วิวัฒนาการ ของ ศาสนาสำหรับมนุษย์

เริ่มแรกเดิมที  คนเราพอมีสติปัญญา  ก็จะนับถือเจ้าป่าเจ้าเขา   นับถือผี  เพราะหวาดกลัวไฟป่า  ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว

   ระยะที่ 2    คนเราก็เริ่มสร้าง  เทพ  มีหลายองค์   มีเรื่องราว เช่น  ตำนานกรีก ( ซุส ฮาเดส โปไซดอน)  โอดีนของชาวไวกิ้ง  พระศิวะ ของ
                  พราหมณ์   ซึ่งเทพเจ้าเหล่านี้   มีขึ้นเพื่อสนอง  ความกลัวเหมือนแบบแรก  แต่เพิ่ม  การสนองความอยากไปด้วย ให้พืชพรรงอก  
                 งาม  บูชา  โปไซดอนให้จับปลาได้เยอะๆ    แต่  แค่นี้ยังไม่พอ  จึงเข้าสู่งยุคถัดไป

   ระยะที่ 3   พอคนเราสร้างเทพเจ้าและนิยาย  ปรำปรา  ต่างๆ  มาแล้วยังไม่พอ  ยังไม่หายกลัว  ยังไม่หายอยาก     แม้คนเราจะควบคุม
                  ธรรมชาติได้บ้าง    เรียนรู้  ธรรมชาติบ้างว่าทำไมฝนตก  ทำไมแผ่นดินไหว  แต่ก็ยังไม่พอกับ  ความกลัวตาย  และ  
                 ไม่พอที่จะถม  ความอยากไม่สิ้นสุด  ของมนุษย์   จึงเกิด  เทพเจ้าองค์เดียว  เป็นองค์ใหญ่ที่สุด   มีอำนาจสูงสุด   จึงเกิด  
                  พระเจ้าขึ้นมา    เพื่อเป็นที่อยู่   หลังความตาย  เพื่อให้  บรรเทาความกลัวตาย   ซึ่งในจุดนี้จะเหมือนกัน  ทุกศาสนา  และเป็น
                  หัวใจของพระเจ้าเลยก็ว่าได้  คือเรื่อง หลังความตาย  แม้แต่ในศาสนาพุทธ  ปลอมๆ ก็เอาเรื่องนี้  เป็นใจความสำคัญ เหมือนกัน
                  ( พุทธแท้ๆ  หัวใจอยู่กับปัจจุบัน   นิพพานที่นี้เดวนี้  ไม่ใชาไปเอาอีกร้อยชาติ  ข้างหน้า )

      แต่ทั้งนี้ในอนาคต   ความเห็นส่วนตัวของผม  เชื่อว่าจะมีการพัฒนาอีก  จากการนับถือผี  มานับถือเทพเจ้า  มาจนนับถือพระเจ้า  ต่อไปผมเชื่อว่า   คนไม่มีศาสนา  จะเยอะที่สุด    เพราะ  ขณะนี้  คนไม่มีศาสนา  มาเป็นอันดับ  3  แล้ว  ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี  เพราะ นั้นหมายความว่า  คนเราพัฒนาจากความกลัว  มากลายเป็น  การยอมรับความจริง  จากความเชื่อ   กลายมาเป็นความเข้าใจ   ต่อไปโลกนี้อาจจะไม่มีศาสนา  แต่จะเหลือแต่หลัก ปฎิบัติที่เป็น   ธรรมชาติที่ให้คุณ   ให้ประโยชน์   ไม่ว่าหลักสันติของอิสลาม   หลักความรักของศาสนาคริสต์   หลักสายกลางของพุทธ    
           (  อย่าคิดว่าที่ผมคาดการณ์นี้เหลือเชื่อและเป็นไปไม่ได้  เพราะ  ในอดีตก็มีให้เห็น  มาแล้ว  คนที่ลุกขึ้นมายอมรับความจริง บอกให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน    ให้คนเราปล่อยวางอย่าไปยึดติด   ให้อยู่กับปัจจุบัน  อย่าวิตกกังวลกับอนาคตหลังตาย  จนสุขเย็นเป็นนิพพาน  ที่นี้เดวนี้  
คนคนนั้นคือ   เจ้าชายสิทธัตถะ   สัจจธรรมนั้น  ได้ผ่านกาลเวลา  2500  ปี  จนพิสูจณ์  ตัวเองมาแล้ว  ว่า ปัจจุบันก็ยังใช้ได้  )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่