โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ Small Modular Reactor (SMR) เป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจในประเทศไทย จากศักยภาพในการผลิตพลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนเหตุผลสำคัญยิ่งกว่านั้นคืออะไร?
ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญล่าสุดมาจาก การบรรจุ SMR ไว้ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) โดยกระทรวงพลังงานได้พิจารณาบรรจุโครงการโรงไฟฟ้า SMR ไว้ในแผน PDP2024 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 และคาดว่าจะมีการเปิดรับเอกชนเข้ามาลงทุน ผ่านรูปแบบการร่วมทุน (PPP) หรือโครงการพลังงานเสรี
ในขณะที่กลุ่มทุนไทยให้ความสนใจ SMR มาจากความต้องการพลังงานที่เสถียรสำหรับภาคอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมไปถึง “ต้นทุนคงที่” ซึ่งพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์และลม ยังมีข้อจำกัดเรื่องความไม่ต่อเนื่องของการผลิตไฟฟ้ โดยเฉพาะกลุ่มทุนพลังงาน เช่น GPSC, BGRIM และ Gulf Energy ที่สนใจนำ SMR มาใช้ในนิคมอุตสาหกรรมของตัวเอง
ยิ่งกว่านั้นยังมีเหตุผลสำคัญอื่นที่กลุ่มทุนดังกล่าวให้ความสนใจการลงทุนใน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) คือ
เป้าหมายของรัฐบาลไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065
พลังงานนิวเคลียร์ (โดยเฉพาะ SMR) ไม่มีการปล่อยคาร์บอนขณะผลิตไฟฟ้า ทำให้ตอบโจทย์นโยบายพลังงานสะอาด
นักลงทุนที่ต้องการพัฒนาโครงการพลังงานระยะยาวมองว่า SMR เป็นตัวเลือกที่มี เสถียรภาพและช่วยลด CO2
แม้ว่าเทคโนโลยี SMR จะมีข้อดีหลายประการ เช่น ขนาดเล็ก ต้นทุนการก่อสร้างต่ำ และความปลอดภัยสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เช่น ต้นทุนที่ยังสูงกว่าพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ และความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจและยอมรับจากสังคม ดังนั้น การลงทุนโรงไฟฟ้า SMR ในประเทศไทยยังต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐศาสตร์ และสังคม เพื่อให้การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กเป็นไปอย่างยั่งยืนและปลอดภัย
SMR มีขนาดเล็กและปลอดภัยกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม
ต้นทุนการก่อสร้างต่ำลง เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ และสามารถสร้างแบบ โมดูลาร์ (ประกอบเป็นส่วน ๆ ได้)
ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำและเสถียรกว่าพลังงานฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ ที่ราคาผันผวนสูง
ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือก๊าซ
แนวโน้มการเปิดเสรีพลังงานในไทย ทำให้ภาคเอกชนสามารถลงทุนในโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
SMR สามารถใช้ได้ทั้ง ในประเทศและเพื่อการส่งออกไฟฟ้า ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชาและลาว
การสนับสนุนจากองค์กรนานาชาติ เช่น IAEA (International Atomic Energy Agency) ทำให้ไทยได้รับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและเงินทุน
ความสนใจจากต่างประเทศและพันธมิตรทางธุรกิจ
บริษัทพลังงานระดับโลก เช่น Rosatom (รัสเซีย), NuScale (สหรัฐฯ), และ Rolls-Royce (อังกฤษ) สนใจขยายตลาด SMR ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มทุนไทยมองเห็นโอกาสในการเป็น พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ กับผู้ผลิตเทคโนโลยีเหล่านี้
อนาคตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ในไทย
แม้ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ แนวโน้มการพัฒนา SMR เริ่มชัดเจนขึ้น โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่ออนาคตของ SMR ในไทยคือ
(1) แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าแห่งชาติ (PDP) ฉบับใหม่
แผน PDP 2024 ของกระทรวงพลังงาน เตรียมบรรจุ SMR ไว้ในแผนพลังงานของประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยเริ่มจริงจังกับการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ โดยคาดว่าจะมีการเปิดรับเอกชนเข้ามาลงทุน ผ่านรูปแบบการร่วมทุน (PPP) หรือโครงการพลังงานเสรี
(2) การสนับสนุนจากภาคเอกชน
บริษัทพลังงานชั้นนำในไทย เช่น GPSC, BGRIM, Gulf Energy และ EGCO ให้ความสนใจศึกษาการลงทุนใน SMR โดย SMR อาจถูกนำมาใช้ใน นิคมอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษ และพื้นที่ห่างไกล ที่ต้องการพลังงานเสถียร
(3) การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคม
ไทยยังมีข้อกังวลเรื่อง ความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ SMR มีระบบป้องกันที่พัฒนาขึ้นจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม การให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญ หากต้องการผลักดัน SMR ในไทย
(4) ความร่วมมือกับนานาชาติ
ไทยมีความร่วมมือด้านนิวเคลียร์กับ IAEA (International Atomic Energy Agency) และบริษัทต่างชาติ เช่น Rosatom (รัสเซีย), NuScale (สหรัฐฯ), และ Rolls-Royce (อังกฤษ) คาดว่าไทยจะเริ่มจาก โครงการนำร่อง และหากสำเร็จ อาจมีการขยายไปสู่การพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ในระดับประเทศ
อนาคตของ SMR ทั่วโลก
SMR กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก โดยมีหลายประเทศที่เริ่มลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง เช่น
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา: ผู้นำด้านเทคโนโลยี SMR
บริษัท NuScale Power ในสหรัฐฯ ได้รับการอนุมัติให้สร้าง SMR เชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก ส่วนแคนาดา มีแผนสร้าง SMR เพื่อใช้ในพื้นที่เหมืองแร่และอุตสาหกรรมพลังงาน
ยุโรป: สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน
นำโดยฝรั่งเศสและอังกฤษ ที่ให้การสนับสนุน SMR เพื่อเป็นทางเลือกแทนโรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่อย่าง Rolls-Royce ก็กำลังพัฒนา SMR ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ภายในปี 2030
จีนและรัสเซีย: ผู้นำด้านการผลิตและส่งออกเทคโนโลยี SMR
จีน ได้เปิดตัว SMR รุ่นแรกชื่อ Linglong One (China National Nuclear Corporation - CNNC) ซึ่งเป็นโครงการพาณิชย์แรกของประเทศ และจีนยังเป็นประเทศแรกที่ เริ่มก่อสร้าง SMR เชิงพาณิชย์บนบก ที่เกาะไหหลำ (เริ่มก่อสร้างในปี 2021 และคาดว่าจะเสร็จปี 2026) โดย SMR ของจีนถูกออกแบบมาเพื่อใช้ใน เขตเมืองอุตสาหกรรมและการผลิตไฮโดรเจน
รัสเซีย พัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ ใช้ SMR ชื่อว่า Akademik Lomonosov ผลิตไฟฟ้าในเขตอาร์กติก และยักษ์ใหญ่อย่าง Rosatom กำลังขยายตลาด SMR ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ตลาดเกิดใหม่ของ SMR
อินโดนีเซีย กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ SMR เพื่อแก้ปัญหาพลังงานในพื้นที่ห่างไกล ด้านฟิลิปปินส์กำลังวางแผนสร้าง SMR เพื่อเสริมระบบไฟฟ้าที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก
SMR เป็น เทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์แห่งอนาคต ที่มีแนวโน้มเติบโตทั่วโลก และประเทศไทยกำลังให้ความสนใจอย่างจริงจัง แม้จะมีอุปสรรค เช่น ต้นทุนและการยอมรับจากสังคม แต่หากสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ SMR จะเป็นตัวแปรสำคัญในการ เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมพลังงานของไทยและโลก
Cr.
https://www.posttoday.com/smart-city/719815
ทำไมยักษ์เอกชนไทย สนใจลงทุน SMR – โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก
ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญล่าสุดมาจาก การบรรจุ SMR ไว้ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) โดยกระทรวงพลังงานได้พิจารณาบรรจุโครงการโรงไฟฟ้า SMR ไว้ในแผน PDP2024 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 และคาดว่าจะมีการเปิดรับเอกชนเข้ามาลงทุน ผ่านรูปแบบการร่วมทุน (PPP) หรือโครงการพลังงานเสรี
ในขณะที่กลุ่มทุนไทยให้ความสนใจ SMR มาจากความต้องการพลังงานที่เสถียรสำหรับภาคอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมไปถึง “ต้นทุนคงที่” ซึ่งพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์และลม ยังมีข้อจำกัดเรื่องความไม่ต่อเนื่องของการผลิตไฟฟ้ โดยเฉพาะกลุ่มทุนพลังงาน เช่น GPSC, BGRIM และ Gulf Energy ที่สนใจนำ SMR มาใช้ในนิคมอุตสาหกรรมของตัวเอง
ยิ่งกว่านั้นยังมีเหตุผลสำคัญอื่นที่กลุ่มทุนดังกล่าวให้ความสนใจการลงทุนใน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) คือ
เป้าหมายของรัฐบาลไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065
พลังงานนิวเคลียร์ (โดยเฉพาะ SMR) ไม่มีการปล่อยคาร์บอนขณะผลิตไฟฟ้า ทำให้ตอบโจทย์นโยบายพลังงานสะอาด
นักลงทุนที่ต้องการพัฒนาโครงการพลังงานระยะยาวมองว่า SMR เป็นตัวเลือกที่มี เสถียรภาพและช่วยลด CO2
แม้ว่าเทคโนโลยี SMR จะมีข้อดีหลายประการ เช่น ขนาดเล็ก ต้นทุนการก่อสร้างต่ำ และความปลอดภัยสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เช่น ต้นทุนที่ยังสูงกว่าพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ และความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจและยอมรับจากสังคม ดังนั้น การลงทุนโรงไฟฟ้า SMR ในประเทศไทยยังต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐศาสตร์ และสังคม เพื่อให้การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กเป็นไปอย่างยั่งยืนและปลอดภัย
SMR มีขนาดเล็กและปลอดภัยกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม
ต้นทุนการก่อสร้างต่ำลง เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ และสามารถสร้างแบบ โมดูลาร์ (ประกอบเป็นส่วน ๆ ได้)
ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำและเสถียรกว่าพลังงานฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ ที่ราคาผันผวนสูง
ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือก๊าซ
แนวโน้มการเปิดเสรีพลังงานในไทย ทำให้ภาคเอกชนสามารถลงทุนในโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
SMR สามารถใช้ได้ทั้ง ในประเทศและเพื่อการส่งออกไฟฟ้า ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชาและลาว
การสนับสนุนจากองค์กรนานาชาติ เช่น IAEA (International Atomic Energy Agency) ทำให้ไทยได้รับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและเงินทุน
ความสนใจจากต่างประเทศและพันธมิตรทางธุรกิจ
บริษัทพลังงานระดับโลก เช่น Rosatom (รัสเซีย), NuScale (สหรัฐฯ), และ Rolls-Royce (อังกฤษ) สนใจขยายตลาด SMR ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มทุนไทยมองเห็นโอกาสในการเป็น พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ กับผู้ผลิตเทคโนโลยีเหล่านี้
อนาคตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ในไทย
แม้ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ แนวโน้มการพัฒนา SMR เริ่มชัดเจนขึ้น โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่ออนาคตของ SMR ในไทยคือ
(1) แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าแห่งชาติ (PDP) ฉบับใหม่
แผน PDP 2024 ของกระทรวงพลังงาน เตรียมบรรจุ SMR ไว้ในแผนพลังงานของประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยเริ่มจริงจังกับการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ โดยคาดว่าจะมีการเปิดรับเอกชนเข้ามาลงทุน ผ่านรูปแบบการร่วมทุน (PPP) หรือโครงการพลังงานเสรี
(2) การสนับสนุนจากภาคเอกชน
บริษัทพลังงานชั้นนำในไทย เช่น GPSC, BGRIM, Gulf Energy และ EGCO ให้ความสนใจศึกษาการลงทุนใน SMR โดย SMR อาจถูกนำมาใช้ใน นิคมอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษ และพื้นที่ห่างไกล ที่ต้องการพลังงานเสถียร
(3) การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคม
ไทยยังมีข้อกังวลเรื่อง ความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ SMR มีระบบป้องกันที่พัฒนาขึ้นจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม การให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญ หากต้องการผลักดัน SMR ในไทย
(4) ความร่วมมือกับนานาชาติ
ไทยมีความร่วมมือด้านนิวเคลียร์กับ IAEA (International Atomic Energy Agency) และบริษัทต่างชาติ เช่น Rosatom (รัสเซีย), NuScale (สหรัฐฯ), และ Rolls-Royce (อังกฤษ) คาดว่าไทยจะเริ่มจาก โครงการนำร่อง และหากสำเร็จ อาจมีการขยายไปสู่การพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ในระดับประเทศ
อนาคตของ SMR ทั่วโลก
SMR กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก โดยมีหลายประเทศที่เริ่มลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง เช่น
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา: ผู้นำด้านเทคโนโลยี SMR
บริษัท NuScale Power ในสหรัฐฯ ได้รับการอนุมัติให้สร้าง SMR เชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก ส่วนแคนาดา มีแผนสร้าง SMR เพื่อใช้ในพื้นที่เหมืองแร่และอุตสาหกรรมพลังงาน
ยุโรป: สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน
นำโดยฝรั่งเศสและอังกฤษ ที่ให้การสนับสนุน SMR เพื่อเป็นทางเลือกแทนโรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่อย่าง Rolls-Royce ก็กำลังพัฒนา SMR ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ภายในปี 2030
จีนและรัสเซีย: ผู้นำด้านการผลิตและส่งออกเทคโนโลยี SMR
จีน ได้เปิดตัว SMR รุ่นแรกชื่อ Linglong One (China National Nuclear Corporation - CNNC) ซึ่งเป็นโครงการพาณิชย์แรกของประเทศ และจีนยังเป็นประเทศแรกที่ เริ่มก่อสร้าง SMR เชิงพาณิชย์บนบก ที่เกาะไหหลำ (เริ่มก่อสร้างในปี 2021 และคาดว่าจะเสร็จปี 2026) โดย SMR ของจีนถูกออกแบบมาเพื่อใช้ใน เขตเมืองอุตสาหกรรมและการผลิตไฮโดรเจน
รัสเซีย พัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ ใช้ SMR ชื่อว่า Akademik Lomonosov ผลิตไฟฟ้าในเขตอาร์กติก และยักษ์ใหญ่อย่าง Rosatom กำลังขยายตลาด SMR ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ตลาดเกิดใหม่ของ SMR
อินโดนีเซีย กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ SMR เพื่อแก้ปัญหาพลังงานในพื้นที่ห่างไกล ด้านฟิลิปปินส์กำลังวางแผนสร้าง SMR เพื่อเสริมระบบไฟฟ้าที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก
SMR เป็น เทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์แห่งอนาคต ที่มีแนวโน้มเติบโตทั่วโลก และประเทศไทยกำลังให้ความสนใจอย่างจริงจัง แม้จะมีอุปสรรค เช่น ต้นทุนและการยอมรับจากสังคม แต่หากสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ SMR จะเป็นตัวแปรสำคัญในการ เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมพลังงานของไทยและโลก
Cr. https://www.posttoday.com/smart-city/719815