาจากชื่อเล่น

– Teamwork โลกใบนี้ไม่มีคนที่สมบูรณ์แบบ ไม่จำเป็นต้องมองหาคนเก่ง แต่ต้องการคนที่สามารถเข้ากันได้

– Ownership ทำให้ทีมงานรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของร่วมกัน เพราะเมื่อไหร่ที่ทำเพื่อตัวเอง เราจะตั้งใจมากที่สุด

– Professionalism ความเป็นมืออาชีพ ทำงานได้ทุกสถานการณ์ และเข้าใจกระบวนการทำงานของทุกคน

“ตอนทำงานผมอาจจะดุไปบ้าง แต่มันคืองาน ผมไม่ใช่คนบ้านะที่จะโมโหที่ลิเวอร์พูลแพ้เมื่อคืนมาใช้จัดการทีมงานที่เป็นเด็กแมนฯ ยูในเช้าวันต่อมา”

วสุพลบอก เขาเปรียบตัวเองเป็นโค้ชที่ย้ำลูกทีมเสมอว่า เป้าหมายคืออะไร และต้องทำอะไรเพื่อแลกกับมัน หน้าที่ของเขาจึงไม่ใช่แค่มองไปในสนาม แต่ต้องสังเกตผู้เล่นอยู่ตลอด

“ทีมงานคนไหนอยู่กองหน้าแล้วทำได้ไม่ดี หน้าที่ของผมคือเปลี่ยนเขามาเล่นปีกซ้ายหรือไม่ก็ขวา ก่อนจะตัดใจจากเขาไป เพราะผมเป็นผู้นำ ไม่ใช่เจ้านาย ผมต้องทำให้คุณประสบความสำเร็จให้ได้ และหาสปอตไลต์มาให้คุณ”

แปลงโฉม-เปลี่ยนวัย
หนึ่งในกลยุทธ์เลือกใช้สร้างความฮือฮาและกระแสสังคมคือ “พรีเซ็นเตอร์” เมื่อปี 2567 เขาดึง “พีร์-ธีร์” (ธีร์ทองธรรม-พีร์ทองธรรม ตันจรารักษ์) เจ้าของฉายาฝาแฝดแห่งชาติ มาติดบนขวดเคียงข้างฉลากตำนาน “เด็กหน้าตี๋หุ่นสมบูรณ์” กลายเป็นภาพจำใหม่ให้กับผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

“ตอนนั้นเราต้องการเปิดตัวสินค้าน้ำปลาที่ฟังก์ชั่นไม่ต่างจากซีอิ๊ว ผมเลยมองว่ามันเป็นคู่แฝดกันนี่หน่า” วสุพลเล่าถึงที่มาของพรีเซ็นเตอร์คู่แรกในรอบหลายสิบปี

เมื่อไม่นานมานี้เขาดึง “พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” ดาราดาวดังแห่งยุคมาพรีเซนต์ในบทบาทเด็กสมบูรณ์เวอร์ชั่นโต ผ่านสินค้าซีอิ๊วเม็ด และซอสพริกศรีราชา

ไอเดียนี้เริ่มมาจากการได้กินก๋วยเตี๋ยวรสจืดบนเครื่องบิน เพื่อนเลยเสนอไอเดียให้ทำซีอิ๊วแผ่นที่สามารถพกไปได้ทุกที่ ผ่านการแลกเปลี่ยน ออกไอเดีย และทำงาน ในที่สุดกลายมาเป็น “ซีอิ๊วเม็ด” ที่เขาตั้งใจทรานส์ฟอร์มให้ต่างจากซีอิ๊วขวดแบบเดิม ๆ และผู้นำเทรนด์อย่างพีพีก็ตอบโจทย์นวัตกรรมใหม่ภายใต้ตัวแทนของเจนซีอย่างลงตัว

ใส่หมดแม็ก เล่นเกมยาว
นอกจากเรียกกระแสด้วยพรีเซ็นเตอร์ การทำคอนเทนต์วิดีโอในแพลตฟอร์มโซเชียลเป็นหนึ่งในวิธีรีแบรนด์ของวสุพล ที่ตอบโจทย์ยุคสมัย และเข้าถึงคนเจนใหม่ได้เป็นอย่างดี เขาสร้างสรรค์คอนเทนต์วิ่งตามเทรนด์ได้อย่างทันท่วงที ความทันกระแสนี้ฉายผ่านช่อง TikTok ของเด็กสมบูรณ์ จนกลายมาเป็นที่พูดถึงและได้รับความนิยมการันตีด้วยผู้ติดตามกว่า 2 แสนคน

รูปแบบวิดีโอที่เขาสร้างสรรค์ มีทั้งพาทัวร์โรงงาน แนะนำสินค้าใหม่ด้วยการรังสรรค์เมนูแหวกแนว และการพูดคุยกับทีมงานผ่านการตอบคำถามที่ใครก็อยากรู้ เช่น “คิดว่าทายาทเด็กสมบูรณ์ได้เงินเดือนเท่าไหร่ ?” ทำให้คอนเทนต์นี้ได้รับความนิยมสูงสุดในช่อง กับยอดวิวเกือบ 8 ล้าน และการกดถูกใจกว่า 4 แสนครั้ง

ด้วยคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ทำให้วสุพลและเด็กสมบูรณ์ได้รับความสนใจผ่านคอมเมนต์ของผู้บริโภคที่โหมกระหน่ำ โดยส่วนใหญ่ล้วนชื่นชมและนิยามว่าเขา “มาถูกทาง” กับการนำเอาเด็กสมบูรณ์ที่ติดลมบนมาทำผ่านช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ง่ายที่สุด ทั้งยังได้เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่เคยคิดจะอุดหนุน ตัดสินใจเลือกใช้สินค้าหลังจากดูวิดีโอ

สิ่งเหล่านี้ล้วนพิสูจน์และตอกย้ำความสำเร็จในการตลาดฉบับผู้บริหารที่เชี่ยวชาญด้าน “มาร์เก็ตติ้ง” อย่างวสุพล ที่ตั้งเป้าไว้ว่าอยากให้เด็กสมบูรณ์ถูกพูดถึงและฝังแบรนด์ลงในใจ เป็นตัวเลือกของคนไทยไปทุกเจเนอเรชั่น

ฝันไกลแสนล้าน
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุผลประกอบการ บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด พบว่ามีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี นับจากปี 2562 รายได้รวม 3,382 ล้านบาท กำไรสุทธิ 351 ล้านบาท, ปี 2563 รายได้รวม 3,475 ล้านบาท กำไรสุทธิ 382 ล้านบาท, ปี 2564 รายได้รวม 3,735 ล้านบาท กำไรสุทธิ 483 ล้านบาท,

ปี 2565 รายได้รวม 3,948 ล้านบาท กำไรสุทธิ 719 ล้านบาท, ปี 2566 รายได้รวม 4,358 ล้านบาท กำไรสุทธิ 958 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท

เจ้าตัวบอกว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่ความสำเร็จที่มองหา “วันนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น ผมอยากให้มาวัดกันอีกครั้งตอนผมอายุ 60 ปี ตอนนี้เด็กสมบูรณ์ยังพัฒนาได้อีกเยอะ”

สำหรับรายได้ปี 2568 วสุพลวางเป้าเติบโตสูงกว่าที่เคยมี

“ถ้าให้บอกที่อยากได้จริง ๆ คงจะเป็นแสนล้าน (หัวเราะ)” ก่อนอธิบายเพิ่มว่า

รายได้เท่าไหร่ก็ไม่มีตัวเลขไหนน่าดีใจไปกว่าการได้เห็นขวดซีอิ๊วเด็กสมบูรณ์อยู่ในครัวของทุกบ้าน ทุกร้านอาหาร และคนทุกเจเนอเรชั่นเลือกให้เด็กสมบูรณ์อยู่คู่ครัวไทยตลอดไป

https://www.prachachat.net/d-life/news-1759553#m7i96oddl6b5eomf0q

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่