สวัสดีค่ะ เราเป็นเด็กม.ปลายคนนึง ที่เรียกได้ว่าผ่านอะไรมามากมาย ต่อสู้ตั้งแต่เด็กๆ ที่บอกว่า"ผ่านมามากมาย" ไม่ใช่แค่ขาดเรื่องเงินทอง
แถมเป็นเรื่องของจิตใจ
เราจะเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่วัยเด็กเลยนะคะ
เดิมทีตั้งแต่เด็กๆเลยเรามีอาการทางจิตค่ะเป็นโรคจิตเวช จำความได้ว่าเป็นตั้งแต่ 6ขวบ อาการตอนนั้นคือ มีคนสั่งให้ทำอะไรเราก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำเขาบอกเขาจะฆ่าเราค่ะ ได้ยินเสียงด่าเราบ้าง สบถบ้าง หูแว่ว เห็นภาพหลอน คือทุกอย่างทรมานไปหมด เรามีเพื่อนในจินตนาการคนนึงค่ะ ชื่อว่า"ไนเนิ้ล" เขาเป็นเด็กผู้ชายที่จะออกมาปลอบเราช่วยเล่นเป็นเพื่อนเรา เขาพูดดีมาก คำพูดแต่ละอย่างเหมือนออกมาจากนิยาย หรือบางครั้งก็พูดเป็นกลอนเลย ทั้งร่าเริง พูดเก่ง ยิ้มแย้ม ตรงข้ามกับตัวเราเลยค่ะ คนรอบข้างก็มองเราแปลกๆ เพราะเราจะหัวเราะ,ยิ้ม,พูดคนเดียว ตอนเด็กเราโดนทำร้ายร่างกาย...ทั้งใช้ไม้แขวนเสื้อฟาด ทั้งก้านมะยาม บางครั้งก็มือเลยค่ะ โดนตีจนเป็นรอยฟาดแดงบวมๆขึ้นมาโดนฟาดจนเลือดขาซิบบ้างตอนนั้นจำได้ว่าแสบมาก.... แสบสุดๆ ไม่ได้ตีแค่สองสามทีแต่ตีเป็นสิบๆที ไม่ก็โดนตีจนกว่าเขาจะพอใจ โดนตบหน้าด้วย ไม่ใช่แค่ที่บ้านที่สารธาณะก็โดน ไม่ได้ตบเบาๆ ตบแรงมากจนหน้าเราหันเลยตัว เซด้วย (โดนตั้งแต่7ขวบ) ด้วยเหตุผลเล็กๆน้อยๆ ยกตัวอย่างตอนนั้นเราหาตังในกระเป๋าตังตัวเองไม่เจอเราก็เลยโดนตบหน้าค่ะ แถมโดนตะคอกใส่ชี้นิ้วใส่ด้วยขึงตาใส่ ประมาณว่า เนี่ยมันอยู่เนี่ย! ทำไมไม่เห็น
แหกตาดู!!! รู้จักหาบ้าง! ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจค่ะว่ามันคืออะไรทำอย่างนั้นทำไม เรารู้แค่ว่าเราแสบหน้าไปหมด เราไม่เศร้าไม่อะไร ก็เลยเดินไปทำอย่างอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขอบอกก่อนเลยนะคะ ตั้งแต่เกิดเราไม่เคยเจอหน้าพ่อตัวเองเลยค่ะ ไม่เคยเห็นแม่ติดต่อกับพ่อเลย จนกระทั้งอายุ12 พ่อกับแม่เรามาเจอกันแล้วก็ทะเลาะกันค่ะ แรงมากจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ...แต่ไม่ใช่กันเองแต่ลงที่เรา....ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ไม่เคยได้รับความสนใจจากพ่อเหมือนแม่เลยค่ะ...พ่อกับแม่สนใจแค่น้องกับพี่ ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งคู่จนเรารู้สึกเกลียดน้องตัวเองเกลียดมากๆ ทำไมต้องได้รับความรักความสนใจเอาใจใส่จากพ่อที่เราไม่เคยได้? เวลาน้องทำอะไรผิด แม่กับพ่อก็จะพยายามพูดเหมือนให้น้องเราเป็นฝ่ายถูก ด่าเราจนกว่าเราจะเงียบไปเอง เราต้องยอมตลอด แม่เรามักจะดูถูกเราบ่อยๆค่ะว่า "โง่ จะเป็นหมอมันต้องฉลาด
โง่แบบนี้มันเป็นไม่ได้หรอก" "หมออ่ะ เขาฉลาดเก่งเลข คิดคำนวณเก่ง ดูตัวเองด้วย" "ไม่ๆๆ เป็นไม่ได้หรอกยังไงก็ไม่ได้" เราโดนดูถูกจนไฟที่มีอยู่ดับมอดลงไปเรื่อยๆ...จนไม่อาจติดขึ้นมาได้อีก
เราไม่เคยถูกสนับสนุนความฝัน เราอิจฉาคนอื่นที่ได้รับการยอมรับความฝันของตัวเองจากพ่อแม่ตัวเอง เพื่อนเราตอนเด็กๆเขาอยากเป็นนักบิน ทั้งพ่อแม่ก็พาไปเรียนรู้ทำกิจกรรมต่างๆตามความฝันของลูก
เราไม่เคยมีเพื่อนจริงๆสักคนเพราะสังคมมองว่าเราบ้าโรคจิต พอเขารู้ว่าเราเป็นแบบนี้ๆนะ คนอื่นก็จะตีตัวออกห่าง
ตอนเด็กเราไม่ได้ถูกแม่เลี้ยงมาค่ะแต่เป็นปู่กับย่า ปู่กับย่าเรามีปัญหาทะเลาะกันประจำ มีปัญหาเรื่องนอกใจค่ะ ปัจจุบันก็เป็นอยู่ ไม่ใช่แค่เรื่องนอกใจ การเงิน การงาน ความสัมพันธ์กับคนอื่นแต่ยังมีปัญหาอย่างอื่นอีกคือ ปู่เราไม่เคยให้ความช่วยเหลือย่าเราเลยค่ะไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน ย่าเราก็ต้องดิ้นรนเองตลอด ตอนนั้นเรายังไม่หลับค่ะ ย่าเราเคยบอกว่า "ทำไมพระเจ้าไม่ให้กุตายๆไปซะที"แล้วก็กรี๊ดร้องไห้เสียงดัง ทุบหมอนซ้ำๆ เรารู้แค่ว่ามันเสียงดังมาก เราสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้ พออายุ9ขวบก็เริ่มมีอาการย้ำคิดย้ำทำ เราหยี๋มากเราไม่กล้าจับอะไรเลย ของคนอื่นมันดูสกปรกไปหมด (สิ่งของสารธาณะ) กับการที่เราไม่มั่นใจว่าเราทำสิ่งนี้ไปแล้วหรือยัง เราก็ต้องกลับไปเช็คซ้ำๆอีกรอบ พออายุ12เราก็เริ่มมีอาการซึมเศร้า+แพนิค+หลายบุคลิก ตอนนั้นเราเริ่มรู้แล้วค่ะว่าเราโดนอะไรมาบ้างมันหนักขึ้นๆ เราได้แต่โหยหาความรักจากคนอื่น ตอนเด็กเราไม่เคยได้รับความรัก/ยอมรับจากพ่อแม่เลย ในตอนนั้นทางออกของปัญหาคือเราได้แค่สีไวโอลินเล่นในห้อง (เราหัดเล่นไวโอลินเองนะคะ ไม่เคยเรียน ตอนนั้นเป็นวันเกิดเราน้าซื้อให้) แต่งกลอน/นิยาย อ่านหนังสือวรรณกรรม เล่นหมากรุก หรือเล่นคำถามปัญหาเชาว์ บางครั้งก็แก้โจทย์คณิตเล่น
แต่พอปัญหามันหนักขึ้นเรื่อยๆจนกิจกรรมพวกนั้นมันเยียวยาเราไม่ไหว+อาการทางจิต มันก็ทำให้เราสติแตก เราระแวงว่าจะมีคนมาฆ่าเราทำร้ายเรา เพื่อนทั้งห้องตอนนั้นก็ทั้งเกลียดเรากลัวเรา เราเคยทำไม่ดีกับเพื่อนในห้องไว้แต่คนนั้นไม่ใช่เราเราไม่ได้ทำจริงๆ แต่ก็ไม่มีคนเชื่อ ไม่มีใครกล้ามาช่วย/ปลอบ เราเคยเสียใจมากๆจนร้องไห้ออกมา ร้องไห้เสียงดังมาก แต่...ไม่มีใครสนใจเลย (ไนเนิ้ลคนนั้นเขาบอกกับเราว่าเขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีก...แล้วเขาก็ไม่กลับมาจริงๆ เขาบอกว่า"ถ้าแกกับเค้ากลับมาเจอกันอีกก็ดีเนอะ" ) เพื่อนในห้องต่างก็ลงไปเรียนวิชาอื่น เดินผ่านเราไปเหมือนเราเป็นอากาศ บางคนก็ส่งสายตาเหมือนว่า รำคาญ เรียกร้องความสนใจ สมเพช ในห้องไม่มีใครอยากเข้าไกล้เราเวลาเราเดินไปไหนก็มีแต่คนมอง เวลาส่งงานครู คนอื่นในห้องก็เลื่อนตัวหนี หรือเดินไปไกลๆเพื่อออกห่างจากตัวเราเลย เราเหงามากๆไม่มีคนคุยด้วย เวลามีงานกลุ่มก็ไม่มีคนอยากเอาเข้า เราต้องไปขอครูทุกรอบ ถ้าเราไปขอเขาเข้าอยู่กลุ่มด้วย เขาก็จะบอกว่า "ก็ไม่อยากให้เข้า ทำไม?" เราตอบว่าทำไมอ่ะ? (เพราะงานนี้มันต้องทำอะไรหลายๆอย่างเยอะ)"เพื่อนคนนึงก็สมทบว่า"ก็ไม่อยากให้เข้าอ่ะ ต้องมีเหตุผลด้วยหรอ?"
บางคนก็บอกกลุ่มเต็มแล้ว ทั้งๆที่กลุ่มยังไม่ครบ บางกลุ่มก็ส่งสายตามาแล้วก็มองหน้ากัน แล้วหนึ่งในนั้นก็พูดเรื่องอื่นขึ้นมาเป็นเรื่องสนุกๆกัน ราวกับว่า...เราไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นไม่เคยถาม มันเป็นแบบนี้ทุกรอบ จนเราเลือกที่จะทำงานคนเดียว
เราพยายามฆ่าตัวตาย
1กินยาจิตเวช20กว่าเม็ดแต่ไม่เป็นผล ตื่นมามึนหัว ไม่มีแรงปวดหัวตุบๆ เหมือนว่าตอนนั้นมีแค่ร่างกายที่ขยับได้
2กินน้ำยาล้างห้องน้ำ แสบคอมาก ทั้งคันทั้งแสบ แสบท้อง ลื่นๆคอ
3กรีดแขน ถ้ากรีดตื้นๆเลือดออกไม่เยอะตายไม่ได้ ต้องกรีดลึกมากๆ แล้วเอาไปแช่น้ำอุ่น เลืดจะไม่หยุดไหลจะไหลไปเรื่อยๆ หน้ามืดตามัว หมดแรง
อันนี้ถ้าแผลหายแล้วมันจะเป็นรอยขาวๆ ถ้ากรีดลึกหน่อยมันจะเป็นรอยแผลเป็นแดงนูนๆขึ้นมา
4แบบคอตัวเอง อันนี้ตายไม่ได้น้ะจ้ะ
บางครั้งเราก็ต่อยกำแพง เอาหัวโขกกำแพง กระทืบพื้นบ้าง กรี๊ดออกมาดังๆ
เราทนแบบนี้มาทั้งชีวิต กับความโดดเดี่ยว เราเลยเลือกที่จะหาสิ่งที่เราไม่เคยได้รับคือ ความสนใจและความรัก เรายอมมีเซกส์กับใครก็ได้ ขอแค่ได้รับความสนใจได้รู้สึกว่าเราได้รับความรักในเวลานั้นแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่เราก็รู้สึกว่าในเวลานั้น เรามีค่ามากจริงๆ นี่รึเปล่าที่เรียกว่าความรัก?ที่เราไม่เคยสัมผัสถึงมัน?
คนที่ตั้งคำถามว่ามีชีวิตอยู่ทำไม อยู่ไปเพื่ออะไร เกิดมาทำไม เขาจะตั้งคำถามเมื่อเขามีชีวิตมาถึงจุดต่ำสุดนี้ และหาทางออกไม่เจอ เราทรมานกับการมีชีวิตอยู่ เวลาเราร้องไห้หรืออาการกำเริบ ก็ไม่เคยปลอบสนใจ แม่ก็ด่าว่า กินยาก็ไม่ดีขึ้น เอาไปให้คนอื่นที่เป็นกินเถอะ เปลือง
เราอยากตายมาตลอด พอมีความรู้สึกนี้ อะไรก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นไม่ได้ นอกจากเซกส์กับเหล้า ถ้าเครียดมากๆจนถึงขั้นอยากสูบบุหรี่เลย
ตอนนี้เราใช้ชีวิตเหมือนคนที่ตายไปแล้วมีแค่ร่างกายเปล่าๆที่ดำรงชีวิตอยู่
เราหวังเพียงแค่ว่าหลับแล้วอย่าตื่นขึ้นมาอีกเลย
อยากมีคนอยู่ข้างๆคอยกอดเราเอาไว้ตรงนี้ไม่ไปไหน
"คนที่ฆ่าตัวตายมีแต่พวกอ่อนแอไง อ่อนแอก็แพ้ไป"
คำพวกนี้มันฝังอยู่ในใจเรา
เราคือธาตุอากาศของสังคม😃 ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเรา?
แถมเป็นเรื่องของจิตใจ
เราจะเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่วัยเด็กเลยนะคะ
เดิมทีตั้งแต่เด็กๆเลยเรามีอาการทางจิตค่ะเป็นโรคจิตเวช จำความได้ว่าเป็นตั้งแต่ 6ขวบ อาการตอนนั้นคือ มีคนสั่งให้ทำอะไรเราก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำเขาบอกเขาจะฆ่าเราค่ะ ได้ยินเสียงด่าเราบ้าง สบถบ้าง หูแว่ว เห็นภาพหลอน คือทุกอย่างทรมานไปหมด เรามีเพื่อนในจินตนาการคนนึงค่ะ ชื่อว่า"ไนเนิ้ล" เขาเป็นเด็กผู้ชายที่จะออกมาปลอบเราช่วยเล่นเป็นเพื่อนเรา เขาพูดดีมาก คำพูดแต่ละอย่างเหมือนออกมาจากนิยาย หรือบางครั้งก็พูดเป็นกลอนเลย ทั้งร่าเริง พูดเก่ง ยิ้มแย้ม ตรงข้ามกับตัวเราเลยค่ะ คนรอบข้างก็มองเราแปลกๆ เพราะเราจะหัวเราะ,ยิ้ม,พูดคนเดียว ตอนเด็กเราโดนทำร้ายร่างกาย...ทั้งใช้ไม้แขวนเสื้อฟาด ทั้งก้านมะยาม บางครั้งก็มือเลยค่ะ โดนตีจนเป็นรอยฟาดแดงบวมๆขึ้นมาโดนฟาดจนเลือดขาซิบบ้างตอนนั้นจำได้ว่าแสบมาก.... แสบสุดๆ ไม่ได้ตีแค่สองสามทีแต่ตีเป็นสิบๆที ไม่ก็โดนตีจนกว่าเขาจะพอใจ โดนตบหน้าด้วย ไม่ใช่แค่ที่บ้านที่สารธาณะก็โดน ไม่ได้ตบเบาๆ ตบแรงมากจนหน้าเราหันเลยตัว เซด้วย (โดนตั้งแต่7ขวบ) ด้วยเหตุผลเล็กๆน้อยๆ ยกตัวอย่างตอนนั้นเราหาตังในกระเป๋าตังตัวเองไม่เจอเราก็เลยโดนตบหน้าค่ะ แถมโดนตะคอกใส่ชี้นิ้วใส่ด้วยขึงตาใส่ ประมาณว่า เนี่ยมันอยู่เนี่ย! ทำไมไม่เห็น
แหกตาดู!!! รู้จักหาบ้าง! ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจค่ะว่ามันคืออะไรทำอย่างนั้นทำไม เรารู้แค่ว่าเราแสบหน้าไปหมด เราไม่เศร้าไม่อะไร ก็เลยเดินไปทำอย่างอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขอบอกก่อนเลยนะคะ ตั้งแต่เกิดเราไม่เคยเจอหน้าพ่อตัวเองเลยค่ะ ไม่เคยเห็นแม่ติดต่อกับพ่อเลย จนกระทั้งอายุ12 พ่อกับแม่เรามาเจอกันแล้วก็ทะเลาะกันค่ะ แรงมากจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ...แต่ไม่ใช่กันเองแต่ลงที่เรา....ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ไม่เคยได้รับความสนใจจากพ่อเหมือนแม่เลยค่ะ...พ่อกับแม่สนใจแค่น้องกับพี่ ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งคู่จนเรารู้สึกเกลียดน้องตัวเองเกลียดมากๆ ทำไมต้องได้รับความรักความสนใจเอาใจใส่จากพ่อที่เราไม่เคยได้? เวลาน้องทำอะไรผิด แม่กับพ่อก็จะพยายามพูดเหมือนให้น้องเราเป็นฝ่ายถูก ด่าเราจนกว่าเราจะเงียบไปเอง เราต้องยอมตลอด แม่เรามักจะดูถูกเราบ่อยๆค่ะว่า "โง่ จะเป็นหมอมันต้องฉลาด
โง่แบบนี้มันเป็นไม่ได้หรอก" "หมออ่ะ เขาฉลาดเก่งเลข คิดคำนวณเก่ง ดูตัวเองด้วย" "ไม่ๆๆ เป็นไม่ได้หรอกยังไงก็ไม่ได้" เราโดนดูถูกจนไฟที่มีอยู่ดับมอดลงไปเรื่อยๆ...จนไม่อาจติดขึ้นมาได้อีก
เราไม่เคยถูกสนับสนุนความฝัน เราอิจฉาคนอื่นที่ได้รับการยอมรับความฝันของตัวเองจากพ่อแม่ตัวเอง เพื่อนเราตอนเด็กๆเขาอยากเป็นนักบิน ทั้งพ่อแม่ก็พาไปเรียนรู้ทำกิจกรรมต่างๆตามความฝันของลูก
เราไม่เคยมีเพื่อนจริงๆสักคนเพราะสังคมมองว่าเราบ้าโรคจิต พอเขารู้ว่าเราเป็นแบบนี้ๆนะ คนอื่นก็จะตีตัวออกห่าง
ตอนเด็กเราไม่ได้ถูกแม่เลี้ยงมาค่ะแต่เป็นปู่กับย่า ปู่กับย่าเรามีปัญหาทะเลาะกันประจำ มีปัญหาเรื่องนอกใจค่ะ ปัจจุบันก็เป็นอยู่ ไม่ใช่แค่เรื่องนอกใจ การเงิน การงาน ความสัมพันธ์กับคนอื่นแต่ยังมีปัญหาอย่างอื่นอีกคือ ปู่เราไม่เคยให้ความช่วยเหลือย่าเราเลยค่ะไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน ย่าเราก็ต้องดิ้นรนเองตลอด ตอนนั้นเรายังไม่หลับค่ะ ย่าเราเคยบอกว่า "ทำไมพระเจ้าไม่ให้กุตายๆไปซะที"แล้วก็กรี๊ดร้องไห้เสียงดัง ทุบหมอนซ้ำๆ เรารู้แค่ว่ามันเสียงดังมาก เราสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้ พออายุ9ขวบก็เริ่มมีอาการย้ำคิดย้ำทำ เราหยี๋มากเราไม่กล้าจับอะไรเลย ของคนอื่นมันดูสกปรกไปหมด (สิ่งของสารธาณะ) กับการที่เราไม่มั่นใจว่าเราทำสิ่งนี้ไปแล้วหรือยัง เราก็ต้องกลับไปเช็คซ้ำๆอีกรอบ พออายุ12เราก็เริ่มมีอาการซึมเศร้า+แพนิค+หลายบุคลิก ตอนนั้นเราเริ่มรู้แล้วค่ะว่าเราโดนอะไรมาบ้างมันหนักขึ้นๆ เราได้แต่โหยหาความรักจากคนอื่น ตอนเด็กเราไม่เคยได้รับความรัก/ยอมรับจากพ่อแม่เลย ในตอนนั้นทางออกของปัญหาคือเราได้แค่สีไวโอลินเล่นในห้อง (เราหัดเล่นไวโอลินเองนะคะ ไม่เคยเรียน ตอนนั้นเป็นวันเกิดเราน้าซื้อให้) แต่งกลอน/นิยาย อ่านหนังสือวรรณกรรม เล่นหมากรุก หรือเล่นคำถามปัญหาเชาว์ บางครั้งก็แก้โจทย์คณิตเล่น
แต่พอปัญหามันหนักขึ้นเรื่อยๆจนกิจกรรมพวกนั้นมันเยียวยาเราไม่ไหว+อาการทางจิต มันก็ทำให้เราสติแตก เราระแวงว่าจะมีคนมาฆ่าเราทำร้ายเรา เพื่อนทั้งห้องตอนนั้นก็ทั้งเกลียดเรากลัวเรา เราเคยทำไม่ดีกับเพื่อนในห้องไว้แต่คนนั้นไม่ใช่เราเราไม่ได้ทำจริงๆ แต่ก็ไม่มีคนเชื่อ ไม่มีใครกล้ามาช่วย/ปลอบ เราเคยเสียใจมากๆจนร้องไห้ออกมา ร้องไห้เสียงดังมาก แต่...ไม่มีใครสนใจเลย (ไนเนิ้ลคนนั้นเขาบอกกับเราว่าเขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีก...แล้วเขาก็ไม่กลับมาจริงๆ เขาบอกว่า"ถ้าแกกับเค้ากลับมาเจอกันอีกก็ดีเนอะ" ) เพื่อนในห้องต่างก็ลงไปเรียนวิชาอื่น เดินผ่านเราไปเหมือนเราเป็นอากาศ บางคนก็ส่งสายตาเหมือนว่า รำคาญ เรียกร้องความสนใจ สมเพช ในห้องไม่มีใครอยากเข้าไกล้เราเวลาเราเดินไปไหนก็มีแต่คนมอง เวลาส่งงานครู คนอื่นในห้องก็เลื่อนตัวหนี หรือเดินไปไกลๆเพื่อออกห่างจากตัวเราเลย เราเหงามากๆไม่มีคนคุยด้วย เวลามีงานกลุ่มก็ไม่มีคนอยากเอาเข้า เราต้องไปขอครูทุกรอบ ถ้าเราไปขอเขาเข้าอยู่กลุ่มด้วย เขาก็จะบอกว่า "ก็ไม่อยากให้เข้า ทำไม?" เราตอบว่าทำไมอ่ะ? (เพราะงานนี้มันต้องทำอะไรหลายๆอย่างเยอะ)"เพื่อนคนนึงก็สมทบว่า"ก็ไม่อยากให้เข้าอ่ะ ต้องมีเหตุผลด้วยหรอ?"
บางคนก็บอกกลุ่มเต็มแล้ว ทั้งๆที่กลุ่มยังไม่ครบ บางกลุ่มก็ส่งสายตามาแล้วก็มองหน้ากัน แล้วหนึ่งในนั้นก็พูดเรื่องอื่นขึ้นมาเป็นเรื่องสนุกๆกัน ราวกับว่า...เราไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นไม่เคยถาม มันเป็นแบบนี้ทุกรอบ จนเราเลือกที่จะทำงานคนเดียว
เราพยายามฆ่าตัวตาย
1กินยาจิตเวช20กว่าเม็ดแต่ไม่เป็นผล ตื่นมามึนหัว ไม่มีแรงปวดหัวตุบๆ เหมือนว่าตอนนั้นมีแค่ร่างกายที่ขยับได้
2กินน้ำยาล้างห้องน้ำ แสบคอมาก ทั้งคันทั้งแสบ แสบท้อง ลื่นๆคอ
3กรีดแขน ถ้ากรีดตื้นๆเลือดออกไม่เยอะตายไม่ได้ ต้องกรีดลึกมากๆ แล้วเอาไปแช่น้ำอุ่น เลืดจะไม่หยุดไหลจะไหลไปเรื่อยๆ หน้ามืดตามัว หมดแรง
อันนี้ถ้าแผลหายแล้วมันจะเป็นรอยขาวๆ ถ้ากรีดลึกหน่อยมันจะเป็นรอยแผลเป็นแดงนูนๆขึ้นมา
4แบบคอตัวเอง อันนี้ตายไม่ได้น้ะจ้ะ
บางครั้งเราก็ต่อยกำแพง เอาหัวโขกกำแพง กระทืบพื้นบ้าง กรี๊ดออกมาดังๆ
เราทนแบบนี้มาทั้งชีวิต กับความโดดเดี่ยว เราเลยเลือกที่จะหาสิ่งที่เราไม่เคยได้รับคือ ความสนใจและความรัก เรายอมมีเซกส์กับใครก็ได้ ขอแค่ได้รับความสนใจได้รู้สึกว่าเราได้รับความรักในเวลานั้นแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่เราก็รู้สึกว่าในเวลานั้น เรามีค่ามากจริงๆ นี่รึเปล่าที่เรียกว่าความรัก?ที่เราไม่เคยสัมผัสถึงมัน?
คนที่ตั้งคำถามว่ามีชีวิตอยู่ทำไม อยู่ไปเพื่ออะไร เกิดมาทำไม เขาจะตั้งคำถามเมื่อเขามีชีวิตมาถึงจุดต่ำสุดนี้ และหาทางออกไม่เจอ เราทรมานกับการมีชีวิตอยู่ เวลาเราร้องไห้หรืออาการกำเริบ ก็ไม่เคยปลอบสนใจ แม่ก็ด่าว่า กินยาก็ไม่ดีขึ้น เอาไปให้คนอื่นที่เป็นกินเถอะ เปลือง
เราอยากตายมาตลอด พอมีความรู้สึกนี้ อะไรก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นไม่ได้ นอกจากเซกส์กับเหล้า ถ้าเครียดมากๆจนถึงขั้นอยากสูบบุหรี่เลย
ตอนนี้เราใช้ชีวิตเหมือนคนที่ตายไปแล้วมีแค่ร่างกายเปล่าๆที่ดำรงชีวิตอยู่
เราหวังเพียงแค่ว่าหลับแล้วอย่าตื่นขึ้นมาอีกเลย
อยากมีคนอยู่ข้างๆคอยกอดเราเอาไว้ตรงนี้ไม่ไปไหน
"คนที่ฆ่าตัวตายมีแต่พวกอ่อนแอไง อ่อนแอก็แพ้ไป"
คำพวกนี้มันฝังอยู่ในใจเรา