ปัญหานี้ได้เกิดขึ้นหลังที่พ่อกับแม่ได้เสียชีวิตได้ 1 ปี
ปัญหา 3 พี่น้องได้เริ่มต้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งผมเป็นคนโต
"จากการที่พ่อต้องชำระหนี้คอนโดมิเนียมที่โดนฟ้อง หาทางออกโดยการต้องนำบ้านที่อยู่ปัจจุบันเข้าแบงก์เพื่อนำเงินออกมาชำระหนี้คอนโดไม่งั้นแบงก็จะยึดบ้านที่อยุ่ปัจจุบัน"
ซึ่งตอนนั้น (15 ปีที่แล้ว) ผมไม่สามารถกู้ได้เนื่องจากติดปัญหาทางการเงิน โดยต้องให้ชื่อบ้านเป็นของคนกลางเพราะสถานะทางการเงินดีที่สุด หลังจากชำระหนี้คอนโดให้พ่อแล้ว พวกเรา 3 คนพี่น้อง ก็ได้ช่วยกันผ่อนบ้านมาโดยตลอด ตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกันไว้ มาเป็นระยะเวลา 15 ปี (เหลืออีก 5 ปีก็ผ่อนหมด) ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาผมได้ส่งค่าบ้านทุกงวดไม่มีขาด ซึ่งอีก 2 คน ไม่ได้ชำระตามกำหนดของแบงก์ โดยที่ผมไม่ได้เอะใจอะไรเลย และได้สืบจนทราบว่าน้องคนกลางได้เอาบ้านเข้าไปรีไฟแนนซ์ และยังขาดการชะระอีกหลายงวด จนเรื่องไปถึงขั้นแบงก์ฟ้องยึดบ้านที่อยู่ปัจจุบัน และกำลังจะนำขายทอดตลาด
ผมได้เสนอให้นำเรื่องออกจากกรมบังคับคดีโดยบ้านต้องเปลี่ยนเป็นชื่อผม และผมจะชำระหนี้คงค้างทั้งหมดกับแบงก์เอง เรื่องนี้มันมีค่าใช้จ่ายพอสมควร แต่น้องคนกลางไม่ยอมคิดว่าผมจะฮุบสมบัติเองโดยไม่แบ่ง (อย่างนี้ผมก็ต้องคิดได้เหมือนกัน) ส่วนคนเล็กก็อยากให้ขายจะได้แบ่งเงินแล้วนำไปใช้ชีวิตที่เหลือ
แต่คนกลางไม่นึกถึงในส่ิ่งที่ตัวเองทำพลาดมาเลยไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตส่วนตัว ค่าปรับการผิดนัดชำระ และนำบ้านเข้ารีไฟแนนซ์ ซึ่งมันพ่วงกับบ้านยอดฟ้องเลยรวมกันไปหมด
ผมก็ไม่อยากขายนะบ้านหลังนี้เพราะเป็นสมบัติพ่อที่ทิ้งไว้ให้ พ่อได้เคยสั่งเอาไว้เป้นที่ซุกหัวนอนอย่าขาย แต่ก็ทำอะไรได้ยากมากเพราะชื่อบ้านเป็นของน้องคนกลางซึ่งจะขายแล้วแบ่งอย่างเดียว แต่เรื่องไม่ใช่แค่นั้นการที่จะขายบ้านในระยะเวลาที่เหลือน้อยนี้เป็นไปได้ยากมาก แต่ถ้าขายได้ผมก็คิดแล้วจะได้แบ่งแล้วจบๆ กันไป แต่ไม่ใช่แค่นั้น ตอนนี้ผมจะไว้ใจน้องคนกลางได้อย่างไร
สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือการที่ไว้ใจคนกลางมาโดยตลอดไม่คิดว่าจะทำให้เสียหายได้ถึงขนาดนี้ ในฐานะที่ผมได้อาศัยบ้านหลังนี้มาตั้งแต่ต้นได้ดูแลพ่อกับแม่จนถึงวันสุดท้าย แม้กระทั่งงานศพผมก็ได้จัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ปัญหาคือเงินที่ผมให้ไปทุกเดือนที่นำไปจ่ายค่าบ้าน กลายเป็นฝุ่นเลย
ที่อยู่ผมก็ต้องหาที่ใหม่เพราะถ้าไม่แก้ไขก็จบเป็นศูนย์
การไว้ใจใครพอมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวยังไงก็ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ แม้กระทั่งพี่น้องยังหักหลังกันได้เลย
ที่ได้อยู่บ้านนี้ผมก็ได้ดูแลพ่อกับแม่ได้เต็มที่แล้วครับ
ปัญหาสมบัติที่พ่อทิ้งไว้ให้
ปัญหา 3 พี่น้องได้เริ่มต้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งผมเป็นคนโต
"จากการที่พ่อต้องชำระหนี้คอนโดมิเนียมที่โดนฟ้อง หาทางออกโดยการต้องนำบ้านที่อยู่ปัจจุบันเข้าแบงก์เพื่อนำเงินออกมาชำระหนี้คอนโดไม่งั้นแบงก็จะยึดบ้านที่อยุ่ปัจจุบัน"
ซึ่งตอนนั้น (15 ปีที่แล้ว) ผมไม่สามารถกู้ได้เนื่องจากติดปัญหาทางการเงิน โดยต้องให้ชื่อบ้านเป็นของคนกลางเพราะสถานะทางการเงินดีที่สุด หลังจากชำระหนี้คอนโดให้พ่อแล้ว พวกเรา 3 คนพี่น้อง ก็ได้ช่วยกันผ่อนบ้านมาโดยตลอด ตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกันไว้ มาเป็นระยะเวลา 15 ปี (เหลืออีก 5 ปีก็ผ่อนหมด) ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาผมได้ส่งค่าบ้านทุกงวดไม่มีขาด ซึ่งอีก 2 คน ไม่ได้ชำระตามกำหนดของแบงก์ โดยที่ผมไม่ได้เอะใจอะไรเลย และได้สืบจนทราบว่าน้องคนกลางได้เอาบ้านเข้าไปรีไฟแนนซ์ และยังขาดการชะระอีกหลายงวด จนเรื่องไปถึงขั้นแบงก์ฟ้องยึดบ้านที่อยู่ปัจจุบัน และกำลังจะนำขายทอดตลาด
ผมได้เสนอให้นำเรื่องออกจากกรมบังคับคดีโดยบ้านต้องเปลี่ยนเป็นชื่อผม และผมจะชำระหนี้คงค้างทั้งหมดกับแบงก์เอง เรื่องนี้มันมีค่าใช้จ่ายพอสมควร แต่น้องคนกลางไม่ยอมคิดว่าผมจะฮุบสมบัติเองโดยไม่แบ่ง (อย่างนี้ผมก็ต้องคิดได้เหมือนกัน) ส่วนคนเล็กก็อยากให้ขายจะได้แบ่งเงินแล้วนำไปใช้ชีวิตที่เหลือ
แต่คนกลางไม่นึกถึงในส่ิ่งที่ตัวเองทำพลาดมาเลยไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตส่วนตัว ค่าปรับการผิดนัดชำระ และนำบ้านเข้ารีไฟแนนซ์ ซึ่งมันพ่วงกับบ้านยอดฟ้องเลยรวมกันไปหมด
ผมก็ไม่อยากขายนะบ้านหลังนี้เพราะเป็นสมบัติพ่อที่ทิ้งไว้ให้ พ่อได้เคยสั่งเอาไว้เป้นที่ซุกหัวนอนอย่าขาย แต่ก็ทำอะไรได้ยากมากเพราะชื่อบ้านเป็นของน้องคนกลางซึ่งจะขายแล้วแบ่งอย่างเดียว แต่เรื่องไม่ใช่แค่นั้นการที่จะขายบ้านในระยะเวลาที่เหลือน้อยนี้เป็นไปได้ยากมาก แต่ถ้าขายได้ผมก็คิดแล้วจะได้แบ่งแล้วจบๆ กันไป แต่ไม่ใช่แค่นั้น ตอนนี้ผมจะไว้ใจน้องคนกลางได้อย่างไร
สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือการที่ไว้ใจคนกลางมาโดยตลอดไม่คิดว่าจะทำให้เสียหายได้ถึงขนาดนี้ ในฐานะที่ผมได้อาศัยบ้านหลังนี้มาตั้งแต่ต้นได้ดูแลพ่อกับแม่จนถึงวันสุดท้าย แม้กระทั่งงานศพผมก็ได้จัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ปัญหาคือเงินที่ผมให้ไปทุกเดือนที่นำไปจ่ายค่าบ้าน กลายเป็นฝุ่นเลย
ที่อยู่ผมก็ต้องหาที่ใหม่เพราะถ้าไม่แก้ไขก็จบเป็นศูนย์
การไว้ใจใครพอมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวยังไงก็ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ แม้กระทั่งพี่น้องยังหักหลังกันได้เลย
ที่ได้อยู่บ้านนี้ผมก็ได้ดูแลพ่อกับแม่ได้เต็มที่แล้วครับ