การเติบโตท่ามกลางความห่างไกล จากพ่อแม่การค้นพบความหมายของครอบครัวที่แท้จริง และการเรียนรู้ที่จะเข้าใจความเสียสละของคนในครอบครัว
การจากลา
โลกทั้งโลกแตกสลายเมื่อเด็กชายแบงค์อายุ 9 ขวบ ทราบข่าวว่าพ่อกับแม่จะต้องย้ายไปที่เมืองกรุง
ฉากการจากลาน้ำตาท่วมจอก็มาถึงในเช้าวันนึงท่ามกลางคำสัญญาระหว่างพ่อแม่ลูกว่าพ่อแม่จะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ
ความรู้สึกในใจเหมือนโดนทอดทิ้งให้เดียวดายของเด็กชายวัย 9 ขวบ ทุกอย่างถาถมเข้าใส่ จนยากจินตนาการว่าเด็กน้อยคนหนึ่งจะรับมือยังไง
ตากับยายพยายามปลอบโยนหลานน้อยด้วยความเอนดู แต่ก็ยังคงทำลายความระยะห่างของหัวใจหลานกับพ่อแม่ไม่ได้มากนัก
ชีวิตใหม่กับตายา
แบงค์เริ่มปรับตัวกับชีวิตใหม่กับโลกใบเดิมได้ดี ต้องตื่นเช้าขึ้น ทำอะไรเองมากขึ้น หยิบจับงานบ้านเล็กน้อยที่จะช่วยแรงยายกับตาได้
ผักใบเขียวในสวนข้างบ้านเขียวขจีด้วยแรงของตาหลานช่วยลงมือกันในทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนก่อนทำการบ้าน
คำสอนจากยายทำให้เด็กขายแบงค์มีพัฒนาการด้านการทำอาหารหุงข้าว ดีขึ้นตามลำดับและแบงค์เองก็ดูจะมีความสุขที่ได้รับคำชมว่าทอดไข่อร่อยจากตา
ตาเองเป็นเหมือนคนสูงอายุตามบ้านนอกทั่วไปที่จะมีความสามารถในหลายๆทาง ทำให้แบงค์ซึมทรัพย์การซ่อมสร้างสิ่งต่างๆรอบตัวได้ด้วยตัวเอง
การสื่อสารทางไกลจากพ่อแม่ เริ่มลดหายไปทีละน้อย จากสามวันครั้ง เป็นเดือนละครั้ง และเป็นแบบนี้นานปี
ความขัดแย้งและความเข้าใจผิด
เด็กชายแบงค์ วัย 12 ขวบที่อยู่ในวัยรุ่นเริ่มมีปัญหาที่โรงเรียนเพราะการหยอกล้อจากเพื่อนบางครั้งก็จี้ปมในใจ ว่าโดนทิ้ง ว่าลูกไม่มีพ่อมีแม่
และจากกิจกรรมวันพ่อวันแม่ทำให้เด็กชายแบงค์ แยกตัวออกจากสังคมเพื่อเลั่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นเริ่มเก็บตัวเงียบ การงานที่เคยข่วยแรงตายายก็ลดลง
เพียงเพราะสัญญาที่พ่อแม่ให้ไว้ว่าจะกลับมาเยี่ยม มางานโรงเรียนเป็นผู้ปกครองแทนตายายบ้าง
และหนึ่งในนั้นก็คือการละเลยวันเกิดของแบงค์ ที่เงียบหายไม่มีการอวยพรแสดงความยินดี งานเลี้ยง ของขวัญ แม้แต่เสียงใดๆผ่านมือถือเลย
จุดเปลี่ยน
กลางดึกวันนึงเสียงดังเอะอะจากห้องนอนตายาย ทำให้แบงค์ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ยายไม่สบาย จนตาต้องตามเพื่อนบ้านที่มีรถพาส่งโรงพยาบาล
แม่กับพ่อแบงค์ทราบข่าวแต่ยังคงเคลียร์งานวันสองวันจึงจะได้กลับ
ระหว่างอยู่โรงพยาบาลตาเฝ้ายายด้วยความเป็นห่วง ทำให้แบงค์ได้เห็นความห่วงใยที่ตายายมีให้กัน
และเมื่อพ่อแม่มาถึงจึงได้ทราบว่าการที่พ่อแม่ต้องไปทำงานเพราะ ที่บ้านเองกำลังลำบากบ้านและที่ดินจะถูกยึด พ่อแม่เองต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว
การเติบโตและความเข้าใจ
จากเหตุนั้นทำให้แบงค์กลับมาทำหน้าที่ตัวเองที่ละเลยมาสักพักเริ่มหยิบจับงานบ้านแทนยายและตาและเริ่มเรียนรู้ภูมิปัญญาการจักรสานของตานำมาใช้แข่งขันงานโรงเรียนชนะหลายต่อหลายครั้ง
ในข่วงปิดเทแมใหญ่ตาได้พาแบงค์ไปหาพ่อแม่ที่ทำงานและได้ดห็นความเป็นอยู่ที่แออัดทั้งที่ทำงานและที่พักและ แบเองเริ่มตระหนักว่าพ่อแม่เสียสละเพียงใด
การกลับมาของครอบครัว
หลังจากนั้นสองสามปีต่อมา พ่อแม่ของแบงค์กลับมาจากเมืองกรุงเพราะหนี้สินเบาบางและสถานะการเงอนดีขึ้น
ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ขาดหายไปกลับมาเริ่มสร้างกันใหม่ระหว่างพ่อแม่ลูก
แบงค์อายุ 15 ปี เขียนเรียงความเรื่อง "ครอบครัวของฉัน" ที่เล่าถึงประสบการณ์การเติบโตกับตายาย และการเรียนรู้ว่าครอบครัวไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ความรัก ความเข้าใจ และการเสียสละที่มีให้กันต่างหากที่ทำให้เป็นครอบครัวที่แท้จริง เรียงความนี้ได้รับรางวัลและถูกอ่านในงานวันพ่อที่โรงเรียน ทำให้พ่อแม่และตายายภูมิใจในตัวแบงค์โดยมีพ่อแม่นั่งฟังในงานวันนั้น
รอยห่างที่เชื่อมโยง
การจากลา
โลกทั้งโลกแตกสลายเมื่อเด็กชายแบงค์อายุ 9 ขวบ ทราบข่าวว่าพ่อกับแม่จะต้องย้ายไปที่เมืองกรุง
ฉากการจากลาน้ำตาท่วมจอก็มาถึงในเช้าวันนึงท่ามกลางคำสัญญาระหว่างพ่อแม่ลูกว่าพ่อแม่จะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ
ความรู้สึกในใจเหมือนโดนทอดทิ้งให้เดียวดายของเด็กชายวัย 9 ขวบ ทุกอย่างถาถมเข้าใส่ จนยากจินตนาการว่าเด็กน้อยคนหนึ่งจะรับมือยังไง
ตากับยายพยายามปลอบโยนหลานน้อยด้วยความเอนดู แต่ก็ยังคงทำลายความระยะห่างของหัวใจหลานกับพ่อแม่ไม่ได้มากนัก
ชีวิตใหม่กับตายา
แบงค์เริ่มปรับตัวกับชีวิตใหม่กับโลกใบเดิมได้ดี ต้องตื่นเช้าขึ้น ทำอะไรเองมากขึ้น หยิบจับงานบ้านเล็กน้อยที่จะช่วยแรงยายกับตาได้
ผักใบเขียวในสวนข้างบ้านเขียวขจีด้วยแรงของตาหลานช่วยลงมือกันในทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนก่อนทำการบ้าน
คำสอนจากยายทำให้เด็กขายแบงค์มีพัฒนาการด้านการทำอาหารหุงข้าว ดีขึ้นตามลำดับและแบงค์เองก็ดูจะมีความสุขที่ได้รับคำชมว่าทอดไข่อร่อยจากตา
ตาเองเป็นเหมือนคนสูงอายุตามบ้านนอกทั่วไปที่จะมีความสามารถในหลายๆทาง ทำให้แบงค์ซึมทรัพย์การซ่อมสร้างสิ่งต่างๆรอบตัวได้ด้วยตัวเอง
การสื่อสารทางไกลจากพ่อแม่ เริ่มลดหายไปทีละน้อย จากสามวันครั้ง เป็นเดือนละครั้ง และเป็นแบบนี้นานปี
ความขัดแย้งและความเข้าใจผิด
เด็กชายแบงค์ วัย 12 ขวบที่อยู่ในวัยรุ่นเริ่มมีปัญหาที่โรงเรียนเพราะการหยอกล้อจากเพื่อนบางครั้งก็จี้ปมในใจ ว่าโดนทิ้ง ว่าลูกไม่มีพ่อมีแม่
และจากกิจกรรมวันพ่อวันแม่ทำให้เด็กชายแบงค์ แยกตัวออกจากสังคมเพื่อเลั่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นเริ่มเก็บตัวเงียบ การงานที่เคยข่วยแรงตายายก็ลดลง
เพียงเพราะสัญญาที่พ่อแม่ให้ไว้ว่าจะกลับมาเยี่ยม มางานโรงเรียนเป็นผู้ปกครองแทนตายายบ้าง
และหนึ่งในนั้นก็คือการละเลยวันเกิดของแบงค์ ที่เงียบหายไม่มีการอวยพรแสดงความยินดี งานเลี้ยง ของขวัญ แม้แต่เสียงใดๆผ่านมือถือเลย
จุดเปลี่ยน
กลางดึกวันนึงเสียงดังเอะอะจากห้องนอนตายาย ทำให้แบงค์ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ยายไม่สบาย จนตาต้องตามเพื่อนบ้านที่มีรถพาส่งโรงพยาบาล
แม่กับพ่อแบงค์ทราบข่าวแต่ยังคงเคลียร์งานวันสองวันจึงจะได้กลับ
ระหว่างอยู่โรงพยาบาลตาเฝ้ายายด้วยความเป็นห่วง ทำให้แบงค์ได้เห็นความห่วงใยที่ตายายมีให้กัน
และเมื่อพ่อแม่มาถึงจึงได้ทราบว่าการที่พ่อแม่ต้องไปทำงานเพราะ ที่บ้านเองกำลังลำบากบ้านและที่ดินจะถูกยึด พ่อแม่เองต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว
การเติบโตและความเข้าใจ
จากเหตุนั้นทำให้แบงค์กลับมาทำหน้าที่ตัวเองที่ละเลยมาสักพักเริ่มหยิบจับงานบ้านแทนยายและตาและเริ่มเรียนรู้ภูมิปัญญาการจักรสานของตานำมาใช้แข่งขันงานโรงเรียนชนะหลายต่อหลายครั้ง
ในข่วงปิดเทแมใหญ่ตาได้พาแบงค์ไปหาพ่อแม่ที่ทำงานและได้ดห็นความเป็นอยู่ที่แออัดทั้งที่ทำงานและที่พักและ แบเองเริ่มตระหนักว่าพ่อแม่เสียสละเพียงใด
การกลับมาของครอบครัว
หลังจากนั้นสองสามปีต่อมา พ่อแม่ของแบงค์กลับมาจากเมืองกรุงเพราะหนี้สินเบาบางและสถานะการเงอนดีขึ้น
ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ขาดหายไปกลับมาเริ่มสร้างกันใหม่ระหว่างพ่อแม่ลูก
แบงค์อายุ 15 ปี เขียนเรียงความเรื่อง "ครอบครัวของฉัน" ที่เล่าถึงประสบการณ์การเติบโตกับตายาย และการเรียนรู้ว่าครอบครัวไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ความรัก ความเข้าใจ และการเสียสละที่มีให้กันต่างหากที่ทำให้เป็นครอบครัวที่แท้จริง เรียงความนี้ได้รับรางวัลและถูกอ่านในงานวันพ่อที่โรงเรียน ทำให้พ่อแม่และตายายภูมิใจในตัวแบงค์โดยมีพ่อแม่นั่งฟังในงานวันนั้น