“วีระ” กล่าวหาประธาน ป.ป.ช. คนใหม่ ปกปิดข้อมูล “นาฬิกาบิ๊กป้อม”
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/242924
“วีระ” เผย “สุชาติ” ประธาน ป.ป.ช. คนใหม่ เป็น 1 ใน 12 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ตนกล่าวหาต่อศาล กรณีปกปิดข้อมูลนาฬิกาของ “พล.อ.ประวิตร”
นาย
วีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ PPTV บอกว่า "นาย
สุชาติ ตระกูลเกษมสุข" ประธาน ป.ป.ช. คนใหม่ เป็น 1 ใน 12 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ตัวเองกล่าวหาต่อศาลอาญาทุจริตภาค 1 กรณีปกปิดข้อมูลไม่ยอมให้เอกสารเกี่ยวกับนาฬิกา 22 เรือนของ พลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม"
โดยขณะนี้ยังอยู่ในขบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งตามกำหนดในวันที่ 4 มี.ค. จะมีการไต่สวนมูลฟ้อง
แต่ปรากฏว่าทาง ป.ป.ช. ขอเลื่อนนัดตรวจพยานเอกสารถึง 2 ครั้ง ทำให้ศาลต้องนัดตรวจเอกสารก่อน และรอนัดวันไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้ง
"
คุณสุชาติก็เป็นหนึ่งใน 12 คนที่ผมกล่าวหาต่อศาลอาญาทุจริต กรณีที่ ป.ป.ช. ไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับนาฬิกา 22 เรือนของพลเอกประวิตร จริง ๆ วันที่ 4 มี.ค. ต้องเป็นวันที่ไต่สวนมูลฟ้องนะ แต่ปรากฏว่าทาง ป.ป.ช. ได้ไปขอศาลเลื่อนนัดตรวจพยานเอกสารทั้งสองฝ่าย ขอเลื่อนมา 2 ครั้งแล้ว" นาย
วีระกล่าว
เขาเสริมว่า พอเลื่อนครั้งที่ 2 ศาลเลยนัดให้ตรวจพยานเอกสารวันที่ 4 มี.ค. ดังนั้นจึงไต่สวนมูลฟ้องไม่ทัน ศาลจึงบอกว่าให้ผมไปฟังอีกทีหนึ่งว่าศาลจะนัดไต่สวนมูลฟ้องวันไหนเดือนไหน"
นาย
วีระบอกว่า นอกจากเรื่องการปกปิดข้อมูลนาฬิกาบิ๊กป้อม ยังมีคนส่งข้อมูลร้องเรียนนายสุชาติถึง 3 เรื่องด้วยกัน อย่างช่วงปี 2566 มีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ยื่นข้อมูลให้ตัวเองตรวจสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของ นาย
สุชาติว่า อาจขาดคุณสมบัติการเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากตามระเบียบจะต้องเป็นอธิบดีไม่น้อยกว่า 5 ปี และ ต้องไม่เป็นวุฒิสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ก่อนสมัครน้อยกว่า 5ปี แต่นายสุชาติ พ้นวาระ ช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 แล้วสมัครเป็นคณะกรรมการในปีดังกล่าวทันที
ต่อมาเรื่องที่สอง มีคนยื่นเรื่องให้ตรวจสอบนาย
สุชาติ เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว กรณีนี้มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่ได้ตรวจสอบต่อ ส่วนเรื่องที่สาม มีการกล่าวหาคนใกล้ชิด เป็นคณะทำงานของนายสุชาติ ว่าเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งบุคคลนี้ถือเป็นคณะทำงานใกล้ชิดกับนายสุชาติโดยตรง
นาย
วีระบอกว่า ตัวเองเคยติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงกับนาย
สุชาติ ผ่าน นาย
นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ในขณะนั้นหลายครั้ง เพื่อที่จะให้ชี้แจงความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะได้ทำให้การตรวจสอบโปร่งใส แต่ปรากฏว่า นายสุชาติปฏิเสธให้เข้าพบ
"
ทั้งสามเรื่องนี้นะทางผมได้ติดต่อไปยังคุณสุชาติ โดยผ่านเลขานิวัติชัยว่าเราจะขอเข้าพบคุณสุชาติ ตามที่มีการร้องเรียนมา แต่ปรากฏว่าคุณสุชาติไม่ยอมให้เข้าพบปฏิเสธเลย ซึ่งเราก็บอกว่าการที่เราเข้าพบในฐานะที่เห็นว่าคุณเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. คุณถูกกล่าวหาเองทั้งสามประเด็น เราก็ต้องการเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงความสุจริตความบริสุทธิ์ และการตรวจสอบของเราจะได้โปร่งใส" นาย
วีระกล่าว
นาย
วีระบอกว่า ถึงแม้ตอนนี้นาย
สุชาติ จะเป็นประธาน ป.ป.ช. แต่กระบวนการตรวจสอบก็ยังต้องดำเนินต่อ อย่างล่าสุดก็พบว่า นาย
ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ยื่นถวายฎีกา กรณีนาย
สุชาติขาดคุณสมบัติไปแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่กรณีคนใกล้ชิดมีการเรียกรับผลประโยชน์ เรื่องนี้ตัวเองก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบต่อว่านายสุชาติเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ส่วนกรณีเรื่องคลิปที่เปิดเผยออกมาว่า นาย
สุชาติไปเข้าพบ นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นาย
วีระมองว่า เรื่องนี้ไม่ควรทำ ไม่ว่านายสุชาติจะถูกหลอกให้ไปพบหรือไม่ถูกหลอก ก็ไม่ควรไปตั้งแต่แรก อย่างในคลิปวิดีโอก็ได้ยินชัดว่า มีการพูดถึงเรื่องที่ตัวเองถูกร้องเรียนในสภา รวมถึงเรื่องที่กำลังจะเป็นประธาน ป.ป.ช. มองว่าเรื่องนี้ นาย
สุชาติขาดคุณสมบัติการเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
"
เป็นคุณสมบัติหลักของ ป.ป.ช. จริง ๆ คือของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทุกคน เขาบอกเลยว่า การจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์คำว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หมายความว่าคุณต้องไม่มีเรื่องมัวหมองคุณต้องไม่เคยถูกกล่าวหาใดใดโดยเฉพาะถ้าถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นหรือเรื่องใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบคุณจะต้องขาดคุณสมบัติ ต้องไม่มีเรื่องที่สังคมกังขาใดใดทั้งสิ้นนะครับแล้วอย่างนี้กรณีความประพฤติอย่างนี้สังคมจะว่ายังไง" นายวีระบอก
นาย
วีระตั้งข้อสงสัยเรื่องของการเสนอชื่อและโหวตเลือกนาย
สุชาติ ให้เป็นประธาน ป.ป.ช. ทั้งที่ถูก พล.ต.อ.
สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ร้องเรียนเรื่องร่ำรวยผิดปกติและผิดจริยธรรม รวมถึงละเลยเรื่องคุณสมบัติที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ แล้วอย่างนั้นจะมีกฎหมายไว้ทำไม ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระเป็นอย่างมาก
เมื่อถามว่าตอนนี้เรื่องคลิปวิดีโอทางฝั่ง
บิ๊กโจ๊ก และนาย
วันมูหะมัดนอร์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจงกันหมดแล้วถึงแม้ข้อมูลจะต่างกันก็ตามแต่สำหรับนาย
สุชาติยังปิดปากเงียบ แบบนี้มองอย่างไร นาย
วีระ เป็นเรื่องแปลกที่นาย
สุชาติไม่ใช้สิทธิ์ในการชี้แจงใดใดไม่ว่าจะเป็นเรื่องคลิปวิดีโอหรือก่อนหน้านี้ที่ตัวเองขอเข้าพบทุกครั้งก็จะปฏิเสธตลอด ไม่ยอมชี้แจงหรือหาหลักฐานมาหักล้างใดๆ เลย เมื่อถามว่าคิดว่าประธาน ป.ป.ช. จะอยู่ครบวาระหรือไม่ นาย
วีระบอกว่าก็ต้องรอดู อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างเชื่อว่าเป็นไปตามผลกรรม
โพลชี้คนไทยมองปัญหา ฝุ่น PM 2.5 วนซ้ำยากจะแก้ไขได้
https://www.dailynews.co.th/news/4402014/
สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจ “ค่าฝุ่น PM 2.5 กับคนไทย” มองเป็นปัญหาที่รุนแรง ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เชื่อในอนาคตยากที่จะแก้ไขได้ เป็นปัญหาวนกลับมาซ้ำ
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ค่าฝุ่น PM 2.5 กับคนไทย” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,255 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 10-14 ก.พ. 68 พบว่า กลุ่มตัวอย่างคิดว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 ณ วันนี้ เป็นปัญหาที่รุนแรง ร้อยละ 88.61 โดยตั้งแต่ ปี 2562 ที่เริ่มมีปัญหาฝุ่นจนถึงปัจจุบันส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ซื้อหน้ากาก ซื้อยา ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ ร้อยละ 71.16 โดยมองว่าการแก้ไขปัญหาฝุ่นของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิภาพ ร้อยละ 73.39 ทั้งนี้รัฐบาลควรมีมาตรการด้วยการควบคุมการเผาที่ทำให้เกิดมลพิษอย่างเข้มงวด ร้อยละ 82.46
ทั้งนี้หน่วยงานที่ควรเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 คือ กรมควบคุมมลพิษ ร้อยละ 75.82 รองลงมาคือ นายกรัฐมนตรีและฝ่ายรัฐบาล ร้อยละ 63.13 ส่วนในอนาคตประเทศไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้สำเร็จหรือไม่นั้น กลุ่มตัวอย่างมองว่ายากที่จะแก้ไขได้ มาจากหลายสาเหตุ เป็นปัญหาที่วนกลับมาซ้ำ ร้อยละ 62.95
นางสาว
พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนผ่านผลโพลที่ทำมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน แม้ทุกฝ่ายจะตระหนักถึงสาเหตุหลักของมลพิษ แต่การแก้ไขกลับยังไม่เห็นผลชัดเจนนัก สิ่งที่ประชาชนต้องการไม่ใช่แค่การให้ข้อมูลค่าฝุ่นรายวัน แต่เป็นมาตรการที่เข้มข้นและบังคับใช้จริงจังและทันที ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่านอกจากคุณภาพอากาศที่แย่ลงแล้ว ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลก็อาจถดถอยตามไปด้วย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.
สมศักดิ์ เจริญพูล หัวหน้าศูนย์พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการด้านกฏหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า ฝุ่น PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคนไทย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ ค่าใช้จ่าย หรือวิถีชีวิต ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังคงถูกมองว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ประชาชนจะมีความกังวลว่าการแก้ปัญหาอาจเป็นเรื่องยาก แต่เสียงสะท้อนของคนส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่ามาตรการที่เหมาะสม เช่น การควบคุมการเผาอย่างเข้มงวด การผลักดันกฎหมายอากาศสะอาดอาจเป็นกุญแจสำคัญในการลดผลกระทบในอนาคต การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของภาครัฐเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะอากาศที่สะอาด คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน ทั้งนี้ในช่วงปี 2013 เมืองปักกิ่ง ประเทศจีนก็ประสบปัญหาไม่ต่างจากประเทศไทยในขณะนี้ แต่ประเทศจีนใช้เวลาเพียง 10 ปี ในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมารับผิดชอบโดยตรง ออกแผนควบคุมมลพิษทางอากาศและบังคับใช้อย่างเข้มงวด รวมทั้งติดตามผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นแนวทางที่ดีในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของประเทศไทยในระยะยาว
อุตุฯ เผย "เหนือ-อีสาน" ยังหนาว ตะวันออกมีฝนตกบางแห่ง
https://tna.mcot.net/social-1489531
กทม. 16 ก.พ.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีลมตะวันตกในระดับบนปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออก สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และยอดภูมีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้ง และควรเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน .-สำนักข่าวไทย
JJNY : “วีระ” กล่าวหาปธ.ป.ป.ช.│โพลชี้มองปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ยากแก้ไข│เผย "เหนือ-อีสาน"ยังหนาว│ฝรั่งเศสเล็งจัดคุยฉุกเฉิน
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/242924
“วีระ” เผย “สุชาติ” ประธาน ป.ป.ช. คนใหม่ เป็น 1 ใน 12 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ตนกล่าวหาต่อศาล กรณีปกปิดข้อมูลนาฬิกาของ “พล.อ.ประวิตร”
นายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ PPTV บอกว่า "นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข" ประธาน ป.ป.ช. คนใหม่ เป็น 1 ใน 12 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ตัวเองกล่าวหาต่อศาลอาญาทุจริตภาค 1 กรณีปกปิดข้อมูลไม่ยอมให้เอกสารเกี่ยวกับนาฬิกา 22 เรือนของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม"
โดยขณะนี้ยังอยู่ในขบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งตามกำหนดในวันที่ 4 มี.ค. จะมีการไต่สวนมูลฟ้อง
แต่ปรากฏว่าทาง ป.ป.ช. ขอเลื่อนนัดตรวจพยานเอกสารถึง 2 ครั้ง ทำให้ศาลต้องนัดตรวจเอกสารก่อน และรอนัดวันไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้ง
"คุณสุชาติก็เป็นหนึ่งใน 12 คนที่ผมกล่าวหาต่อศาลอาญาทุจริต กรณีที่ ป.ป.ช. ไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับนาฬิกา 22 เรือนของพลเอกประวิตร จริง ๆ วันที่ 4 มี.ค. ต้องเป็นวันที่ไต่สวนมูลฟ้องนะ แต่ปรากฏว่าทาง ป.ป.ช. ได้ไปขอศาลเลื่อนนัดตรวจพยานเอกสารทั้งสองฝ่าย ขอเลื่อนมา 2 ครั้งแล้ว" นายวีระกล่าว
เขาเสริมว่า พอเลื่อนครั้งที่ 2 ศาลเลยนัดให้ตรวจพยานเอกสารวันที่ 4 มี.ค. ดังนั้นจึงไต่สวนมูลฟ้องไม่ทัน ศาลจึงบอกว่าให้ผมไปฟังอีกทีหนึ่งว่าศาลจะนัดไต่สวนมูลฟ้องวันไหนเดือนไหน"
นายวีระบอกว่า นอกจากเรื่องการปกปิดข้อมูลนาฬิกาบิ๊กป้อม ยังมีคนส่งข้อมูลร้องเรียนนายสุชาติถึง 3 เรื่องด้วยกัน อย่างช่วงปี 2566 มีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ยื่นข้อมูลให้ตัวเองตรวจสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของ นายสุชาติว่า อาจขาดคุณสมบัติการเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากตามระเบียบจะต้องเป็นอธิบดีไม่น้อยกว่า 5 ปี และ ต้องไม่เป็นวุฒิสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ก่อนสมัครน้อยกว่า 5ปี แต่นายสุชาติ พ้นวาระ ช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 แล้วสมัครเป็นคณะกรรมการในปีดังกล่าวทันที
ต่อมาเรื่องที่สอง มีคนยื่นเรื่องให้ตรวจสอบนายสุชาติ เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว กรณีนี้มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่ได้ตรวจสอบต่อ ส่วนเรื่องที่สาม มีการกล่าวหาคนใกล้ชิด เป็นคณะทำงานของนายสุชาติ ว่าเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งบุคคลนี้ถือเป็นคณะทำงานใกล้ชิดกับนายสุชาติโดยตรง
นายวีระบอกว่า ตัวเองเคยติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงกับนายสุชาติ ผ่าน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ในขณะนั้นหลายครั้ง เพื่อที่จะให้ชี้แจงความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะได้ทำให้การตรวจสอบโปร่งใส แต่ปรากฏว่า นายสุชาติปฏิเสธให้เข้าพบ
"ทั้งสามเรื่องนี้นะทางผมได้ติดต่อไปยังคุณสุชาติ โดยผ่านเลขานิวัติชัยว่าเราจะขอเข้าพบคุณสุชาติ ตามที่มีการร้องเรียนมา แต่ปรากฏว่าคุณสุชาติไม่ยอมให้เข้าพบปฏิเสธเลย ซึ่งเราก็บอกว่าการที่เราเข้าพบในฐานะที่เห็นว่าคุณเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. คุณถูกกล่าวหาเองทั้งสามประเด็น เราก็ต้องการเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงความสุจริตความบริสุทธิ์ และการตรวจสอบของเราจะได้โปร่งใส" นายวีระกล่าว
นายวีระบอกว่า ถึงแม้ตอนนี้นายสุชาติ จะเป็นประธาน ป.ป.ช. แต่กระบวนการตรวจสอบก็ยังต้องดำเนินต่อ อย่างล่าสุดก็พบว่า นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ยื่นถวายฎีกา กรณีนายสุชาติขาดคุณสมบัติไปแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่กรณีคนใกล้ชิดมีการเรียกรับผลประโยชน์ เรื่องนี้ตัวเองก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบต่อว่านายสุชาติเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ส่วนกรณีเรื่องคลิปที่เปิดเผยออกมาว่า นายสุชาติไปเข้าพบ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายวีระมองว่า เรื่องนี้ไม่ควรทำ ไม่ว่านายสุชาติจะถูกหลอกให้ไปพบหรือไม่ถูกหลอก ก็ไม่ควรไปตั้งแต่แรก อย่างในคลิปวิดีโอก็ได้ยินชัดว่า มีการพูดถึงเรื่องที่ตัวเองถูกร้องเรียนในสภา รวมถึงเรื่องที่กำลังจะเป็นประธาน ป.ป.ช. มองว่าเรื่องนี้ นายสุชาติขาดคุณสมบัติการเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
"เป็นคุณสมบัติหลักของ ป.ป.ช. จริง ๆ คือของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทุกคน เขาบอกเลยว่า การจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์คำว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หมายความว่าคุณต้องไม่มีเรื่องมัวหมองคุณต้องไม่เคยถูกกล่าวหาใดใดโดยเฉพาะถ้าถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นหรือเรื่องใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบคุณจะต้องขาดคุณสมบัติ ต้องไม่มีเรื่องที่สังคมกังขาใดใดทั้งสิ้นนะครับแล้วอย่างนี้กรณีความประพฤติอย่างนี้สังคมจะว่ายังไง" นายวีระบอก
นายวีระตั้งข้อสงสัยเรื่องของการเสนอชื่อและโหวตเลือกนายสุชาติ ให้เป็นประธาน ป.ป.ช. ทั้งที่ถูก พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ร้องเรียนเรื่องร่ำรวยผิดปกติและผิดจริยธรรม รวมถึงละเลยเรื่องคุณสมบัติที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ แล้วอย่างนั้นจะมีกฎหมายไว้ทำไม ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระเป็นอย่างมาก
เมื่อถามว่าตอนนี้เรื่องคลิปวิดีโอทางฝั่ง บิ๊กโจ๊ก และนายวันมูหะมัดนอร์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจงกันหมดแล้วถึงแม้ข้อมูลจะต่างกันก็ตามแต่สำหรับนายสุชาติยังปิดปากเงียบ แบบนี้มองอย่างไร นายวีระ เป็นเรื่องแปลกที่นายสุชาติไม่ใช้สิทธิ์ในการชี้แจงใดใดไม่ว่าจะเป็นเรื่องคลิปวิดีโอหรือก่อนหน้านี้ที่ตัวเองขอเข้าพบทุกครั้งก็จะปฏิเสธตลอด ไม่ยอมชี้แจงหรือหาหลักฐานมาหักล้างใดๆ เลย เมื่อถามว่าคิดว่าประธาน ป.ป.ช. จะอยู่ครบวาระหรือไม่ นายวีระบอกว่าก็ต้องรอดู อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างเชื่อว่าเป็นไปตามผลกรรม
โพลชี้คนไทยมองปัญหา ฝุ่น PM 2.5 วนซ้ำยากจะแก้ไขได้
https://www.dailynews.co.th/news/4402014/
สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจ “ค่าฝุ่น PM 2.5 กับคนไทย” มองเป็นปัญหาที่รุนแรง ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เชื่อในอนาคตยากที่จะแก้ไขได้ เป็นปัญหาวนกลับมาซ้ำ
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ค่าฝุ่น PM 2.5 กับคนไทย” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,255 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 10-14 ก.พ. 68 พบว่า กลุ่มตัวอย่างคิดว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 ณ วันนี้ เป็นปัญหาที่รุนแรง ร้อยละ 88.61 โดยตั้งแต่ ปี 2562 ที่เริ่มมีปัญหาฝุ่นจนถึงปัจจุบันส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ซื้อหน้ากาก ซื้อยา ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ ร้อยละ 71.16 โดยมองว่าการแก้ไขปัญหาฝุ่นของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิภาพ ร้อยละ 73.39 ทั้งนี้รัฐบาลควรมีมาตรการด้วยการควบคุมการเผาที่ทำให้เกิดมลพิษอย่างเข้มงวด ร้อยละ 82.46
ทั้งนี้หน่วยงานที่ควรเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 คือ กรมควบคุมมลพิษ ร้อยละ 75.82 รองลงมาคือ นายกรัฐมนตรีและฝ่ายรัฐบาล ร้อยละ 63.13 ส่วนในอนาคตประเทศไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้สำเร็จหรือไม่นั้น กลุ่มตัวอย่างมองว่ายากที่จะแก้ไขได้ มาจากหลายสาเหตุ เป็นปัญหาที่วนกลับมาซ้ำ ร้อยละ 62.95
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนผ่านผลโพลที่ทำมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน แม้ทุกฝ่ายจะตระหนักถึงสาเหตุหลักของมลพิษ แต่การแก้ไขกลับยังไม่เห็นผลชัดเจนนัก สิ่งที่ประชาชนต้องการไม่ใช่แค่การให้ข้อมูลค่าฝุ่นรายวัน แต่เป็นมาตรการที่เข้มข้นและบังคับใช้จริงจังและทันที ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่านอกจากคุณภาพอากาศที่แย่ลงแล้ว ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลก็อาจถดถอยตามไปด้วย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ เจริญพูล หัวหน้าศูนย์พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการด้านกฏหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า ฝุ่น PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคนไทย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ ค่าใช้จ่าย หรือวิถีชีวิต ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังคงถูกมองว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ประชาชนจะมีความกังวลว่าการแก้ปัญหาอาจเป็นเรื่องยาก แต่เสียงสะท้อนของคนส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่ามาตรการที่เหมาะสม เช่น การควบคุมการเผาอย่างเข้มงวด การผลักดันกฎหมายอากาศสะอาดอาจเป็นกุญแจสำคัญในการลดผลกระทบในอนาคต การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของภาครัฐเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะอากาศที่สะอาด คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน ทั้งนี้ในช่วงปี 2013 เมืองปักกิ่ง ประเทศจีนก็ประสบปัญหาไม่ต่างจากประเทศไทยในขณะนี้ แต่ประเทศจีนใช้เวลาเพียง 10 ปี ในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมารับผิดชอบโดยตรง ออกแผนควบคุมมลพิษทางอากาศและบังคับใช้อย่างเข้มงวด รวมทั้งติดตามผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นแนวทางที่ดีในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของประเทศไทยในระยะยาว
อุตุฯ เผย "เหนือ-อีสาน" ยังหนาว ตะวันออกมีฝนตกบางแห่ง
https://tna.mcot.net/social-1489531
กทม. 16 ก.พ.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีลมตะวันตกในระดับบนปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออก สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และยอดภูมีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้ง และควรเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน .-สำนักข่าวไทย