ใครอยู่ในบ้าน?

ใครอยู่ในบ้าน..........

          เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ ปัจจุบันก็ยังประสบพบเจออยู่บ่อยๆ จากความกลัว จนเริ่มเป็นความเคยชิน เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในบ้านของเราเอง จริงๆ จะเรียกว่าบ้านก็ไม่ถูก เนื่องจากพ่อเราสร้างที่นี่เป็นที่เก็บของพวกเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ลืมบอกไปว่าบ้านเราทำอาชีพค้าขายเกี่ยวกับทำเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านที่ทำมาจากไม้ และมีรับซื้อไม้เก่าเพื่อนำมาผลิตทำเป็นของตกแต่งบ้าน แต่พอสร้างที่นี่เป็นโรงเก็บเฟอร์นิเจอร์เสร็จ คนงานของพ่อซึ่งจะให้มาอยู่ที่นี่ ได้ลาออกกลับไปอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดเนื่องจากพ่อแกเสียชีวิต เลยทำให้โรงเก็บของแห่งนี้ไม่มีคนอยู่ พ่อกับแม่เลยตกลงกันว่าจะไม่สร้างบ้านใหม่แล้ว แต่มาอยู่ที่นี่แทนก็แล้วกัน ซึ่งที่นี่ก็จะเป็นที่มาของเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้

         เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นที่โรงเก็บเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งตอนนี้ขอเรียกว่าบ้านนะคะ เพราะครอบครัวเรามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันแล้ว  เริ่มมาจากแม่เรามักจะได้ยินเสียงผ้าม่านกันยุงแถบแม่เหล็กซึ่งเวลาเดินเข้าออกจะต้องแหวกม่านทำให้ได้ยินเสียงแม่เหล็กดูดติดกันตลอด บางทีแม่นอนกลางวันก็จะได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินเข้าออกห้องบ่อยๆ พอแม่ตื่นมาดูก็ไม่เจออะไร เห็นแค่ผ้าม่านปลิวเบาๆ แม่เป็นคนไม่คิดมาก แต่ก็เอาเรื่องนี้มาเล่าให้เราฟัง 

          มีอยู่วันหนึ่ง แม่เราไปที่โรงรถ ซึ่งครึ่งหนึ่งของโรงรถใช้เป็นที่เก็บไม้ที่ยังไม่ได้แปรรูป แล้วไปจัดวางไม้ เก็บกวาดโรงเก็บไม้ พอตอนกลางคืน แม่บอกว่าครึ่งหลับครึ่งตื่นรู้สึกหนักๆ ที่หน้าอก ขยับไม่ได้ ลืมตาขึ้นมาดูเจอคนลักษณะตัวดำๆ นั่งที่บนหน้าอก แล้วพูดกับแม่ว่า “ก็ว่าจะไม่ทำอะไรให้แล้วนะ วันนี้เข้ามายุ่งวุ่นวายทำไม” แม่บอกว่าตอนนั้นก็กลัวมาก เพราะมันเป็นเหมือนคนตัวดำๆ ไม่มีหน้าตา กลัวมันจะบีบคอให้ตาย  นึกถึงบทสวดมนต์ก็คิดไม่ออก ขยับตัวก็ไม่ได้ คิดว่าจะทำยังไงให้หลุดจากเจ้าตัวดำๆ นี้

          แม่ทำได้แค่กรอกตาไปมา แล้วก็มองไปเจอพัดใบตาลโบราณของหลวงตาที่แขวนอยู่บนผนังตรงหัวนอน ซึ่งหลวงตาให้มาเก็บไว้ แม่คิดถึงหลวงตาภาวนาให้มาช่วยแม่ด้วย หลวงตาของเรามรณภาพไปนานแล้วตั้งแต่เราอายุแปดขวบ หลวงตามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของตาเรา และหลวงตาของเราได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรพัดยศชั้นโท หลวงตานับได้ว่าเป็นผู้แตกฉานในพระเวทย์วิทยาคุณ เครื่องมงคลที่ท่านสร้างขึ้นมานั้นล้วนแต่มีคุณแก่ผู้ที่นำไปใช้ 

          แม่บอกว่าไอ้ตัวดำมันก็มองขึ้นไปตามแม่ พอมันเห็นพัดใบตาลโบราณ มันก็ลุกจากตัวแม่ไปอย่างรวดเร็ว แล้วแม่ก็ขยับตัวได้ แม่พยายามคิดว่าไปทำอะไรมาบ้างนะ นอกจากเข้าไปเก็บกวาดในโรงเก็บไม้ จัดวางไม้ให้เป็นที่เป็นทาง เดินข้ามไม้บ้าง กวาดๆ ถูๆ  ก็มีแค่นี้ที่แม่ทำ แม่ก็เลยพูดออกไปว่า ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปลบหลู่ หรือเบียดเบียนเลย ต่างคนต่างอยู่นะ

          แม่บอกกับเราว่า บ้านเรามันมีไม้มาจากหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ที่มา ว่าไม้เหล่านั้นเคยเอาไปทำอะไรมาบ้าง อาจจะเป็นไม้ที่รื้อมาจากบ้านโบราณ ซึ่งบ้านนั้นอาจจะมีคนตายในบ้าน หวงบ้าน หรืออาจจะเป็นไม้ยุ้งข้าวเก่า เราไม่อยากจะคิดว่า คงไม่มีไม้ฝาโลงหรือไม้ตะเคียนแปรรูปนะ  แม้ว่าบ้านเราจะรับซื้อไม้เก่าก็จริงแต่ไม่เคยรู้เลยว่าไม้มีที่มาจากที่ไหนบ้าง เพราะมันเยอะมากในโรงเก็บไม้ ซึ่งอาจจะมีเจ้าของตามไม้มาด้วยหรือเปล่า

          แม่เราเป็นคนจิตอ่อนที่มักจะเจอเรื่องผีบ่อยๆ ไม่ว่าในบ้าน หรือนอกบ้าน ว่ากันถึงเรื่องในบ้านต่อนะคะ มีอยู่ครั้งหนึ่งแม่เราอยู่ในห้องครัว แล้วเป็นเวลาใกล้จะมืดแล้ว ซึ่งครัวบ้านเราเป็นครัวไทยสร้างอยู่ข้างนอกบ้าน  แต่สวิตซ์เปิดปิดไฟอยู่ในตัวบ้าน ด้วยความที่แม่ขี้เกียจเข้าไปเปิดไฟห้องครัวจากในตัวบ้าน จึงตะโกนบอกพ่อให้เปิดไฟให้หน่อย เพราะแม่คิดว่าพ่อนั่งอยู่ในบ้าน  จากนั้นไม่ถึงสามนาทีแม่ก็ได้ยินเสียงสวิตช์เปิดไฟดัง แล้วไฟในครัวก็สว่าง แม่ก็ทำอาหารต่อไป ประมาณหกโมงครึ่งแม่ก็เดินไปในบ้านแต่ไม่เจอพ่อ ก็เลยเดินไปหน้าบ้านเจอพ่อเดินอยู่หน้าบ้าน ส่วนเราก็กำลังกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้าน แม่ก็เลยเรียกทุกคนมาทานข้าว แล้วก็คุยกันตอนทานข้าวว่า วันนี้มืดเร็ว ยุงก็เยอะ ดีนะที่พ่อมาเปิดไฟให้ 

          พ่อเลยถามแม่ว่าใครเปิดไฟให้นะ แม่ก็บอกว่าก็พ่อไง ก็แม่ตะโกนบอกพ่อให้เปิดไฟให้หน่อย แล้วพ่อก็เปิดไฟให้แม่ไง และแม่ก็ได้ยินเสียงเปิดสวิตซ์ไฟอยู่ ส่วนพ่อก็เงียบ แล้วบอกกับแม่ว่า “ฟังนะ พ่อไม่ได้อยู่ในบ้าน พ่อไปรดน้ำต้นไม้ที่หน้าบ้าน พึ่งเข้าบ้านมาตอนที่แม่เดินไปเรียกพ่อหน้าบ้านให้มาทานข้าวนี่แหละ” และก็คงไม่ใช่เรา เพราะเราไปทำงานพึ่งกลับมาถึงบ้าน แล้วคำถามก็คือ ใครหนอมาเปิดไฟให้แม่?.....

          ส่วนเราก็เคยเจอหลายครั้ง ครั้งแรกเราตื่นมาอ่านหนังสือตอนตีสามแล้วได้ยินเสียงคนคุยกัน เราก็เอียงหูฟังอย่างตั้งใจ แต่เสียงคนคุยกันก็เงียบไป พอไม่สนใจก็ได้ยินเสียงคุยกันอีก เราก็เอาหูแนบประตูพยายามฟังเสียงนั้น แต่เสียงก็เงียบหายไป เราเลยบอกตัวเองว่าคงหูแว่ว แต่เราได้ยินเสียงแบบนี้ในบ้านบ่อยมากในเวลากลางคืน

          ครั้งที่สองที่เราเจอคือได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง เวลานั้นเป็นเวลากลางคืน ประมาณสองทุ่ม เรากำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เราก็ถามกลับไปว่า แม่หรือคะ มีอะไรหรือเปล่า แล้วก็ลุกจากเตียงไปเปิดไฟ และเปิดประตูห้องเดินออกไปข้างนอกห้อง เดินได้สองก้าว ปรากฏว่าข้างนอกห้องเรามืดสนิท คือทุกคนนอนหมดแล้ว วินาทีนั้นเราก็เริ่มเอ๊ะ....แล้วคิดว่าใครมาเคาะประตูห้องเวลานี้ กลัวก็กลัว แต่ก็พยายามใจดีสู้เสือ ก้าวเดินแบบถอยหลังอย่างช้าๆ แล้วปิดประตูห้องรีบกระโดดขึ้นเตียง คลุมโปงเลย เช้ามาก็เล่าให้แม่กับพ่อฟัง พ่อก็บอกเราว่า เราหูแว่วไปเอง ไม่มีอะไรหรอก คิดมาก เราคิดในใจว่า พ่อไม่เจอเองแบบเราไม่เข้าใจเราหรอก

          อีกครั้งที่เราเจอ เป็นวันที่พ่อแม่ออกไปทำธุระนอกบ้าน วันนั้นเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และเป็นช่วงกลางวัน เรากำลังนั่งดูซีรี่ย์ในห้อง แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องอีกแล้ว พอเราเปิดประตูออกไป ก็ไม่เจอใครอีก จากที่กลัว ก็เริ่มไม่ค่อยกลัว เค้าคงอยากให้เรารู้หรือเปล่า ว่ามีเค้าอยู่ในบ้านกับเรา จากนั้นเราก็เดินเข้าห้อง แต่ไม่เดินถอยหลังอีกแล้ว เพราะเป็นเวลากลางวัน อีกอย่างเริ่มคุ้นชิน 

          ส่วนใหญ่เรากับแม่จะเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆ มาล็อกประตูบ้านให้ด้วยนะ เรื่องก็มีอยู่ว่า มันเป็นเวลาเช้ามืดประมาณตีห้าครึ่ง ซึ่งในทุกๆ เช้า แม่เราจะออกไปช่วยน้าขายกับข้าวให้คนในหมู่บ้าน แม่เราจะขี่รถจักรยานไฟฟ้าไปที่ร้านของน้า ซึ่งห่างจากบ้านเราประมาณ 800 เมตร แล้ววันนั้นเป็นวันพระ พ่อเราก็จะออกบ้านไปทำบุญที่วัดในทุกๆ วันพระ เนื่องจากบ้านเราไม่ได้อยู่ในตัวเมือง วัดในเขตรอบนอกก็จะมีการทำบุญในวันพระในช่วงเช้าๆ พ่อเราชอบไปทำบุญมาก แกเลยชอบไปวัดช่วงเช้ามืดเพื่อไปช่วยเตรียมสถานที่ในวัด พ่อกับแม่เราก็เลยออกบ้านไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ทิ้งเราอยู่บ้านคนเดียว แต่ทั้งสองคนก็จะล็อกแค่ประตูใหญ่หน้าบ้าน แต่ประตูเล็กเข้าไปในบ้านจะไม่ได้ล็อก เพราะรู้ว่าอีกสักครึ่งชั่วโมง เวลาหกโมงเช้าเราก็ตื่นเป็นกิจวัตรแบบนี้ทุกวัน เราครึ่งหลับครึ่งตื่นได้ยินเสียงล็อกประตูเล็ก คิดว่าน่าจะเป็นพ่อแน่ๆ เพราะพ่อน่าจะออกจากบ้านถัดจากแม่ 

          พอหกโมงเช้า นาฬิกาปลุกดังขึ้น เราก็ตื่นไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ประมาณหกโมงครึ่งก็ได้ยินเสียงรถจักรยานไฟฟ้าของแม่จอดที่หน้าบ้านกำลังเปิดประตูใหญ่หน้าบ้านเข้ามา พอเข้ามาในบริเวณบ้านแล้วจะเปิดประตูเล็ก แต่ปรากฎว่าแกเปิดประตูเล็กไม่ได้ ติดล็อกอยู่ข้างใน ก็ตะโกนเรียกเราให้มาเปิดประตูเล็กให้หน่อย แล้วก็บ่นเราว่าล็อกประตูเล็กทำไม เราก็บอกว่าไม่ได้ล็อกนะ ไม่ได้ทำอะไรเลย ตื่นมาก็เดินตรงไปเข้าห้องน้ำเลย หรือพ่อจะกดล็อกจากด้านในแล้วปิดประตูหรือเปล่า แม่บอกว่าเดี๋ยวพ่อมาค่อยถามพ่อก็แล้วกัน ประมาณเจ็ดโมงครึ่งพ่อกลับมาจากวัด แม่ก็ถามพ่อไปว่า พ่อล็อกประตูเล็กใช่ไหมก่อนออกจากบ้าน พ่อบอกว่า พ่อไม่ได้ล็อกนะ เพราะรีบออกจากบ้าน ล็อกแค่ประตูใหญ่หน้าบ้านอย่างเดียว

          แม่ก็เล่าให้ฟังว่าเข้าบ้านไม่ได้เพราะประตูเล็กถูกล็อกไว้ หรือว่าจะเป็นใครเหล่านั้นล็อกประตูเล็ก เพราะลูกก็ไม่ได้เป็นคนล็อก พ่อก็ไม่ได้ล็อก ส่วนแม่ออกจากบ้านไปก่อนคนแรก ไม่ได้ล็อกแน่ๆ  น่าจะเป็นใครเหล่านั้น ที่ล็อกประตูให้ เค้าคงปรารถนาดีต่อครอบครัวเรา เพราะเราเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียว แล้วมันก็ยังไม่สว่าง เค้าก็เลยล็อกประตูกันภัยให้ 

          บางทีก็มาแกล้งเล่นบ้าง ซึ่งเรากับแม่เจอพร้อมกันเลย เรื่องก็มีอยู่ว่า เราสามคนพ่อแม่ลูกทานข้าวเย็นกัน แต่พ่ออิ่มก่อนเลยเดินเข้าไปในบ้าน ก็เหลือแค่เราสองแม่ลูกนั่งทานข้าวคุยกันไป พออิ่มแล้วก็จะเดินเข้าไปในบ้าน ปรากฏว่าประตูล็อกเข้าบ้านไม่ได้ ซึ่งประตูบานนี้ล็อกแบบใช้กลอนเหล็ก เราเลยตะโกนบอกพ่อให้มาเปิดประตูให้หน่อย แล้วถามพ่อว่า พ่อแกล้งล็อกประตูใช่ไหม กะจะไม่ให้เรากับแม่เข้าบ้านละสิ พ่อบอกว่าใครจะไปล็อก ก็เห็นๆ อยู่ว่าเรากับแม่ยังอยู่ในห้องครัวยังไม่เข้าบ้าน จะล็อกไปทำไม เราก็ถามย้ำว่าแน่ใจนะ ว่าพ่อไม่ได้ล็อก พ่อเราก็ยืนยันว่าไม่ได้ล็อกจริงๆ พอพ่อเปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านเลย ไม่ได้หันกลับมาล็อกประตูด้วยซ้ำ เรากับแม่ก็เลยหันมามองหน้ากัน แล้วก็พยักหน้ารับรู้กันว่า ต้องใช่พวกเขาเหล่านั้นแน่ๆ 

         ล่าสุดเรานั่งรีดผ้าอยู่ใกล้ๆ กับพ่อที่ห้องนั่งเล่น อยู่ๆ ไฟฟ้าก็ดับอยู่ดวงเดียวคือดวงที่อยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งไฟดวงอื่นในบ้านก็ยังสว่างอยู่ เราหันไปมองหน้าพ่อ คิดในใจว่าเอาอีกแล้วนะ เลยพูดออกไปว่า ไม่ชอบให้เล่นแบบนี้นะ คนกำลังทำงานอยู่ ไม่เห็นหรือไง จากนั้นพอพูดจบ ไฟก็ติด เราก็นั่งรีดผ้าจนเสร็จ 

         คือตอนนี้เจออะไรแบบนี้ในบ้านก็ไม่ค่อยกลัวแล้วนะคะ มันเริ่มชินมากกว่า เพราะเค้าเหล่านั้นก็ไม่ได้มาทำร้ายอะไรเรา  ก็ต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน ทุกวันนี้เวลาทำบุญก็จะอุทิศบุญให้ใครเหล่านั้นที่อยู่ในบ้านด้วย ขอบคุณที่ฟังเรื่องเล่าของเรานะคะ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องผีที่น่ากลัวมาก ถ้าชอบไว้จะมาเล่าเรื่องลี้ลับให้ฟังอีกค่ะ ยังมีอีกหลายเรื่องค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่