มีกฎข้อหนึ่งที่เกี่ยวกับการออกตัวในการแข่งขันวิ่ง คือ ถ้า Reaction Time ต่ำกว่า 0.100 วินาที ถือว่าเป็นการออกตัวที่ผิดกฎ (False Start)
Reaction Time ในภาษาไทย แปลว่า เวลาปฏิกิริยา หรือเวลาตอบสนอง ผมขอใช้คำว่า Reaction Time ละกันครับ
รายการวิ่ง 100 เมตรชาย รอบชิงชนะเลิศของฝั่งยุโรป นักกรีฑาอิตาลีในเลนที่ 7 มี Reaction Time เท่ากับ 0.088 วินาที ซึ่งต่ำกว่า 0.100 วินาที ถือว่าเป็นการออกตัวที่ผิดกฎ (False Start) ตามภาพด้านล่าง งานนี้โดนแค่ใบเหลือง คือ โดนเตือน แต่ยังแข่งต่อได้
คลิปการแข่งขัน
https://www.youtube.com/watch?v=BT-mnkUUTmM
ภาพจากคลิปด้านบน (Photo by European Athletics)
บางคนตั้งประเด็นขึ้นมาว่าควรปรับเกณฑ์ False Start ใหม่ โดยการปรับ Reaction Time จากต่ำกว่า 0.100 วินาที เป็นต่ำกว่า 0 จึงถือว่าเป็น False Start เขารู้สึกว่ามันไร้สาระมากที่บอกว่าคุณออกตัวเร็วเกินไป คนที่เห็นด้วยก็เยอะ คนที่ไม่เห็นด้วยก็มี ส่วนตัวผมไม่ค่อยทราบอะไรเกี่ยวกับตรงนี้มาก่อน
บางคนบอกว่า False Start เป็นการตัดความมั่นใจของนักกรีฑาที่ออกตัวเร็ว บางคนมองว่า การออกตัวโดยการคาดเดาเสียงปืนไม่ควรเป็นเรื่องผิด บางครั้งก็คล้ายการพนันที่ต้องเดาว่าเสียงปืนจะดังตอนไหน แต่บางคนก็ไม่เห็นด้วย บอกว่านี่คือกีฬา ไม่ใช่การพนัน
มีความเห็นนึงบอกว่า หูคนเราไม่สามารถได้ยินเสียงปืนเร็วกว่าอัตราเร็วของเสียง ดังนั้นต้องบวกเวลา 0.1 วินาที หลังจากยิงปืน มีคนมาถามว่า เสียงเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 340 เมตรต่อวินาที ใช่มั้ย ระยะห่างจากคนยิง 30 เมตร ใช่มั้ย ตอนแรกผมยังมึนอยู่ เพราะจำได้ว่าเรื่องความเร็วเสียงเป็นวิชาฟิสิกส์ที่ผมไม่ได้ชอบมากนัก แต่ก็ลองใช้ค่าตั้งต้นที่เขาบอกมาไปคำนวณ
เข้าสู่โหมดวิชาการโดยการคำนวณ
แก้ไข: ข้อมูลด้านล่างเป็นข้อมูลที่ใช้ในอดีต โดยมีการนำลำโพงเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ตามความเห็นที่ 1 ครับ
เสียงเดินทางในอากาศด้วยความเร็วประมาณ 340 เมตรต่อวินาที โดยค่าที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ณ ขณะนั้น แต่ขอใช้ค่าประมาณค่านี้ตามที่ผู้ชมการแข่งขันท่านนึงอ้างขึ้นมา โดยสมมติว่าคนยิงปืนอยู่ห่างจากผู้เข้าแข่งขันประมาณ 34 เมตร
เสียงเดินทางได้ระยะทาง 340 เมตร ใช้เวลา 1 วินาที
เสียงเดินทางได้ระยะทาง 34 เมตร จะใช้เวลาเท่ากับ 34/340 = 0.100 วินาที
หลังจากยิงปืนแล้วต้องบวกเวลาไปอีกประมาณ 0.100 วินาที ผู้เข้าแข่งขันจึงจะได้ยินเสียงปืนตามหลักการเดินทางของเสียงในอากาศ ดังนั้น ใครที่มี Reaction Time ต่ำกว่า 0.100 วินาที ถือว่าออกตัวก่อนกรรมการจะยิงปืน ถือว่าเป็นการออกตัวที่ผิดกฎหรือ False Start
ในความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้ที่กรรมการที่ยิงปืนจะอยู่ห่างจากผู้เข้าแข่งขันทุกคนเป็นระยะทางที่เท่ากันเพราะการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร ผู้เข้าแข่งขันอยู่เป็นแนวเส้นตรง (ถ้ายืนเป็นแนวโค้งวงกลม แล้วคนยิงปืนยืนอยู่จุดศูนย์กลาง จะได้ระยะห่างที่เท่ากัน) ดังนั้น ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะได้ยินเสียงปืนไม่พร้อมกัน แต่ความต่างน่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ เช่น 0.00X วินาที (โดยที่ X คือ 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ ...)
ตัวอย่าง
คนที่อยู่ใกล้กรรมการที่ยิงปืนมากที่สุดเป็นระยะทาง 34 เมตร (34/340 = 0.100) เสียงใช้เวลาเดินทางไปถึงหูเขา 0.100 วินาที
คนที่อยู่ห่างจากกรรมการที่ยิงปืนมากที่สุดเป็นระยะทาง 36 เมตร (36/340 = 0.1058) เสียงใช้เวลาเดินทางไปถึงหูเขา 0.1058 วินาที
เท่ากับว่าความต่างที่ 2 คนนี้ได้ยินเสียงปืนคือ 0.0058 วินาที
บางครั้งสังเกตเห็นว่า บางคนออกตัวก่อนเวลา ทำให้คนในลู่ข้างๆ ขยับตามด้วย เพราะมนุษย์จะมีปฏิกิริยาต่อคนที่อยู่ข้างๆ พอคนข้างๆ ขยับออกตัว อาจมีผลกระตุ้นให้เราขยับออกตัวด้วย
การออกตัวในการแข่งขันวิ่ง กับ False Start [กระทู้นี้ออกแนววิชาการนิดหน่อยเรื่องความเร็วเสียงกับ Reaction Time]
Reaction Time ในภาษาไทย แปลว่า เวลาปฏิกิริยา หรือเวลาตอบสนอง ผมขอใช้คำว่า Reaction Time ละกันครับ
รายการวิ่ง 100 เมตรชาย รอบชิงชนะเลิศของฝั่งยุโรป นักกรีฑาอิตาลีในเลนที่ 7 มี Reaction Time เท่ากับ 0.088 วินาที ซึ่งต่ำกว่า 0.100 วินาที ถือว่าเป็นการออกตัวที่ผิดกฎ (False Start) ตามภาพด้านล่าง งานนี้โดนแค่ใบเหลือง คือ โดนเตือน แต่ยังแข่งต่อได้
คลิปการแข่งขัน
https://www.youtube.com/watch?v=BT-mnkUUTmM
ภาพจากคลิปด้านบน (Photo by European Athletics)
บางคนตั้งประเด็นขึ้นมาว่าควรปรับเกณฑ์ False Start ใหม่ โดยการปรับ Reaction Time จากต่ำกว่า 0.100 วินาที เป็นต่ำกว่า 0 จึงถือว่าเป็น False Start เขารู้สึกว่ามันไร้สาระมากที่บอกว่าคุณออกตัวเร็วเกินไป คนที่เห็นด้วยก็เยอะ คนที่ไม่เห็นด้วยก็มี ส่วนตัวผมไม่ค่อยทราบอะไรเกี่ยวกับตรงนี้มาก่อน
บางคนบอกว่า False Start เป็นการตัดความมั่นใจของนักกรีฑาที่ออกตัวเร็ว บางคนมองว่า การออกตัวโดยการคาดเดาเสียงปืนไม่ควรเป็นเรื่องผิด บางครั้งก็คล้ายการพนันที่ต้องเดาว่าเสียงปืนจะดังตอนไหน แต่บางคนก็ไม่เห็นด้วย บอกว่านี่คือกีฬา ไม่ใช่การพนัน
มีความเห็นนึงบอกว่า หูคนเราไม่สามารถได้ยินเสียงปืนเร็วกว่าอัตราเร็วของเสียง ดังนั้นต้องบวกเวลา 0.1 วินาที หลังจากยิงปืน มีคนมาถามว่า เสียงเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 340 เมตรต่อวินาที ใช่มั้ย ระยะห่างจากคนยิง 30 เมตร ใช่มั้ย ตอนแรกผมยังมึนอยู่ เพราะจำได้ว่าเรื่องความเร็วเสียงเป็นวิชาฟิสิกส์ที่ผมไม่ได้ชอบมากนัก แต่ก็ลองใช้ค่าตั้งต้นที่เขาบอกมาไปคำนวณ
เข้าสู่โหมดวิชาการโดยการคำนวณ
แก้ไข: ข้อมูลด้านล่างเป็นข้อมูลที่ใช้ในอดีต โดยมีการนำลำโพงเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ตามความเห็นที่ 1 ครับ
เสียงเดินทางในอากาศด้วยความเร็วประมาณ 340 เมตรต่อวินาที โดยค่าที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ณ ขณะนั้น แต่ขอใช้ค่าประมาณค่านี้ตามที่ผู้ชมการแข่งขันท่านนึงอ้างขึ้นมา โดยสมมติว่าคนยิงปืนอยู่ห่างจากผู้เข้าแข่งขันประมาณ 34 เมตร
เสียงเดินทางได้ระยะทาง 340 เมตร ใช้เวลา 1 วินาที
เสียงเดินทางได้ระยะทาง 34 เมตร จะใช้เวลาเท่ากับ 34/340 = 0.100 วินาที
หลังจากยิงปืนแล้วต้องบวกเวลาไปอีกประมาณ 0.100 วินาที ผู้เข้าแข่งขันจึงจะได้ยินเสียงปืนตามหลักการเดินทางของเสียงในอากาศ ดังนั้น ใครที่มี Reaction Time ต่ำกว่า 0.100 วินาที ถือว่าออกตัวก่อนกรรมการจะยิงปืน ถือว่าเป็นการออกตัวที่ผิดกฎหรือ False Start
ในความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้ที่กรรมการที่ยิงปืนจะอยู่ห่างจากผู้เข้าแข่งขันทุกคนเป็นระยะทางที่เท่ากันเพราะการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร ผู้เข้าแข่งขันอยู่เป็นแนวเส้นตรง (ถ้ายืนเป็นแนวโค้งวงกลม แล้วคนยิงปืนยืนอยู่จุดศูนย์กลาง จะได้ระยะห่างที่เท่ากัน) ดังนั้น ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะได้ยินเสียงปืนไม่พร้อมกัน แต่ความต่างน่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ เช่น 0.00X วินาที (โดยที่ X คือ 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ ...)
ตัวอย่าง
คนที่อยู่ใกล้กรรมการที่ยิงปืนมากที่สุดเป็นระยะทาง 34 เมตร (34/340 = 0.100) เสียงใช้เวลาเดินทางไปถึงหูเขา 0.100 วินาที
คนที่อยู่ห่างจากกรรมการที่ยิงปืนมากที่สุดเป็นระยะทาง 36 เมตร (36/340 = 0.1058) เสียงใช้เวลาเดินทางไปถึงหูเขา 0.1058 วินาที
เท่ากับว่าความต่างที่ 2 คนนี้ได้ยินเสียงปืนคือ 0.0058 วินาที
บางครั้งสังเกตเห็นว่า บางคนออกตัวก่อนเวลา ทำให้คนในลู่ข้างๆ ขยับตามด้วย เพราะมนุษย์จะมีปฏิกิริยาต่อคนที่อยู่ข้างๆ พอคนข้างๆ ขยับออกตัว อาจมีผลกระตุ้นให้เราขยับออกตัวด้วย