บิชามอนเต็น (Bishamonten) มีที่มาจาก ฮาเดส (Hades)

บิชามอนเต็น (Bishamonten, 毘沙門天) เป็นเทพแห่งสงคราม ความมั่งคั่ง และการปกป้องของญี่ปุ่น มักถูกวาดเป็นนักรบใส่เกราะ ถือหอก และถือตึกเจดีย์เล็ก ๆ เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องพระพุทธศาสนาและการมอบโชคลาภ นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งใน เจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ (Shichifukujin) ของญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพที่ช่วยนำความร่ำรวยและชัยชนะที่ถูกต้องมาให้


บิชามอนเต็น มีต้นกำเนิดมาจาก ไวศรวัณ (Vaisravana) ในศาสนาพุทธ และเป็นหนึ่งใน สี่มหาราชา (Shitennō) ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของโลกฝั่งพุทธ



แล้ว บิชามอนเต็น ไปมีที่มาจาก ฮาเดส ...ได้ยังไงล่ะ?

ฮาเดสในตำนานกรีก
ฮาเดส (Hades) เป็นเทพแห่งยมโลกในตำนานกรีก ปกครองดินแดนของผู้ตาย ซึ่งไม่ใช่สถานที่ทรมานแบบนรกในศาสนาคริสต์ แต่เป็นที่ที่วิญญาณของทุกคนต้องไป ฮาเดสยังถูกเรียกว่า Plouton (พลูโตน) หรือ "เทพแห่งความร่ำรวย" เพราะใต้พิภพมีแร่ธาตุล้ำค่ามากมาย

(ไม่ใช่ฮาเดสตัวนี้...)

แม้จะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นตัวร้าย แต่ฮาเดสก็เป็นเทพที่ผู้คนเกรงกลัวเพราะเกี่ยวข้องกับความตาย เขามีหมวกที่ทำให้ล่องหนได้ ถือคทาสองง่าม และมีสุนัขสามหัวชื่อเซอร์เบอรัสเป็นผู้เฝ้าประตูยมโลก

(ตัวนี้ในเกม ...ก็ ใกล้เคียงแหละ)


อิทธิพลของกรีกต่อศาสนาฮินดูและพุทธ
จุดเชื่อมโยงระหว่างฮาเดสกับบิชามอนเต็น เริ่มต้นจากอิทธิพลของกรีกที่แพร่ไปยังอินเดีย โดยเฉพาะในช่วง อาณาจักรกรีก-แบคเทรียและอินโด-กรีก (ราว 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 100) หลังจากที่อเล็กซานเดอร์มหาราชพิชิตดินแดนเปอร์เซีย


(Alexander the Great ผู้นำเข้าวัฒนธรรม)

ยุคนั้นมี ศิลปะกรีก-พุทธ ที่เฟื่องฟู โดยเฉพาะในแคว้นคันธาระ (แถบปากีสถาน-อัฟกานิสถาน) ซึ่งทำให้เทพเจ้ากรีกบางองค์ถูกผสมเข้ากับเทพเจ้าพุทธ ฮาเดสที่เกี่ยวข้องกับความร่ำรวยและโลกใต้ดิน ก็ถูกนำมาเชื่อมโยงกับ กุเบร (Kubera) เทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติของอินเดีย


(Kubera ...เหมือนสังกัจจายน์ มากกว่า 555)


จากกุเบร สู่ไวศราวัณ และบิชามอนเต็น
ในศาสนาฮินดู กุเบร เป็นเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติ และหัวหน้าของเหล่ายักษ์ (Yaksha) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่งคั่ง คล้ายกับบทบาทของฮาเดสในแง่ของความร่ำรวย


ต่อมา เมื่อศาสนาพุทธแพร่หลาย กุเบรถูกผสมเข้ากับ ไวศราวัณ (Vaiśravaṇa / 毘沙門天 / Píshāméntiān) ซึ่งกลายเป็นหนึ่งใน สี่มหาราช (Lokapālas) ผู้ปกป้องโลกทั้งสี่ทิศ โดยไวศราวัณดูแลทิศเหนือ และเป็นหัวหน้าของมหาราชทั้งสี่




การเดินทางสู่จีนและญี่ปุ่น
เมื่อศาสนาพุทธแพร่เข้าสู่ จีน ไวศราวัณก็ถูกดัดแปลงเป็นเทพผู้ปกป้องวัดและพระพุทธศาสนา (Píshāméntiān, 毘沙門天)
มีภาพลักษณ์เป็นนักรบ ใส่เกราะ ถือหอก และถือเจดีย์เล็ก ๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระธรรม ในช่วงศตวรรษที่ 6–8 ศาสนาพุทธเข้าสู่ ญี่ปุ่น และไวศราวัณกลายเป็น บิชามอนเต็น เทพเจ้าแห่งสงครามและโชคลาภ ซึ่งได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในหมู่นักรบซามูไร เพราะเชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งชัยชนะ


ต่อมา บิชามอนเต็นกลายเป็นหนึ่งใน เจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ (Shichifukujin / 七福神) ของญี่ปุ่น ทำให้มีภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่งคั่งและความโชคดีมากขึ้น




เปรียบเทียบฮาเดสกับบิชามอนเต็น
แม้จะถูกดัดแปลงไปมาก แต่ฮาเดสกับบิชามอนเต็นยังมีจุดคล้ายกันอยู่

ถึงแม้ฮาเดสจะเริ่มต้นจากเทพแห่งความตาย แต่เมื่อผ่านกระบวนการดัดแปลงทางวัฒนธรรม กลายเป็นกุเบรในอินเดีย ไวศราวัณในศาสนาพุทธ และสุดท้ายเป็นบิชามอนเต็นในญี่ปุ่น จุดเด่นเรื่อง ความร่ำรวย การปกป้อง และความแข็งแกร่ง ยังคงอยู่

การเปลี่ยนจากฮาเดสไปเป็นบิชามอนเต็น แสดงให้เห็นว่า ตำนานและเทพเจ้าไม่ได้หยุดนิ่ง แต่ถูกดัดแปลงไปตามวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพล ฮาเดสซึ่งเคยเป็นเทพแห่งยมโลก ถูกนำมาตีความใหม่ในอินเดียเป็นกุเบร เทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติ จากนั้นเปลี่ยนเป็นไวศราวัณ เทพนักรบแห่งพุทธศาสนา และสุดท้ายกลายเป็นบิชามอนเต็น เทพแห่งสงครามและโชคลาภของญี่ปุ่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่