เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/wealth_management/2840530
ส่องคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุน ติดดอย LTF ทำอย่างไรดี ในยุคที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก เปิดทางเลือกนักลงทุนควร “ถือ” หรือ “ขาย” แบบไหนได้ประโยชน์สูงสุด
กองทุน LTF ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งนับเป็นปีสุดท้ายที่ซื้อได้ จนถึงปัจจุบันก็ครบอายุเกือบหมดแล้ว จากเกณฑ์ที่ต้องถือครองเป็นเวลา 7 ปี ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ผันผวนอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนหลายคนมีผลตอบแทนติดลบ
ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า หากติดดอย LTF อยู่ จะทำอย่างไรต่อดี ?
วโรฤทธิ์ จีระชน Head of Investment Research บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ให้ความเห็นกับ “Thairath Money”ว่า นักลงทุนที่ยังถือ LTF อยู่วันนี้ สามารถขายได้ทั้งหมดแล้วหลังครบ 7 ปีตามเงื่อนไข ฉะนั้นนักลงทุนหรือผู้ที่ได้ลดหย่อนภาษีผ่านการซื้อกองทุน LTF ควรจะพิจารณาแบบไม่มีต้นทุน
เพราะราคาหน่วยลงทุน LTF มีการปรับมูลค่าของหลักทรัพย์ให้เป็นจริงตามราคาตลาดล่าสุด หรือมีการ “Mark to Market” ไปทุกวัน ดังนั้น ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกรับรู้ตอนขายแล้ว
ดังนั้น วิธีที่นักลงทุนควรพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่าจะถือไว้ต่อไป หรือจะขายออกนั้น คือเรื่อง “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” หรือ Opportunity Cost ว่ามีอะไรบ้าง เช่น หากขายออกไปแล้ว จะนำไปลงทุนอะไรต่อ และสิ่งจะนำไปลงทุนต่อนั้น เมื่อเทียบกับการถือไว้แล้วดีกว่าหรือไม่ เพื่อใช้เป็น Framework ในการตัดสินใจ
ขณะเดียวกัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,300 จุด นั้น ถือว่าขาดความเชื่อมั่นไปมาก ทำให้ความคึกคักในการซื้อขายลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายราว 3.7-4 หมื่นล้านบาทต่อวันเท่านั้น
เมื่อราคาหุ้นลดลงในขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หลายคนจึงมองว่าราคาหุ้นก็อาจไม่ได้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มาก แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อกำไร บจ. ไม่ได้ปรับลดลงมากเท่ากับราคาหุ้น จะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังดูดีเช่นกัน
แนะหาจังหวะขาย แล้วเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอื่น
อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาหุ้นไม่ได้ปรับตัวลดลงมา จะขายไปเพื่อหาโอกาสการลงทุนอื่นๆ นั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ช่วงนี้จะค่อนข้างเสี่ยงเพราะว่าดัชนีเพิ่งลดลงมาเยอะภายในไม่กี่วัน ซึ่งมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วเช่นกัน ดังนั้น ต้องหาจังหวะในการขายให้ดี
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการขายเพื่อนำไปลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นๆ นั้น สามารถทำได้โดย
อ่านต่อที่นี่
https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/wealth_management/2840530
ติดดอย LTF “ถือต่อ” หรือ “ขายออก” ?
https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/wealth_management/2840530
ส่องคำแนะนำผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุน ติดดอย LTF ทำอย่างไรดี ในยุคที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก เปิดทางเลือกนักลงทุนควร “ถือ” หรือ “ขาย” แบบไหนได้ประโยชน์สูงสุด
กองทุน LTF ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งนับเป็นปีสุดท้ายที่ซื้อได้ จนถึงปัจจุบันก็ครบอายุเกือบหมดแล้ว จากเกณฑ์ที่ต้องถือครองเป็นเวลา 7 ปี ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ผันผวนอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนหลายคนมีผลตอบแทนติดลบ
ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า หากติดดอย LTF อยู่ จะทำอย่างไรต่อดี ?
วโรฤทธิ์ จีระชน Head of Investment Research บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ให้ความเห็นกับ “Thairath Money”ว่า นักลงทุนที่ยังถือ LTF อยู่วันนี้ สามารถขายได้ทั้งหมดแล้วหลังครบ 7 ปีตามเงื่อนไข ฉะนั้นนักลงทุนหรือผู้ที่ได้ลดหย่อนภาษีผ่านการซื้อกองทุน LTF ควรจะพิจารณาแบบไม่มีต้นทุน
เพราะราคาหน่วยลงทุน LTF มีการปรับมูลค่าของหลักทรัพย์ให้เป็นจริงตามราคาตลาดล่าสุด หรือมีการ “Mark to Market” ไปทุกวัน ดังนั้น ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกรับรู้ตอนขายแล้ว
ดังนั้น วิธีที่นักลงทุนควรพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่าจะถือไว้ต่อไป หรือจะขายออกนั้น คือเรื่อง “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” หรือ Opportunity Cost ว่ามีอะไรบ้าง เช่น หากขายออกไปแล้ว จะนำไปลงทุนอะไรต่อ และสิ่งจะนำไปลงทุนต่อนั้น เมื่อเทียบกับการถือไว้แล้วดีกว่าหรือไม่ เพื่อใช้เป็น Framework ในการตัดสินใจ
ขณะเดียวกัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,300 จุด นั้น ถือว่าขาดความเชื่อมั่นไปมาก ทำให้ความคึกคักในการซื้อขายลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายราว 3.7-4 หมื่นล้านบาทต่อวันเท่านั้น
เมื่อราคาหุ้นลดลงในขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หลายคนจึงมองว่าราคาหุ้นก็อาจไม่ได้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มาก แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อกำไร บจ. ไม่ได้ปรับลดลงมากเท่ากับราคาหุ้น จะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังดูดีเช่นกัน
แนะหาจังหวะขาย แล้วเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอื่น
อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาหุ้นไม่ได้ปรับตัวลดลงมา จะขายไปเพื่อหาโอกาสการลงทุนอื่นๆ นั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ช่วงนี้จะค่อนข้างเสี่ยงเพราะว่าดัชนีเพิ่งลดลงมาเยอะภายในไม่กี่วัน ซึ่งมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วเช่นกัน ดังนั้น ต้องหาจังหวะในการขายให้ดี
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการขายเพื่อนำไปลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีอื่นๆ นั้น สามารถทำได้โดย
อ่านต่อที่นี่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/wealth_management/2840530