กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ดำเนินการบอกเลิกสัญญาผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้ โดยขอให้ผู้กู้ดำเนินการชำระหนี้หรือทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้โดยด่วน มิฉะนั้น กยศ. จำเป็นต้องดำเนินการฟ้องร้องและสืบทรัพย์บังคับคดีเพื่อป้องกันความเสียหายของรัฐ
อัพเดท 7 กุมภาพันธ์ 2568
📌 กยศ. เตรียมฟ้องคดีลูกหนี้ผิดนัดกว่า 31,000 ราย รวมมูลค่าหนี้ 2,800 ล้านบาท
ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้ กยศ. ได้ดำเนินการบอกเลิกสัญญาผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้และกำลังเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดีจำนวน 31,000 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้กว่า 2,800 ล้านบาท กยศ. จึงขอให้ผู้กู้ยืมมาทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เพื่อขยายเวลาผ่อนชำระออกไป 15 ปี โดยสามารถชำระเงินงวดสุดท้ายได้ถึงอายุ 65 ปี ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมปฏิบัติตามสัญญาชำระหนี้จนถึงงวดสุดท้าย จะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับ 100%
📌 โอกาสปรับโครงสร้างหนี้
* หากผู้กู้ยืมมาปรับโครงสร้างหนี้ จะสามารถขยายระยะเวลาผ่อนชำระได้อีก 15 ปี
* ผู้ค้ำประกันจะได้รับการปลดภาระทันทีที่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้
* การผ่อนชำระต้องเป็นรายเดือน และต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี
* เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้าย จะได้รับ ส่วนลดเบี้ยปรับ 100%
การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยให้ผู้กู้ยืมสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ลดภาระของผู้ค้ำประกัน และหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหรือการบังคับคดี อย่างไรก็ตาม หากผู้กู้ยืมยังคงเพิกเฉย กยศ. จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
📌 เตือนเบี้ยวหนี้-โอนทรัพย์สินหลบหนี เสี่ยงคดีอาญา
มีการโพสต์รีวิวชวนผู้กู้เบี้ยวหนี้และโอนทรัพย์สินหลบหนีการบังคับคดี กยศ. เตือนว่าเข้าข่ายความผิดฐาน โกงเจ้าหนี้ (มาตรา 350) มีโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กยศ. สามารถร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนการโอนทรัพย์สินดังกล่าวได้
ที่ผ่านมา กยศ. ได้ดำเนินคดีฐานโกงเจ้าหนี้ไปแล้วกว่า 40 ราย
📌 พบผู้กู้มีศักยภาพในการชำระหนี้ แต่ยังเพิกเฉยกว่า 400,000 ราย
กยศ. ได้ตรวจพบว่า มีกลุ่มผู้กู้ยืมที่มีศักยภาพในการชำระหนี้ แต่ยังผิดนัดชำระอยู่ประมาณ 400,000 ราย โดยบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีรายได้สูงหรือมีเงินฝากเพียงพอ หากยังคงไม่ติดต่อเพื่อชำระหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. จะดำเนินคดีและสืบทรัพย์บังคับคดีต่อไป
📌 การชำระหนี้เพื่ออนาคตของการศึกษาไทย
ดร.นันทวัน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กยศ. มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ที่เพิกเฉยต่อภาระหนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายแก่รัฐ เนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ กยศ. ขอให้ผู้กู้ยืมที่ยังไม่ชำระหนี้หรือยังไม่ได้ปรับโครงสร้างหนี้รีบดำเนินการเพื่อช่วยให้กองทุนสามารถหมุนเวียนไปยังนักเรียนรุ่นใหม่ที่ยังรอโอกาสทางการศึกษา
📌 การคำนวณยอดหนี้ใหม่และสิทธิขอรับเงินคืน
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณยอดหนี้ใหม่ (Recalculation) ตามประกาศคณะกรรมการกองทุนฯ โดยการจัดลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ ส่งผลให้ผู้กู้ยืมบางรายไม่มีหนี้คงเหลือ และบางรายอาจมีสิทธิ์ขอรับเงินคืนได้ ผู้ที่ต้องการตรวจสอบสถานะสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th และลงทะเบียนขอรับเงินคืนได้ โดยเงินจะถูกโอนผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนของผู้กู้ยืม
สำหรับผู้ที่ยังมียอดหนี้คงเหลือ กยศ. ขอแนะนำให้ปรับโครงสร้างหนี้เพื่อขยายเวลาผ่อนชำระ และลดภาระให้แก่ผู้ค้ำประกัน โดยสามารถติดตามข้อมูลและดำเนินการได้ที่แอปพลิเคชัน กยศ.Connect
กยศ. ขอเน้นย้ำว่า การชำระหนี้คือการช่วยให้ระบบกองทุนเดินหน้าต่อไปได้ และช่วยเหลือเยาวชนรุ่นใหม่ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา ผู้กู้ยืมจึงควรมีความรับผิดชอบต่อภาระหนี้และดำเนินการชำระคืนตามข้อกำหนดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางกฎหมายในอนาคต
ที่มา
https://www.studentloan.or.th/th/news/1738917235
ที่มา
https://www.studentloan.or.th/en/node/2879
กยศ. เตรียมฟ้องร้องและบังคับคดี ลูกหนี้ผิดนัดกว่า 31,000 ราย หากไม่เร่งชำระหนี้
อัพเดท 7 กุมภาพันธ์ 2568
📌 กยศ. เตรียมฟ้องคดีลูกหนี้ผิดนัดกว่า 31,000 ราย รวมมูลค่าหนี้ 2,800 ล้านบาท
ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้ กยศ. ได้ดำเนินการบอกเลิกสัญญาผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้และกำลังเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดีจำนวน 31,000 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้กว่า 2,800 ล้านบาท กยศ. จึงขอให้ผู้กู้ยืมมาทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เพื่อขยายเวลาผ่อนชำระออกไป 15 ปี โดยสามารถชำระเงินงวดสุดท้ายได้ถึงอายุ 65 ปี ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมปฏิบัติตามสัญญาชำระหนี้จนถึงงวดสุดท้าย จะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับ 100%
📌 โอกาสปรับโครงสร้างหนี้
* หากผู้กู้ยืมมาปรับโครงสร้างหนี้ จะสามารถขยายระยะเวลาผ่อนชำระได้อีก 15 ปี
* ผู้ค้ำประกันจะได้รับการปลดภาระทันทีที่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้
* การผ่อนชำระต้องเป็นรายเดือน และต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี
* เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้าย จะได้รับ ส่วนลดเบี้ยปรับ 100%
การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยให้ผู้กู้ยืมสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ลดภาระของผู้ค้ำประกัน และหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหรือการบังคับคดี อย่างไรก็ตาม หากผู้กู้ยืมยังคงเพิกเฉย กยศ. จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
📌 เตือนเบี้ยวหนี้-โอนทรัพย์สินหลบหนี เสี่ยงคดีอาญา
มีการโพสต์รีวิวชวนผู้กู้เบี้ยวหนี้และโอนทรัพย์สินหลบหนีการบังคับคดี กยศ. เตือนว่าเข้าข่ายความผิดฐาน โกงเจ้าหนี้ (มาตรา 350) มีโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กยศ. สามารถร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนการโอนทรัพย์สินดังกล่าวได้
ที่ผ่านมา กยศ. ได้ดำเนินคดีฐานโกงเจ้าหนี้ไปแล้วกว่า 40 ราย
📌 พบผู้กู้มีศักยภาพในการชำระหนี้ แต่ยังเพิกเฉยกว่า 400,000 ราย
กยศ. ได้ตรวจพบว่า มีกลุ่มผู้กู้ยืมที่มีศักยภาพในการชำระหนี้ แต่ยังผิดนัดชำระอยู่ประมาณ 400,000 ราย โดยบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีรายได้สูงหรือมีเงินฝากเพียงพอ หากยังคงไม่ติดต่อเพื่อชำระหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. จะดำเนินคดีและสืบทรัพย์บังคับคดีต่อไป
📌 การชำระหนี้เพื่ออนาคตของการศึกษาไทย
ดร.นันทวัน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กยศ. มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ที่เพิกเฉยต่อภาระหนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายแก่รัฐ เนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ กยศ. ขอให้ผู้กู้ยืมที่ยังไม่ชำระหนี้หรือยังไม่ได้ปรับโครงสร้างหนี้รีบดำเนินการเพื่อช่วยให้กองทุนสามารถหมุนเวียนไปยังนักเรียนรุ่นใหม่ที่ยังรอโอกาสทางการศึกษา
📌 การคำนวณยอดหนี้ใหม่และสิทธิขอรับเงินคืน
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณยอดหนี้ใหม่ (Recalculation) ตามประกาศคณะกรรมการกองทุนฯ โดยการจัดลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ ส่งผลให้ผู้กู้ยืมบางรายไม่มีหนี้คงเหลือ และบางรายอาจมีสิทธิ์ขอรับเงินคืนได้ ผู้ที่ต้องการตรวจสอบสถานะสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th และลงทะเบียนขอรับเงินคืนได้ โดยเงินจะถูกโอนผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนของผู้กู้ยืม
สำหรับผู้ที่ยังมียอดหนี้คงเหลือ กยศ. ขอแนะนำให้ปรับโครงสร้างหนี้เพื่อขยายเวลาผ่อนชำระ และลดภาระให้แก่ผู้ค้ำประกัน โดยสามารถติดตามข้อมูลและดำเนินการได้ที่แอปพลิเคชัน กยศ.Connect
กยศ. ขอเน้นย้ำว่า การชำระหนี้คือการช่วยให้ระบบกองทุนเดินหน้าต่อไปได้ และช่วยเหลือเยาวชนรุ่นใหม่ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา ผู้กู้ยืมจึงควรมีความรับผิดชอบต่อภาระหนี้และดำเนินการชำระคืนตามข้อกำหนดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางกฎหมายในอนาคต
ที่มา https://www.studentloan.or.th/th/news/1738917235
ที่มา https://www.studentloan.or.th/en/node/2879