มาตรการแบบนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกินขึ้น ในโลก โดยหลังจากมีการตัดไฟ ในฝั่งพม่า คาดการณ์ประมาณไม่เกิน 2 weeks 

ประชาชนชาวพม่าจะแห่อพยพเข้ามาในฝั่งไทย สิ่งที่ตามมาด้วยคือ เชื้อประจำถิ่น โรคระบาด (จะเรียกคุณหรือท่านดี 555 ท่านเตรียมรับมืออาฟเตอร์ช็อกตรงนี้ไว้รึยัง หรือจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ปกครอง ทหาร แก้ปัญหา ตรงหน้างานไปวันๆ โดยไม่มีนโยบายปฎิบัติที่ชัดเจนแก่พวกเขา นักข่าวช่วยถามดึงสติแกที ว่ามีปัญหาใหญ่มาก++รออยู่ สั่งการอะไรรอไว้ยัง)

อย่างที่ สอง น่ากลัวกว่า คือผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั้งระดับทั่วไป และวิกฤต จะย้ายเข้ามาใน รพ ฝั่งไทย เนื่องจากไฟฟ้าที่ตัดจากฝั่งไทย บางส่วนถูกใช้โดย รพ โรงเรียน ของเมียนม่า และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆด้วย รพ.ไทยจะต้องรับผู้ป่วยเหล่านี้โดยจำยอม เนื่องด้วยหลักแห่งมนุษยธรรม ซึ่งหน้างานจริงๆ //ก็มีประเด็นอยู่ก่อนหน้าแล้ว// ในประเด็นที่ คนต่างด้าวทั้งถูกกฎหมาย และผิดกฎหมายเข้ามาแย่งระบบสาธารณสุขในไทยกันแบบระรื่นหน้า เทียบเท่า เสมือนเป็นคนไทยคนหนึ่ง โดยปัจจุบัน 6 ม.ค. 2568 ก็ยังไม่มีมาตรการใดมาจัดการ ฝ่ายนโยบาย เกียร์ว่าง กันหมด หน้างานจะตายกันอยู่แล้ว ตรงนี้ มท.1 ได้เวลาโชว์กึ๋นแล้ว ท่าน ท่านครับ โยก สวิตซ์ไฟฟ้าเล่น แอ็ตชั่น พอยัง รูปท่านในห้องควบคุม กฟภ น่าจะพอแล้วครับ กลับมาทำงานได้แล้วครับท่าน (งานนโยบายอะครับ) ที่เหลือวิศวกรเค้าปฏิบัติเป็นครับ

การเป็น มท.1 ถือเป็นความภาคภูมิใจ ในอดีต ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีไม่ถึง 60 คนที่จะได้เป็น ถือเป็นเกียรติคุณแห่งวงค์ตระกูลของท่านอย่างหาที่สุดไม่ได้
ในทางกลับกัน ตำแหน่งทุกตำแหน่งก็ไม่ใช่แค่ป้ายชื่อไม้แกะสลักหน้าโพเดียม ช่วยทำหน้าที่ให้สมกับตำแหน่งที่ท่านได้รับด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง