ผมมีห้องเช่าสองชั้นอยู่ประมาณ 300 ห้องครับ คิดค่าเช่าเดือนละ 3,500 บาท ค่าน้ำค่าไฟผู้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายจริงตามการใช้งาน
ผมอยุ่กับธุรกิจนี้มาหลายปีได้แล้วครับ เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
ร้านสังฆภัณฑ์ , อุปกรณ์ก่อสร้าง , ร้านข้าวเคาะ ล้มหายตายจากไปเยอะ ใขณะที่ร้านโชห่วยกลับฟื้นขึ้นมาได้
ด้วยราคาค่าเช่าที่ค่อนข้างถูก กลุ่มผู้เช่าของผมจึงเป็นกลุ่มรากหญ้า กรรมาชีพ แรงงานขั้นต่ำ เย็บผ้า โรงกลึง โรงยาง เป็นต้น
ช่วงหลังๆมานี่ ลักษณะของผู้เช่าเปลี่ยนไปเยอะ จากเดิมที่เป็นกลุ่มแรงงานต่างจังหวัด (ส่วนมากเป็นภาคอีสาน) ที่ Urbanization เข้ามาในกรุงเทพ
เพื่อก่อร่างสร้างตัวส่งเงินกลับภูมิลำเนา ตอนนี้เริ่มเป็นรุ่นลูกที่เรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วเข้าทำงานตามโรงงาน หรือเป็นลูกจ้างรายวัน
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ
เปอร์เซ็นต์การค้างค่าเช่าที่สูงขึ้น
ผู้เช่าจำนวนไม่น้อยเลยไม่ได้ตระหนักและสำเหนียกในความสำคัญของการมีที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัย4
พวกเขาจะเอาเงินรายได้ไปลงกับสิ่งอำนวยความสะดวก fancy ต่างๆในชีวิต เช่น รถมอเตอร์ไซค์ , เครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ , โทรศัพท์มือถือ
โดยที่จะนึกถึงการจ่ายค่าเช่าเป็นลำดับท้ายๆ
ลูกบ้านหลายห้องค้างค่าเช่าหลายเดือน แต่เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่าไปขวนขวายทำงานหนักเพื่อมาจ่ายค่าเช่า
ปล่อยให้หน้าที่การหาเงินมาจ่ายค่าเช่าเป็นหน้าที่ของลูก , ภรรยา , หรือ สามี
ที่แย่กว่านั้นคือ บางคนลูก , สามี ทำงานงกๆ ฝากเงินค่าเช่าไว้กับภรรยาที่นอนหรือนั่งเย็บผ้าอยู่บ้าน แทนที่ภรรยาจะเอาเงินไปจ่ายค่าเช่า
ดันเอาไปเล่นการพนัน น้ำเต้าปูปลา จับยี่กี หวยชุมชน ที่มีจักรยานวิ่งเก็บเลขทุกชั่วโมง
น่าแปลกใจที่ตำรวจท้องที่ไม่ทราบเรื่องพวกนี้
ปัญหาอบายมุขนี่หลังๆมานั้นหนักมาก นอนปั่นสล็อตกันทั้งวัน ไม่คิดไปทำมาหากิน
นอกจากนี้ การทำห้องเช่าราคาถูกยังทำให้ผมได้รู้ว่า คนไทยเป็นชาวพุทธที่ไม่เคร่งเรื่อง กาเมสุมิจฉา
ผัวห้องนั้นไปเป็นชู้ห้องนี้ เมียห้องพอผัวไปทำงานก็หนีไปอยู่กับห้องฝั่งตรงข้าม
พอเดินเจอกันในตลาดก็ทักทายกันเป็นปกติ
การสืบพันธุ์แตกหน่อต่อยอดของบรรดาชนชั้นกรรมาชีพนี่ผมว่าเผลอๆแพร่พันธุ์ไวกว่าจอก แหน และสาหร่าย
แต่เมื่อเบ่งคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกได้แล้วนั้น คุณภาพการเติบโตเป็นอีกเรื่องนึงนะ
เด็กจำนวนไม่น้อยเลยเติบโตมาในกองขวดเบียร์ของผู้พ่อ และนอนทับกองหวย (ที่ถูกกิน) ของผู้แม่
เล่นดินเล่นทรายฟังเสียงพ่อแม่ด่ากันเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
อยู่รวมกันเป็นแก๊งค์ฟันน้ำนม เริ่มตั้งแต่เป็นแก๊งค์จักรยาน จนพ่อแม่ออกมอเตอร์ไซค์ให้ เปลี่ยนท่อ แขวนถุงน้ำกระท่อม เห็นได้ทั่วไป
สุดท้ายเมื่อเกิดปัญหาอาชญากรรมขึ้นมาก็จบด้วยคำที่ว่า "ลูกชั้นเป็นคนดี"
เออ..เรื่องวัยเด็กไปแล้ว เอาเรื่องวัยชรามั่งดีกว่า
ลูกบ้านหลายห้องเป็นลุงป้าวัยเกษียณที่ลูกมาเช่าห้องให้อยู่แล้วจ่ายค่าเช่าให้ โดยที่นานๆจะแวะมาดูสักที
ลองถามๆเพื่อนๆข้างห้องดูก็รู้มาว่า ตัวลูกนั้นแต่งงานซื้อบ้านมีครอบครัวไปแล้ว แต่เอาพ่อแม่ไปอยู่ด้วยไม่ได้
เพราะคอยจุ้นจ้านวุ่นวาย ลูกๆเลยลงขันกันเอามาปล่อยไว้บ้านเช่า
มีอีกเยอะ เล่าไม่หมด มันหลากหลายจริงๆ
ถามจริงๆเถอะนะ ค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,500 หารเฉลี่ยตกวันละ 116 บาท
ค่าแรงขั้นต่ำปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่วันละ 373 บาท ถ้าบ้านหลังนึงมีคนทำงานอยู่สองคน ก็ได้วันละ 746 บาทแล้ว
การหาเงินมาจ่ายค่าบ้านวันละ116บาท หรือเดือนละ 3,500 บาท มันยากตรงไหน?
ถ้าทำงานสุจริต ไม่ติดเหล้า ติดอบายมุข ต่อให้ต้องแบ่งเงินส่งกลับต่างจังหวัดบ้าง ยังไงมันก็อยู่รอด
ไอ้พวกที่อยู่ไม่รอดก็ไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกลงคอห่านดูเงาตัวเองเลย
เรียกร้องขอความช่วยเหลือขอความเห็นใจ แต่ใช้ชีวิตแบบไม่ได้เห็นค่าในปัจจัย4
เวลาผมไปทวงค่าเช่าหรือล็อคห้องไล่ลูกบ้าน มักจะได้ยินเสียงกร่นด่าไล่หลังว่า "คนรวยรังแกคนจน"
ผมก็ได้แต่บอกว่า ถ้ากรุงเทพฯค่าครองชีพมันสูงเกินไปก็ย้ายกลับภูมิลำเนากันไปเถอะ
จากใจคนทำธุรกิจนี้ ผมรู้สึกว่าช่วงหลังๆมานี่ "คนจนคอยหาแDกเรียกร้องจากคนรวย" มากกว่า
เล่าให้ฟัง--ความน่าปวดหัวของการทำห้องเช่าราคาถูกหากินกับรากหญ้าและกรรมาชีพ
ผมอยุ่กับธุรกิจนี้มาหลายปีได้แล้วครับ เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
ร้านสังฆภัณฑ์ , อุปกรณ์ก่อสร้าง , ร้านข้าวเคาะ ล้มหายตายจากไปเยอะ ใขณะที่ร้านโชห่วยกลับฟื้นขึ้นมาได้
ด้วยราคาค่าเช่าที่ค่อนข้างถูก กลุ่มผู้เช่าของผมจึงเป็นกลุ่มรากหญ้า กรรมาชีพ แรงงานขั้นต่ำ เย็บผ้า โรงกลึง โรงยาง เป็นต้น
ช่วงหลังๆมานี่ ลักษณะของผู้เช่าเปลี่ยนไปเยอะ จากเดิมที่เป็นกลุ่มแรงงานต่างจังหวัด (ส่วนมากเป็นภาคอีสาน) ที่ Urbanization เข้ามาในกรุงเทพ
เพื่อก่อร่างสร้างตัวส่งเงินกลับภูมิลำเนา ตอนนี้เริ่มเป็นรุ่นลูกที่เรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วเข้าทำงานตามโรงงาน หรือเป็นลูกจ้างรายวัน
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ
เปอร์เซ็นต์การค้างค่าเช่าที่สูงขึ้น
ผู้เช่าจำนวนไม่น้อยเลยไม่ได้ตระหนักและสำเหนียกในความสำคัญของการมีที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัย4
พวกเขาจะเอาเงินรายได้ไปลงกับสิ่งอำนวยความสะดวก fancy ต่างๆในชีวิต เช่น รถมอเตอร์ไซค์ , เครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ , โทรศัพท์มือถือ
โดยที่จะนึกถึงการจ่ายค่าเช่าเป็นลำดับท้ายๆ
ลูกบ้านหลายห้องค้างค่าเช่าหลายเดือน แต่เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่าไปขวนขวายทำงานหนักเพื่อมาจ่ายค่าเช่า
ปล่อยให้หน้าที่การหาเงินมาจ่ายค่าเช่าเป็นหน้าที่ของลูก , ภรรยา , หรือ สามี
ที่แย่กว่านั้นคือ บางคนลูก , สามี ทำงานงกๆ ฝากเงินค่าเช่าไว้กับภรรยาที่นอนหรือนั่งเย็บผ้าอยู่บ้าน แทนที่ภรรยาจะเอาเงินไปจ่ายค่าเช่า
ดันเอาไปเล่นการพนัน น้ำเต้าปูปลา จับยี่กี หวยชุมชน ที่มีจักรยานวิ่งเก็บเลขทุกชั่วโมง
น่าแปลกใจที่ตำรวจท้องที่ไม่ทราบเรื่องพวกนี้
ปัญหาอบายมุขนี่หลังๆมานั้นหนักมาก นอนปั่นสล็อตกันทั้งวัน ไม่คิดไปทำมาหากิน
นอกจากนี้ การทำห้องเช่าราคาถูกยังทำให้ผมได้รู้ว่า คนไทยเป็นชาวพุทธที่ไม่เคร่งเรื่อง กาเมสุมิจฉา
ผัวห้องนั้นไปเป็นชู้ห้องนี้ เมียห้องพอผัวไปทำงานก็หนีไปอยู่กับห้องฝั่งตรงข้าม
พอเดินเจอกันในตลาดก็ทักทายกันเป็นปกติ
การสืบพันธุ์แตกหน่อต่อยอดของบรรดาชนชั้นกรรมาชีพนี่ผมว่าเผลอๆแพร่พันธุ์ไวกว่าจอก แหน และสาหร่าย
แต่เมื่อเบ่งคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกได้แล้วนั้น คุณภาพการเติบโตเป็นอีกเรื่องนึงนะ
เด็กจำนวนไม่น้อยเลยเติบโตมาในกองขวดเบียร์ของผู้พ่อ และนอนทับกองหวย (ที่ถูกกิน) ของผู้แม่
เล่นดินเล่นทรายฟังเสียงพ่อแม่ด่ากันเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
อยู่รวมกันเป็นแก๊งค์ฟันน้ำนม เริ่มตั้งแต่เป็นแก๊งค์จักรยาน จนพ่อแม่ออกมอเตอร์ไซค์ให้ เปลี่ยนท่อ แขวนถุงน้ำกระท่อม เห็นได้ทั่วไป
สุดท้ายเมื่อเกิดปัญหาอาชญากรรมขึ้นมาก็จบด้วยคำที่ว่า "ลูกชั้นเป็นคนดี"
เออ..เรื่องวัยเด็กไปแล้ว เอาเรื่องวัยชรามั่งดีกว่า
ลูกบ้านหลายห้องเป็นลุงป้าวัยเกษียณที่ลูกมาเช่าห้องให้อยู่แล้วจ่ายค่าเช่าให้ โดยที่นานๆจะแวะมาดูสักที
ลองถามๆเพื่อนๆข้างห้องดูก็รู้มาว่า ตัวลูกนั้นแต่งงานซื้อบ้านมีครอบครัวไปแล้ว แต่เอาพ่อแม่ไปอยู่ด้วยไม่ได้
เพราะคอยจุ้นจ้านวุ่นวาย ลูกๆเลยลงขันกันเอามาปล่อยไว้บ้านเช่า
มีอีกเยอะ เล่าไม่หมด มันหลากหลายจริงๆ
ถามจริงๆเถอะนะ ค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,500 หารเฉลี่ยตกวันละ 116 บาท
ค่าแรงขั้นต่ำปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่วันละ 373 บาท ถ้าบ้านหลังนึงมีคนทำงานอยู่สองคน ก็ได้วันละ 746 บาทแล้ว
การหาเงินมาจ่ายค่าบ้านวันละ116บาท หรือเดือนละ 3,500 บาท มันยากตรงไหน?
ถ้าทำงานสุจริต ไม่ติดเหล้า ติดอบายมุข ต่อให้ต้องแบ่งเงินส่งกลับต่างจังหวัดบ้าง ยังไงมันก็อยู่รอด
ไอ้พวกที่อยู่ไม่รอดก็ไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกลงคอห่านดูเงาตัวเองเลย
เรียกร้องขอความช่วยเหลือขอความเห็นใจ แต่ใช้ชีวิตแบบไม่ได้เห็นค่าในปัจจัย4
เวลาผมไปทวงค่าเช่าหรือล็อคห้องไล่ลูกบ้าน มักจะได้ยินเสียงกร่นด่าไล่หลังว่า "คนรวยรังแกคนจน"
ผมก็ได้แต่บอกว่า ถ้ากรุงเทพฯค่าครองชีพมันสูงเกินไปก็ย้ายกลับภูมิลำเนากันไปเถอะ
จากใจคนทำธุรกิจนี้ ผมรู้สึกว่าช่วงหลังๆมานี่ "คนจนคอยหาแDกเรียกร้องจากคนรวย" มากกว่า