หัวหน้าใครมีความคิดแบบนี้บ้าง?
เราเคยผ่านการย้ายงานมาก่อน ในองค์กรเดิมที่เป็นหน่วยงานรัฐ ตอนนั้นเราย้ายเพราะเข้ากับหัวหน้าไม่ได้ อยู่ร่วมกันแล้วมีปัญหา คนที่จัดการย้ายงานให้เราคือหัวหน้าของหัวหน้าเราอีกที เรารู้สึกเคารพและสำนึกในบุญคุณของเขาเสมอ แม้ว่าเขาจะไม่เคยพูดว่าเขามีบุญคุณกับเราก็ตาม
ตัดมาที่หัวหน้าคนปัจจุบันของเรา วันหนึ่งเรากับเขาคุยกันเรื่องการย้ายงานของลูกน้องฝ่ายอื่น แต่ของเขาต่างจากของเรา ตรงที่เราย้ายแล้วต่ออายุงานจากเดิมได้ แต่คนที่พูดถึงนี้เขาลาออกจากงานเดิม แล้วสมัครงานใหม่ ในองค์กรเดิม หัวหน้าเราก็พูดว่าทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องติดค้างเรื่องบุญคุณกับหัวหน้า เราก็ถามว่าติดค้างบุญคุณยังไง หัวหน้าก็บอกว่า การที่หัวหน้าให้ลูกน้องย้ายงาน ถือว่าหัวหน้ามีบุญคุณนะ เราก็บอกว่าแต่บางกรณีลูกน้องต้องย้ายงานก็เพราะถูกหัวหน้าบีบออก แล้วจะถือว่าหัวหน้ามีบุญคุณยังไง (อย่างกรณีเราก็ถูกหัวหน้าบีบ หัวหน้าไม่ได้ทำเรื่องย้ายงานให้เราด้วย คนที่ใหญ่กว่าหัวหน้าช่วยจัดการให้ เราจึงถือว่าตัวเองไม่ได้ติดค้างบุญคุณอะไรกับหัวหน้า)
เราคิดต่างจากหัวหน้า เรามองว่าการย้ายงานภายในองค์กรมันเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องของบุญคุณอะไร ถ้าลูกน้องมีโอกาสจะไปเจอสิ่งที่ดีกว่า คนเป็นหัวหน้าก็ควรสนับสนุน เราคิดแบบนี้ แต่พอหัวหน้าคนปัจจุบันของเรามีความคิดอีกแบบ เราจึงรู้สึกว่าหากเราจะย้ายงานในองค์กรเดิมอีกก็คงไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว เพราะเราก็ไม่ได้อยากเป็นหนี้บุญคุณเขา และหัวหน้าคงไม่ปล่อยเราไปง่ายๆด้วย เพราะงานของเราก็มีแค่เราทำคนเดียว และภาระงานเราก็เยอะ ต้องประสานงานเยอะ มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องใช้ความใจเย็นและอดทนสูง เราไม่อยู่ก็ไม่มีคนทำแทน ถ้ารับคนใหม่มาก็ต้องเทรนกันนานกว่าจะทำเป็น (และ พนง.ใหม่ยุคนี้ทำงานกันไม่ค่อยทนด้วย) หัวหน้าของหัวหน้าเราก็ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับลูกน้องในฝ่ายเราเลย ให้อำนาจกับหัวหน้าเราเต็มที่
ตอนนี้ถ้าเราอยากย้ายงาน แต่ยังอยากอยู่ในองค์กรเดิม เราก็คงต้องลาออกจากงานเดิมก่อน ซึ่งหมายความว่าเราต้องไปเริ่มต้นเงินเดือนใหม่ สมมติทำงานอยู่ฝ่ายนึงจนเงินเดือน 30K แล้ว แต่พอจะเปลี่ยนไปทำฝ่ายอื่นต้องลดเงินเดือนลงเหลือ 20K เหมือนว่าเราไม่เคยทำประโยชน์ให้องค์กรนี้มาก่อน สำหรับเรามันก็ไม่ถูกต้อง เพราะถึงจะย้ายงาน เราก็ยังเอาความรู้และทักษะจากงานเดิมมาใช้กับงานใหม่ได้ ไม่ใช่เริ่มนับจาก 0
อยากรู้ว่าคนอื่นๆมองเรื่องนี้ว่ายังไงบ้าง
หัวหน้าเรามองว่า การให้ลูกน้องย้ายงาน ถือว่ามีบุญคุณต่อลูกน้อง
เราเคยผ่านการย้ายงานมาก่อน ในองค์กรเดิมที่เป็นหน่วยงานรัฐ ตอนนั้นเราย้ายเพราะเข้ากับหัวหน้าไม่ได้ อยู่ร่วมกันแล้วมีปัญหา คนที่จัดการย้ายงานให้เราคือหัวหน้าของหัวหน้าเราอีกที เรารู้สึกเคารพและสำนึกในบุญคุณของเขาเสมอ แม้ว่าเขาจะไม่เคยพูดว่าเขามีบุญคุณกับเราก็ตาม
ตัดมาที่หัวหน้าคนปัจจุบันของเรา วันหนึ่งเรากับเขาคุยกันเรื่องการย้ายงานของลูกน้องฝ่ายอื่น แต่ของเขาต่างจากของเรา ตรงที่เราย้ายแล้วต่ออายุงานจากเดิมได้ แต่คนที่พูดถึงนี้เขาลาออกจากงานเดิม แล้วสมัครงานใหม่ ในองค์กรเดิม หัวหน้าเราก็พูดว่าทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องติดค้างเรื่องบุญคุณกับหัวหน้า เราก็ถามว่าติดค้างบุญคุณยังไง หัวหน้าก็บอกว่า การที่หัวหน้าให้ลูกน้องย้ายงาน ถือว่าหัวหน้ามีบุญคุณนะ เราก็บอกว่าแต่บางกรณีลูกน้องต้องย้ายงานก็เพราะถูกหัวหน้าบีบออก แล้วจะถือว่าหัวหน้ามีบุญคุณยังไง (อย่างกรณีเราก็ถูกหัวหน้าบีบ หัวหน้าไม่ได้ทำเรื่องย้ายงานให้เราด้วย คนที่ใหญ่กว่าหัวหน้าช่วยจัดการให้ เราจึงถือว่าตัวเองไม่ได้ติดค้างบุญคุณอะไรกับหัวหน้า)
เราคิดต่างจากหัวหน้า เรามองว่าการย้ายงานภายในองค์กรมันเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องของบุญคุณอะไร ถ้าลูกน้องมีโอกาสจะไปเจอสิ่งที่ดีกว่า คนเป็นหัวหน้าก็ควรสนับสนุน เราคิดแบบนี้ แต่พอหัวหน้าคนปัจจุบันของเรามีความคิดอีกแบบ เราจึงรู้สึกว่าหากเราจะย้ายงานในองค์กรเดิมอีกก็คงไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว เพราะเราก็ไม่ได้อยากเป็นหนี้บุญคุณเขา และหัวหน้าคงไม่ปล่อยเราไปง่ายๆด้วย เพราะงานของเราก็มีแค่เราทำคนเดียว และภาระงานเราก็เยอะ ต้องประสานงานเยอะ มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องใช้ความใจเย็นและอดทนสูง เราไม่อยู่ก็ไม่มีคนทำแทน ถ้ารับคนใหม่มาก็ต้องเทรนกันนานกว่าจะทำเป็น (และ พนง.ใหม่ยุคนี้ทำงานกันไม่ค่อยทนด้วย) หัวหน้าของหัวหน้าเราก็ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับลูกน้องในฝ่ายเราเลย ให้อำนาจกับหัวหน้าเราเต็มที่
ตอนนี้ถ้าเราอยากย้ายงาน แต่ยังอยากอยู่ในองค์กรเดิม เราก็คงต้องลาออกจากงานเดิมก่อน ซึ่งหมายความว่าเราต้องไปเริ่มต้นเงินเดือนใหม่ สมมติทำงานอยู่ฝ่ายนึงจนเงินเดือน 30K แล้ว แต่พอจะเปลี่ยนไปทำฝ่ายอื่นต้องลดเงินเดือนลงเหลือ 20K เหมือนว่าเราไม่เคยทำประโยชน์ให้องค์กรนี้มาก่อน สำหรับเรามันก็ไม่ถูกต้อง เพราะถึงจะย้ายงาน เราก็ยังเอาความรู้และทักษะจากงานเดิมมาใช้กับงานใหม่ได้ ไม่ใช่เริ่มนับจาก 0
อยากรู้ว่าคนอื่นๆมองเรื่องนี้ว่ายังไงบ้าง