ทำไมประเทศไทย ไม่นิยมใช้การ์ดเติมเงินเพื่อชำระค่าสาธารณูปโภคเหมือนเพื่อนบ้านย่านนี้

ตามหัวข้อเลยครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่นิยมหรือไม่นำระบบบัตรเติมเงินมาใช้ ทั้งๆที่มันสะดวกช่วยให้ไม่เสียเวลาทอนเงิน หาเศษหาเหรียญ โดยเฉพาะการชำระค่าทางด่วน ค่าที่จอดรถ รวดเร็วมากไม่ต้องมาเสียเวลาหน้าด่าน ค่าที่จอดรถก้อสะดวกสบายแตะแล้วไปๆ 

เห็นมีแต่ประเทศไทยนี่แหล่ะเอาคนมานั่งเฝ้าตู้รอรับเงิน รถติดหน้าด่าน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินที่ข้ามไปใช้ Mobile Banking และ e-Wallet แทน

ประเทศไทยพัฒนา Mobile Banking และ e-Wallet อย่างรวดเร็วมาก เช่น PromptPay, TrueMoney Wallet ต่างๆ และระบบ QR Code ซึ่งได้รับความนิยมสูง ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเติมเงินแยกเป็นใบๆ ต่างจากบางประเทศที่ระบบ Mobile Payment อาจยังไม่แพร่หลายเท่าบ้านเรา

ตัวอย่าง

ในสิงคโปร์หรือฮ่องกง มีบัตรเติมเงินอย่าง EZ-Link, Octopus ซึ่งใช้กันแพร่หลาย เพราะระบบ Mobile Payment ไม่ได้เข้ามาเร็วเท่าประเทศไทย

แต่ที่ไทย กระเป๋าเงินดิจิทัลและ QR Code ครอบคลุมการจ่ายเงินแทบทุกอย่าง จึงทำให้ “บัตรเติมเงิน” ไม่เป็นที่นิยม



พฤติกรรมผู้บริโภคและการต่อต้านการใช้บัตรเติมเงิน

คนไทยไม่ค่อยนิยมใช้ บัตรเฉพาะทาง (เช่น บัตรเติมเงินที่ใช้ได้แค่ค่าทางด่วน หรือค่าที่จอดรถ) เพราะมองว่า ยุ่งยาก ต้องคอยเติมเงิน และ ถ้ามีหลายบัตรก็ลำบากในการพกพา

คนไทยชอบใช้ “เงินสด” หรือ “QR Code” เพราะ สะดวกและไม่ต้องคอยเช็กยอดเงินในบัตร

ถ้าให้เลือกเติมเงินใส่บัตร กับใช้ Mobile Banking ที่เงินตัดจากบัญชีโดยตรง คนส่วนใหญ่จะเลือก Mobile Banking



ระบบการจัดการทางด่วน-ที่จอดรถที่เน้นแรงงานคนมากกว่าระบบอัตโนมัติ
    
ประเทศไทยยังมีการใช้ แรงงานคนในงานรับชำระเงินจำนวนมาก (เช่น เจ้าหน้าที่เก็บเงินค่าทางด่วนหรือค่าที่จอดรถ) ซึ่งเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการยังเลือกใช้ แทนที่จะลงทุนในระบบอัตโนมัติ

แม้ว่าจะมีบัตร M-Pass หรือ Easy Pass แต่การใช้งานยังไม่ได้แพร่หลายเท่าที่ควร และยังมีระบบเงินสดอยู่ควบคู่กัน ทำให้เกิดปัญหาความล่าช้า

ระบบที่จอดรถในไทยหลายแห่งยังเน้นให้พนักงาน ตรวจสอบ และเก็บค่าจอดเอง แทนการใช้บัตรอัตโนมัติ


การขาดมาตรฐานกลางของบัตรเติมเงิน

ถ้าเป็นประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ EZ-Link ใช้ได้ทั้ง MRT, รถเมล์, ค่าทางด่วน, ร้านสะดวกซื้อ
แต่ไทย ไม่มีบัตรเติมเงินกลางที่ใช้ได้ทุกที่ (M-Pass ใช้กับทางด่วน, Rabbit ใช้กับ BTS, แต่เอามารวมกันไม่ได้)

การไม่มีมาตรฐานเดียวกันทำให้เกิดปัญหาในการนำไปใช้งานจริง ผู้ใช้จึงมองว่าใช้ QR Code หรือ Mobile Banking สะดวกกว่า

นอกจากนี้

หน่วยงานที่ดูแลระบบรับ-จ่ายเงิน ต่างแยกกันพัฒนาระบบของตัวเอง ทำให้ไม่มีการรวมศูนย์

บางโครงการ เช่น การผลักดัน Easy Pass / M-Pass ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นต้องใช้สำหรับหลายๆ คน


สรุปแล้ว บัตรเติมเงินในไทยไม่ได้รับความนิยมเพราะโครงสร้างการชำระเงินเปลี่ยนไปสู่ Mobile Banking และ QR Code เป็นหลัก ประกอบกับ พฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่อยากใช้บัตรแยกหลายใบ และ ระบบบริการที่ยังใช้แรงงานคนเป็นหลัก ทำให้การใช้บัตรเติมเงินสำหรับสาธารณูปโภคไม่แพร่หลายเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน

ถ้าจะให้บัตรเติมเงินแพร่หลาย อาจต้องมีบัตรกลาง ที่ใช้ได้ทุกที่ หรือเปลี่ยนไปใช้ระบบ แตะบัตรเดบิต/เครดิตโดยตรงแบบ Contactless เหมือนในยุโรปและอเมริกา ซึ่งอาจเป็นแนวทางที่เหมาะกับไทยมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่