งานใหม่เงินเดือนน้อยกว่าเดิม

เป็น เรื่องราวของ พี่ที่ทำงาน เราเอง เช่นเคย ขออนุญาต เรียบร้อยเเล้วค่ะ มาเริ่มกันเลย เราได้มีโอกาส ได้นั่งคุยเเชร์ประสบการณ์ กับพี่ที่ทำงาน คนละเเผนก คุยกันหลายเรื่อง เเต่ มีเรื่องที่น่าคิดอยู่เรื่องนึง ขอเรียกนามสมมุติว่า พี่กานนะคะ 

     พี่กาน ตอนนี้ อายุ 28 ปี ทำงานเป็นสถาปนิก อยู่ บริษัท เดียวกันกับเรา ก่อนหน้านี้ พี่กาน เป็น สถาปนิกที่ต้องประจำหน้างาน เนื่องจากเป็น โครงการใหญ่ หน้าที่ความรับผิดชอบ ของพี่กานตอนนั้น คือ งานอินทีเรีย ออกเเบบ เขียนแบบ รวมถึงการออกตรวจสอบหน้างาน ซึ่ง ณ ตอนนั้น พี่กาน เป็นคนที่มีฐานเงินเดือนค่อนสูงกว่า เพื่อนรุ่นเดียวกัน ตอนนั้นพี่กาน อายุ 25 ปี ฐานเงินเดือน 24000 +ค่าห้องค่าเดินทาง 5000 รวมเป็น 29000 ต่อเดือน ซึ่งตอนนั้น พี่กาน ตั้งใจ มีไฟในการทำงานมาก ส่วนนึง เนื่องจาก เงินเดือนที่สูงมากสำหรับพี่กาน พี่กานทำงานมาได้ เกือบ 2 ปี มีความรู้สึกว่า งานที่ทำอยู่ตอนนั้น มันหนักมากสำหรับแก เนื่องจาก พี่กาน อยู่หน้างาน กับ วิศวกร ของโครงการ เเต่เนื่องจาก วิศวกรก็จะดูหลายไซต์ ไม่ค่อยได้อยู่หน้างานเท่าไหร่ ทำให้ เวลามีงานต่างๆ ช่างที่ทำงาน ก็จะ เลือกถามพี่กานก่อน ในจังหวะนั้น คนที่ต้องเคลียร์เเบบให้ช่างก็ต้องเป็นพี่กาน ช่วงเเรกที่ กำลังอยากเรียนรู้ งานต่างๆ ก็ทำไปโดยที่ไม่รู้สึกว่า เหนื่อย หรือไม่ใช่หน้าที่เรา ต่อมางานพี่กานก็เริ่มเยอะขึ้น ทั้งงานออกเเบบของบริษัท งานเขียนเเบบของบริษัท ทำให้พี่กาน มองว่า หน้าที่พี่กานตอนนี้ มันล้นมือ ทำงานไม่ทัน ได้มีการคุยกับหัวหน้าถึงปัญหา หัวหน้า ก็พูดว่า บริษัทเราไม่ใช่ บริษัทขนาดใหญ่ ก็เป็นเเบบนี้ นั้นเเหละ 

     ทำให้พี่กาน คิดขึ้นได้ว่า ที่อัตราเงินเดือน+สวัสดิการที่ได้ เยอะ ส่วนนึง ก็เป็นเพราะ หน้าที่ความรับผิดชอบของงานมันนอกเหนือจากชื่อตำแหน่งมาก จนหลังๆ พี่กาน ได้ ถอดเเบบ สั่งของ ทำเอกสารเบิกงวดให้ช่าง เเก้เเบบให้ตรงหน้างาน คุยกับช่าง แก้ไขปัญหาหน้างานให้ช่าง พี่กาน มองว่า นี่มันไม่ใช่หน้าที่ ของแก เนื่องจากไม่ได้ชอบงานหน้างานเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว ทั้งการอยู่ที่ไซต์ ห้องน้ำก็ต้องขับรถไปเข้าที่ปั้มน้ำมัน 

     ต่อมา พี่กาน รู้สึกว่า ตัวเองเครียด นอนไม่หลับ วันหยุดก็กังวลว่า ช่างจะทำงานผิดพลาดอะไรไหม เพราะ ถ้าทำผิดพลาดคนที่โดนด่าคือพี่กาน(ก็เป็นเเบบนี้อยู่ตลอด) พี่กานเคยไปตรวจสุขภาพประจำปี พบว่า มีสภาวะเครียด เเต่ไม่ได้ รุนเเรงถึงขั้นทำร้ายร่างกายตัวเอง หมอจึงให้พี่กาน ทำเเบบประเมินความเครียดทุกเดือน ถ้าผลที่ออกมามันรุนเเรงกว่าเดิมให้พี่กาน รีบมาพาเเพทย์ทันที วันนั้นพี่กานเลยลองทำเเบบประเมินเล่นๆดู พบว่า ความเครียดรุนเเรง มีสภาวะโรคซึมเศร้า เริ่มต้น ตอนนั้นพี่กานก็มองว่า มันเป็นเเค่คะเเนนที่สุ่มๆ ไม่ได้ชัวเหมือนหมอตรวจก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก 

     จนวันนั้นมาถึง พี่กานโดยหัวหน้า รวมถึงเจ้าของบริษัท ด่า เเรงมากในเรื่องงาน เนื่องจากช่างทำงาน ผิดเเบบ เเต่พี่กานไม่ได้โฟกัสที่บริเวณนั้น เนื่องจากพี่กานก็เห็นวิศวะดูอยู่ ก็เลยไม่ได้สนใจ อีกอย่างก็ไม่ได้เป็นหน้าที่ของแก โดยตรง ผลปรากฏว่า แกโดนด่า จนรู้สึกนอยไปเป็นเดือนๆ ไม่อยากทำงาน ไม่อยากตื่นมาทำงาน เบื่อ ไม่สนุก รู้สึกไม่มีเเรงมาทำงาน บางวัน ปวดหัว คลื่นไส้ มีอาการตามัวมองเห็นเป็นวุ่นๆ หัวหน้ารุนเเรง เเต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะ ถ้ามีอาการ เเค่นั่ง พัก ไม่กี่ ชม ก็หาย ต่อมา อาการปวดหัว ความเครียด นั้นมันทำให้พี่กานไม่มีความสุขเลย พี่กาน ตัดสินใจ สมัครงานไป หลายงาน ไปสัมภาษณ์บาง ไม่เรียกบ้างก็มี สัมภาษณ์ เเล้วไม่ผ่าน ก็มีเยอะ จนท้อ ตัดสินใจว่า เดี๋ยวแกก็คงปรับตัวได้เองเเหละ เเต่ผ่านมาหลายเดือน ความรู้สึกนี้ก็ไม่หายไป จน แกได้ยื่นสมัครไปหลายบริษัทอีกรอบ คราวนี้ ผลปรากฏว่า ผ่านสัมภาษณ์ เเต่ เงินเดือนที่ได้ คือ ฐาน 21000 + ค่าสวัสดิการ 3500 รวม 24500 บาท เป็นงานสถาปนิก ที่อยู่ออฟฟิศ เงินเดือนแกหายไป 4500 ตอนนั้น  แกเครียดมากอีกครั้ง ตัดสินใจไม่ถูก เนื่องจากก็เป็นจำนวนที่เยอะอยู่ที่หายไป เเต่จะให้อยู่ต่อก็ไม่ไหว ถ้าจะฝืนอยู่ รอที่ใหม่ ก็ไม่ได้เเล้ว ความอดทน แกไม่เหลือเเล้ว อีกอย่าง เพื่อนในรุ่นเดียวกัน เงินเดือนก็ไม่เกิน 25000 เเต่ แกได้เยอะมาก่อน พอจะมาให้เงินเดือนเท่านี้ ก็ยังรับไม่ได้ แกเล่าว่า ร้องไห้อยู่หลายวัน ปรึกษาใครก็บอกทนก่อน ให้หาที่ได้เยอะหรือ เท่าเดิมค่อยย้าย เเต่แกก็รู้อยู่เเล้วว่า เยอะหรือเท่าเดิม ถ้าไม่ใช่บริษัทนี้ก็อาจจะไม่ได้เเล้ว เพราะที่แก สัมภาษณ์มาหลายบริษัท เงินเดือนก็ไม่เกิน 22000 ด้วยเหตุผลที่ว่า เอา อายุ เป็นเกณฑ์ การให้เงินเดือน ถึงพี่กานจะผ่านงานมาเยอะในเวลาที่ผ่านว่า แกสามารถคุมงานบ้านคนเดียวได้เป็นหลังก็จริง เเต่ด้วย อายุที่ 26 27 ปี เงินเดือนก็ดูเกินตัวไปหน่อย ทำให้แกต้องตัดสินใจ เนื่องจากที่ทำงานใหม่ให้เวลาตัดสินใจไม่เกิน 3 วัน เเละให้เเจ้งวันเริ่มงาน ตอนนั้นแกบอกว่า ทุกคน พูดเป็น เสียงเดียวกันว่า ให้ทน ต่อไป ก่อน 

    จน ครบ 3 วัน พี่กานตัดสินใจได้เเล้ว นั้นคือ จะลาออกไปเริ่มต้นใหม่ ถึงเงินเดือนจะน้อยว่า เดิม แกก็ไม่สนใจ เนื่องจาก สภาพที่ทำงานเดิม อารมณ์ ความรู้สึก ไม่สามารถอยู่ที่เดิมต่อได้ ไม่ฟังคำเตือนใครที่บอกทั้งนั้น แกตัดสินใจเชื่อตัวเอง ไม่ว่า ผลจะเป็นยังไงแกก็ยอมรับได้ทั้งนั้น จนวันนี้ ก็ได้มานั่งคุยกัน ใช่ค่ะ บริษัทนี้ที่เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน คือ บริษัทที่พี่กาน ตัดสินใจมา พี่กานบอกว่า เเรกๆก็อึดอัด เพราะไม่เคยทำงาน ร่วมกันคนเยอะๆ เเต่ก็ ปรับตัวทัศนคติ ต่างๆ ก็อยู่มาได้ ถึงปัจจุบัน ตอนนั้น เราถามไปว่า ถ้าเกิดที่พี่เลือก มันไม่เป็นเหมือนที่พี่คิดละ แกตอบว่า ก็เลือกใหม่ ชีวิตเรามีทางเลือกอยู่ตลอดนั้นเเหละ อาจจะเครียดตอนที่เลือกผิด เเต่ล้มก็ต้องลุก ห่านทองคำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่