บางทีพยายามแต่งหน้าแต่งตา แต่ก็ยังดูแล้วไม่พ้น จากอสุภะ
ที่ว่าหลงหนัง พอลอกหนังออกมาก็เป็นกล้ามเนื้อแดงๆคาวๆ
พอผ่าข้างในออกมาก็เป็นของเน่าเหม็นเต็ม
หรือต่อให้ใส่สารอะไรทำให้สวยๆเลย สุดท้ายทั้งหมดพอจักรวาลล่มสลาย
ยังไงพวกนี้ก็ไม่พ้นอนัตตาไหมฮะ เทวดาอะไรต่างๆด้วยไหมฮะ
แต่ว่าก็ได้ยินว่ามีพรหมบางประเภทที่ท่านพ้นด้วยไหมฮะ
คือท่านอยู่ได้ในช่วงที่โลกล่มสลายไหมฮะ
ตอนนั้นก็คงคล้ายๆกับอัคคัญญสูตร วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
แต่ว่าถ้าถามว่าก่อนหน้านั้นสุดๆมีอะไร
น่าจะต้องหาคำตอบจากไกวัลยธรรมแล้วฮะ
พิจารณาตามกาลามสูตรนะฮะ เราเอาจากในเน็ต คงเข้ากับ ตามคำครู หรือมงคลตื่นข่าวได้ฮะ
การพิจารณาอาหารของภิกษุในพระพุทธศาสนามีหลักปฏิบัติที่สำคัญหลายประการ เพื่อให้การบริโภคอาหารเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม
1. การพิจารณาก่อนฉัน
* พิจารณาถึงที่มาของอาหาร: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ได้รับมานั้นมาจากที่ใด มีเจตนาอย่างไรในการถวาย เพื่อให้เกิดความสำนึกในบุญคุณของผู้ถวาย
* พิจารณาถึงคุณค่าของอาหาร: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ได้รับมานั้นมีคุณค่าทางโภชนาการหรือไม่ เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและเอื้อต่อการปฏิบัติธรรมหรือไม่
* พิจารณาถึงความพอเพียง: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ได้รับมานั้นมีปริมาณที่พอเหมาะหรือไม่ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความอยากหรือความเบื่อหน่ายในอาหาร
2. ขณะฉัน
* ฉันด้วยความสำรวม: ภิกษุควรฉันอาหารด้วยความสำรวม ไม่รีบร้อนหรือตะกละตะกราม แต่ฉันอย่างมีสติและสมาธิ
* ฉันเพื่อดำรงชีวิต: ภิกษุควรฉันอาหารเพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลินหรือความอยาก
* ฉันอย่างมีสติ: ภิกษุควรฉันอาหารอย่างมีสติ รู้รส รู้ปริมาณ และรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
3. หลังฉัน
* พิจารณาถึงประโยชน์: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ฉันไปนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร
* พิจารณาถึงโทษ: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ฉันไปนั้นมีโทษต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร
* พิจารณาถึงความไม่เที่ยง: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ฉันไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
4. ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติม
* เลือกอาหารที่เหมาะสม: ภิกษุควรเลือกฉันอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเอื้อต่อการปฏิบัติธรรม เช่น อาหารที่ย่อยง่าย มีคุณค่าทางโภชนาการ และไม่ปรุงแต่งรสชาติมากเกินไป
* หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอบายมุข: ภิกษุควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอบายมุข เช่น อาหารที่มีแอลกอฮอล์ หรืออาหารที่กระตุ้นกิเลส
* รักษาความสะอาด: ภิกษุควรดูแลรักษาความสะอาดของอาหารและภาชนะที่ใช้ในการฉัน เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
การพิจารณาอาหารของภิกษุเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรม เพื่อให้การบริโภคอาหารเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อการเจริญสติ สมาธิ และปัญญา
งั้นเราก็แค่แหวกทะลวงธรรมะไปก่อนไหมฮะ ไม่ต้องสนใจก่อนว่าจะต้องกลับมาคลุกกับกิเลสอีกไหม บางที่เลยบอกให้เอาสมาธิเลย ศีลก็รักษาคือเอาที่ศีลใจก่อน อาจจะยังมีกิเลสปรุง แต่ว่าก็พยายามดึงไม่ปล่อยให้กิเลสเล่นเราจนเราแพ้มากไหมฮะ
วิปัส
ที่ว่าหลงหนัง พอลอกหนังออกมาก็เป็นกล้ามเนื้อแดงๆคาวๆ
พอผ่าข้างในออกมาก็เป็นของเน่าเหม็นเต็ม
หรือต่อให้ใส่สารอะไรทำให้สวยๆเลย สุดท้ายทั้งหมดพอจักรวาลล่มสลาย
ยังไงพวกนี้ก็ไม่พ้นอนัตตาไหมฮะ เทวดาอะไรต่างๆด้วยไหมฮะ
แต่ว่าก็ได้ยินว่ามีพรหมบางประเภทที่ท่านพ้นด้วยไหมฮะ
คือท่านอยู่ได้ในช่วงที่โลกล่มสลายไหมฮะ
ตอนนั้นก็คงคล้ายๆกับอัคคัญญสูตร วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
แต่ว่าถ้าถามว่าก่อนหน้านั้นสุดๆมีอะไร
น่าจะต้องหาคำตอบจากไกวัลยธรรมแล้วฮะ
พิจารณาตามกาลามสูตรนะฮะ เราเอาจากในเน็ต คงเข้ากับ ตามคำครู หรือมงคลตื่นข่าวได้ฮะ
การพิจารณาอาหารของภิกษุในพระพุทธศาสนามีหลักปฏิบัติที่สำคัญหลายประการ เพื่อให้การบริโภคอาหารเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม
1. การพิจารณาก่อนฉัน
* พิจารณาถึงที่มาของอาหาร: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ได้รับมานั้นมาจากที่ใด มีเจตนาอย่างไรในการถวาย เพื่อให้เกิดความสำนึกในบุญคุณของผู้ถวาย
* พิจารณาถึงคุณค่าของอาหาร: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ได้รับมานั้นมีคุณค่าทางโภชนาการหรือไม่ เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและเอื้อต่อการปฏิบัติธรรมหรือไม่
* พิจารณาถึงความพอเพียง: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ได้รับมานั้นมีปริมาณที่พอเหมาะหรือไม่ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความอยากหรือความเบื่อหน่ายในอาหาร
2. ขณะฉัน
* ฉันด้วยความสำรวม: ภิกษุควรฉันอาหารด้วยความสำรวม ไม่รีบร้อนหรือตะกละตะกราม แต่ฉันอย่างมีสติและสมาธิ
* ฉันเพื่อดำรงชีวิต: ภิกษุควรฉันอาหารเพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลินหรือความอยาก
* ฉันอย่างมีสติ: ภิกษุควรฉันอาหารอย่างมีสติ รู้รส รู้ปริมาณ และรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
3. หลังฉัน
* พิจารณาถึงประโยชน์: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ฉันไปนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร
* พิจารณาถึงโทษ: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ฉันไปนั้นมีโทษต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร
* พิจารณาถึงความไม่เที่ยง: ภิกษุควรพิจารณาว่าอาหารที่ฉันไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
4. ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติม
* เลือกอาหารที่เหมาะสม: ภิกษุควรเลือกฉันอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเอื้อต่อการปฏิบัติธรรม เช่น อาหารที่ย่อยง่าย มีคุณค่าทางโภชนาการ และไม่ปรุงแต่งรสชาติมากเกินไป
* หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอบายมุข: ภิกษุควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอบายมุข เช่น อาหารที่มีแอลกอฮอล์ หรืออาหารที่กระตุ้นกิเลส
* รักษาความสะอาด: ภิกษุควรดูแลรักษาความสะอาดของอาหารและภาชนะที่ใช้ในการฉัน เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
การพิจารณาอาหารของภิกษุเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรม เพื่อให้การบริโภคอาหารเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อการเจริญสติ สมาธิ และปัญญา
งั้นเราก็แค่แหวกทะลวงธรรมะไปก่อนไหมฮะ ไม่ต้องสนใจก่อนว่าจะต้องกลับมาคลุกกับกิเลสอีกไหม บางที่เลยบอกให้เอาสมาธิเลย ศีลก็รักษาคือเอาที่ศีลใจก่อน อาจจะยังมีกิเลสปรุง แต่ว่าก็พยายามดึงไม่ปล่อยให้กิเลสเล่นเราจนเราแพ้มากไหมฮะ