"เผ่าภูมิ" มองหุ้นร่วงหนักระยะสั้นไม่น่ากังวล วอนมองยาวพื้นฐาน ศก.ดี รัฐเร่งกระตุ้นต่อเนื่อง หวังเห็น "แบงก์ชาติ" ลดดอกเบี้ยภายในปีนี้
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.68 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ว่า ในระยะสั้นยังไม่เป็นกังวล แต่อยากให้มองภาพในระยะยาวมากกว่า เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจและเสถียรภาพของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล ทั้งนี้ไม่อยากให้มองเรื่องการแปรผันของราคาในช่วงสั้น เพราะนั่นไม่ได้สะท้อนอะไร ส่วนในระยะยาวที่สุดแล้วราคาหุ้นจะปรับตัวเข้าสู่พื้นฐาน มั่นใจว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายส่วนที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น
ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 3 ธ.ค.67
ทั้งนี้ประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามรักษาเสถียรภาพ และโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมที่ค่อนข้างดี และเชื่อว่าจะดีอย่างต่อเนื่อง จากกลไกในการรักษาการเติบโต อาทิ โครงการกระจายเม็ดเงิน 10,000 บาท ตั้งแต่ปลายปี 67 และล่าสุดในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวงเงินแสนกว่าล้านบาท และในช่วง Low season ก็จะมีการกระจายเม็ดเงินอีกระลอก รวมถึงโครงการ Easy E-Receipt เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีส่วนที่จะต้องเข้าไปดูแลอย่างละเอียดคือ ภาคการผลิตที่ต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้
โดยในส่วนของกระทรวงการคลังยังเห็นพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี แม้ในระยะข้างหน้า จะยังมีความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เรื่องนโยบายเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเตรียมตัวรับมือ ขณะที่ในวนของนโยบายเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ อย่างนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น กระทรวงการคลังได้เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ และภาคส่วนต่าง ๆ ของรัฐ เพื่อเตรียมมาตรการในการรับมือถึงความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีความตื่นตัวกับเรื่องนี้ ซึ่งมาตรการที่จะออกมาจะมีทั้งการส่งเสริม และการรับมือผลกระทบในมิติต่าง ๆ หากการหารือลงตัว ก็จะมีการชี้แจงในรายละเอียดต่อไป
ขณะเดียวกัน หลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาทิศทางการเติบโตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นภาคการผลิต ภาคการบริโภค รวมถึงตลาดทุน เพราะเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง เตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับมาตรการเพื่อรองรับการแก้ป้ญหาการปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะที่มีการชะลอตัวอย่างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการชะลอตัวในภาคการผลิต จากกำลังซื้อที่อ่อนแอลง ต้องเข้าใจด้วยว่า สินเชื่อรถกระบะนั้นเป็นกลุ่มเปราะบาง ประชาชนที่เข้าไปขอสินเชื่อ จึงอาจมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ จึงอาจจะสูงตามไปด้วย ดังนั้นภาครัฐจำเป็นจะต้องมีกลไกที่เข้าไปดูดซับความเสี่ยงในส่วนนี้
นอกจากนี้อาจต้องมีการหารือกับ ธปท.เกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท เนื่องจากปัจจุบัน เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก โดยสิ่งที่กระทรวงการคลังอยากเห็นคือ ค่าเงินที่ไม่ฉวัดเฉวียนจนเกินไป และมีระดับที่เหมาะสมในการแข่งขัน เช่นเดียวกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็จะต้องมีการหารือกันต่อไปด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อทำให้ไทยเติบโตอย่างมีศักยภาพในการแข่งขันเรื่องการส่งออกให้ได้
ทั้งนี้หากถามว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายตอนนี้ สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจหรือยัง ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปหารือกันต่อ เราอยากเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่เราปรารถนาที่อยากจะเห็นสิ่งนี้ในปีนี้ หากเราช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังนิด ธปท. หน่อย ตรงนี้จะเป็นความร่วมมือที่ดี
อยากให้ท่านกังวลสักหน่อยก็ดีนะครับ
"เผ่าภูมิ" มองหุ้นร่วงหนักระยะสั้นไม่น่ากังวล วอนมองยาวพื้นฐาน ศก.ดี
"เผ่าภูมิ" มองหุ้นร่วงหนักระยะสั้นไม่น่ากังวล วอนมองยาวพื้นฐาน ศก.ดี รัฐเร่งกระตุ้นต่อเนื่อง หวังเห็น "แบงก์ชาติ" ลดดอกเบี้ยภายในปีนี้
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.68 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ว่า ในระยะสั้นยังไม่เป็นกังวล แต่อยากให้มองภาพในระยะยาวมากกว่า เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจและเสถียรภาพของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล ทั้งนี้ไม่อยากให้มองเรื่องการแปรผันของราคาในช่วงสั้น เพราะนั่นไม่ได้สะท้อนอะไร ส่วนในระยะยาวที่สุดแล้วราคาหุ้นจะปรับตัวเข้าสู่พื้นฐาน มั่นใจว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายส่วนที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น
ประเด็นร้อนเศรษฐกิจรอบวัน 3 ธ.ค.67
ทั้งนี้ประเด็นเรื่องความเชื่อมั่นเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามรักษาเสถียรภาพ และโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมที่ค่อนข้างดี และเชื่อว่าจะดีอย่างต่อเนื่อง จากกลไกในการรักษาการเติบโต อาทิ โครงการกระจายเม็ดเงิน 10,000 บาท ตั้งแต่ปลายปี 67 และล่าสุดในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวงเงินแสนกว่าล้านบาท และในช่วง Low season ก็จะมีการกระจายเม็ดเงินอีกระลอก รวมถึงโครงการ Easy E-Receipt เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีส่วนที่จะต้องเข้าไปดูแลอย่างละเอียดคือ ภาคการผลิตที่ต้องเอาจริงเอาจังมากกว่านี้
โดยในส่วนของกระทรวงการคลังยังเห็นพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี แม้ในระยะข้างหน้า จะยังมีความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เรื่องนโยบายเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเตรียมตัวรับมือ ขณะที่ในวนของนโยบายเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ อย่างนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น กระทรวงการคลังได้เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ และภาคส่วนต่าง ๆ ของรัฐ เพื่อเตรียมมาตรการในการรับมือถึงความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีความตื่นตัวกับเรื่องนี้ ซึ่งมาตรการที่จะออกมาจะมีทั้งการส่งเสริม และการรับมือผลกระทบในมิติต่าง ๆ หากการหารือลงตัว ก็จะมีการชี้แจงในรายละเอียดต่อไป
ขณะเดียวกัน หลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาทิศทางการเติบโตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นภาคการผลิต ภาคการบริโภค รวมถึงตลาดทุน เพราะเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง เตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับมาตรการเพื่อรองรับการแก้ป้ญหาการปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะที่มีการชะลอตัวอย่างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการชะลอตัวในภาคการผลิต จากกำลังซื้อที่อ่อนแอลง ต้องเข้าใจด้วยว่า สินเชื่อรถกระบะนั้นเป็นกลุ่มเปราะบาง ประชาชนที่เข้าไปขอสินเชื่อ จึงอาจมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ จึงอาจจะสูงตามไปด้วย ดังนั้นภาครัฐจำเป็นจะต้องมีกลไกที่เข้าไปดูดซับความเสี่ยงในส่วนนี้
นอกจากนี้อาจต้องมีการหารือกับ ธปท.เกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท เนื่องจากปัจจุบัน เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก โดยสิ่งที่กระทรวงการคลังอยากเห็นคือ ค่าเงินที่ไม่ฉวัดเฉวียนจนเกินไป และมีระดับที่เหมาะสมในการแข่งขัน เช่นเดียวกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็จะต้องมีการหารือกันต่อไปด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อทำให้ไทยเติบโตอย่างมีศักยภาพในการแข่งขันเรื่องการส่งออกให้ได้
ทั้งนี้หากถามว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายตอนนี้ สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจหรือยัง ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปหารือกันต่อ เราอยากเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่เราปรารถนาที่อยากจะเห็นสิ่งนี้ในปีนี้ หากเราช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังนิด ธปท. หน่อย ตรงนี้จะเป็นความร่วมมือที่ดี
อยากให้ท่านกังวลสักหน่อยก็ดีนะครับ