เรามีเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ประมาณ 8 คน แต่มี 2 คนที่เราสนิทมากๆในกลุ่ม ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามเราจะหันเข้าหาสองคนนี้เสมอ เพราะสองคนนี้สามารถช่วยเราได้ทุกอย่าง เราสนิทกันตั้งแต่ม. 5 เทอม 1 เล่นกินอยู่สนิททำงานร่วมกันมาตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบันม. 6 เทอม 2 ใกล้จะจบแล้ว เราสังเกตว่านิสัยเพื่อนเราค่อยๆเปลี่ยนไป อาจจะเพราะว่าเริ่มสนิทกันก็เลยเผยนิสัยของตัวเองออกมาทีละน้อยละน้อย แต่มีคนนึงที่เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดแต่หลังๆพูดเยอะขึ้น เข้าช่วงม. 6 ปีสุดท้ายก็ทำงานด้วยกันเรารู้สึกหงุดหงิดกับเพื่อนมากขึ้น รู้สึกว่าเพื่อนทำอะไรก็ขัดตาเราไปหมด แต่ด้วยความที่เพื่อนก็ดีกับเรามากเหมือนกันช่วยเหลือตลอด เราเลยไม่ได้เก็บมาคิดมากเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นเพื่อนช่วยเหลือเราตลอดเวลาที่เราลำบาก เราก็เลยหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนมากขึ้นเป็นเด็กเรียนนิสัยดีเหมือนกัน ส่วนมากจะชอบกินกินชาบู หมูกะทะ เป็นคนที่มีตังค์แทบทุกวันหรือทุกสัปดาห์ทุกเดือนเลยด้วยซ้ำ ที่จะชอบชวนเราไปกินหมูกะทะ ชาบู บุฟเฟ่ต์อยู่ตลอดแต่เราเป็นคนที่ไม่ค่อยมีตังค์เราก็เลยมักจะปฏิเสธไป อาจจะไปบ้างบางครั้งแต่ไม่ได้ไปทุกรอบเพราะตัวเองก็ไม่มีตังค์แต่บางครั้งเพื่อนก็ชอบพูดว่านอยกับเราหรือพูดว่าให้ยืมก่อนเราเกรงใจเราก็ไม่อยากยืม พอเราไม่ไปก็นอยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนแรกเราไม่ได้ใช้เงินเยอะแต่พอขึ้นม. 6 มารู้สึกว่าตัวเองสิ้นเปลืองเงินไปกับกลุ่มเพื่อนเยอะจนเกินไป เพื่อนทั้งสองมีเงินใช้ไม่ขาดมือพ่อแม่ไม่ได้เป็นหนี้เป็นสิน แต่ทั้งครอบครัวของเรานั้นอยู่กับพ่อสองคนแล้วพ่อก็มีหนี้สิน เราเองก็พยายามจะประหยัดโดยไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย จนหลังๆก็ชวนบ่อยขึ้นบ่อยขึ้นแต่เราก็เลือกที่จะปฏิเสธไป จากนั้นพอมาม. 6 เทอม 2 ที่ช่วงใกล้จะจบปัจฉิมเพื่อนของเรานั้นเปลี่ยนไปมากขึ้นก็คือทั้งสองคนก็เหมือนจะสนิทกันมากขึ้นแต่เราก็ไม่ได้อะไร เพราะเราก็สนิทกันมากในสามคนอยู่แล้ว หลังจากนั้นมารู้สึกว่าไปโรงเรียนแล้วรู้สึกหงุดหงิดตลอด รู้สึกไม่มีความสุขเขาพูดทุกอย่างที่เข้ากันได้แต่เราไม่สามารถพูดคุยในเรื่องที่พวกเขาคุยกันได้ เพราะเราไม่รู้สองคนนี้เขาเคยอยู่โรงเรียนเดียวกันมาก่อนตอนช่วงประถมแต่เราอยู่คนละโรงเรียนกัน เวลาเขาพูดถึงเรื่องโรงเรียนเก่าหรือเรื่องอะไรเราก็จะเข้าไม่ถึงพวกเขา เราก็รู้สึกน้อยใจทุกที จนวันนี้ไปโรงเรียนตอนเช้าเราเล่าเรื่องเพื่อนคนนึงที่เหมือนจะไปมหาวิทยาลัยเดียวกับเราคือไปอยู่ด้วยกันแต่ว่าเรียนกันคนละคณะสาขาแต่พักอยู่หอนอกด้วยกัน เราก็เอาเรื่องพวกนี้ที่เพื่อนเหมือนจะตัดสินใจไม่ไปเที่ยวกันกับเราไปเล่าให้เพื่อนสองคนนี้ฟังตอนแรกเราก็คิดว่าเออเพื่อนจะเอ่อปลอบใจเราหรือไม่ก็รับฟังไม่ได้พูดอะไรแต่พอตอนที่เราบอกไปเขาก็พูดล้อเล่นเราขึ้นมาว่า"สมน้ำหน้าไม่มีเพื่อนไปด้วย โดนเพื่อนทิ้งว้ายๆๆ" มันทำให้ความรู้สึกตอนนั้นเราเปลี่ยนไปทันทีจากที่ไปโรงเรียนหน้าสดใสแรกๆกลับกลายเป็นว่าในใจรู้สึกขุ่นมัวรู้สึกว่าทำไมต้องมาซ้ำเติมกัน เป็นฟิวส์แบบว่าเหมือนพยายามแกล้งหยอกเราแต่ว่าในความคิดเราตอนนั้นคือเราจริงจังเรา ไม่ได้เล่นๆแต่เพื่อนอาจจะไม่รู้แหละแต่เรารู้สึกว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้ไม่ว่าจะกับเราหรือว่าใครก็ตาม แล้วเพื่อนอีกคนก็พูดขึ้นมาอีกเหมือนเป็นการเสริมต่อจากเพื่อนที่ว่าเราคนนั้น เป็นฟิวแบบว่าเพื่อนที่ชอบแกล้งกันแบบหมั่นไส้เล็กๆน้อยๆแต่แบบไม่ได้เกลียดหรืออะไรกัน เราเข้าใจเพราะตอนแรกก็มีเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ว่าไม่ได้แรงไม่ได้บ่อย แบบเป็นบางครั้งแต่วันนี้กลายเป็นว่าหลังจากเราไปโรงเรียนเราพูดเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังเพื่อนก็พยายามหาจุดบกพร่องเราเตรียมที่จะแกล้งล้อเราไม่เว้นแม้แต่ช่วงพักกลางวันกินข้าว เรากินไอติม 6 เลอะโต๊ะนิดเดียว เพื่อนก็จ้องจับผิดเราและล้อเรา พอเราล้อกลับเรื่องที่เพื่อนลืมไม้ไอติมไว้บนโต๊ะอาหารไม่ยอมทิ้ง เพื่อนก็เถียงเรากลับแบบอยากจะชนะให้ได้ เรารู้สึกว่าเราโดนอีกแล้วหรอวันนี้ โดนมาทั้งวันเลยนะ จนถึงเลิกเรียน เราหงุดหงิดมากแต่เราก็เลือกที่จะไม่พูดออกมาก็เก็บไว้ในใจ ในใจเรากรี๊ดเป็นร้อยรอบ แต่เราก็ไม่ได้อยากพูดออกมากลัวเพื่อนจะว่าเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นจะต้องมาหงุดหงิดเลยก็แค่แกล้งเล่นปกติ เรารู้ดีว่าเพื่อนจะมีรีแอคแบบไหนเราเลยเลือกที่จะเงียบไม่พูด หลังจากนั้นก็เฟลไปทั้งวัน เราเลยกลับบ้านมาคิดกับตัวเองว่าเราควรจะเก็บเรื่องทุกอย่างไว้กับตัวเองแทนที่จะพูดกับคนอื่นดีไหม แล้วถ้าเพื่อนเป็นอย่างนี้เราควรจะรับมือยังไงบ้างคะ หรือว่าทำตัวเงียบๆนิ่งๆเฉยๆไม่ไปยุ่งแล้ว แต่ใจใจก็แอบบอยากเอาคืนบ้างแต่ก็สู้ไม่ได้อยู่ดีค่ะ มาออกความคิดเห็นช่วยกันหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
หงุดหงิดเพื่อนเพราะเพื่อนแกล้งเล่นไม่ดูสถานการณ์