กรรไกรด้านเว้าหรือท้องกรรไกร เป็นส่วนที่อยู่ด้านใน คือส่วนที่ขากรรไกรสองขาประกบกันอยู่ เล่มที่ถอดได้เราก็จะเห็นทุกสัดส่วน แต่เล่มที่ถอดไม่ได้เราก็จะเห็นเฉพาะส่วนที่เลยออกมา แต่จริงๆแล้วในส่วนด้านในจริงๆยังมีรายละเอียดปลีกย่อยแต่สำคัญหลายอย่าง
อย่างกรรไกรเล่มนี้หรือใบกรรไกรคู่นี้บอกอะไรเราบ้าง อย่างแรกเลยคือรูกรรไกรหรือรูหมุด คู่นี้มีรูเหลี่ยมหนึ่งรูและรูกลมอีกหนึ่งรู กรรไกรราชาหรือกรรไกรในสายโทบาซามิ เท่าที่ผมเคยถอดมาจะใช้ระบบนี้ครับ คือขากรรไกรเป็นอิสระคือหมุนได้รอบหนึ่งขา และยึดติดกับหมุดคือหมุนไม่ได้อีกหนึ่งขา
ถ้าเป็นกรรไกรโอคุโบะหรือกรรไกรอิเคโนโบะจะมีทั้งหมุนได้ขาเดียวและหมุนได้สองขา คือถ้าแกะออกมาจะมีทั้งรูกลมสองขาและรูกลมหนึ่งขารูเหลี่ยมหนึ่งขา
กรรไกรขานี้จะเห็นรอยต่อของเหล็กลามิเนท คือมีส่วนของเหล็กกล้าที่แปะติดกับเหล็กเหนียว ถ้านึกดูจะรู้ว่าแผ่นเหล็กกล้าที่แปะไว้มีน้อยมาก เป็นแผ่นบางๆหนาเพียง 1-2 มิลล์เท่านั้น และส่วนมากหนาเพียง 1 มิลล์ ผมถึงเน้นมากๆหรือย้ำนักย้ำหนาว่าเราไม่ควรขัดแต่งหรือเจียรด้านท้องกรรไกร เพราะจะเกิดปัญหาใหญ่กับโครงสร้างของกรรไกรจนถึงขั้นทำให้กรรไกรตัวนั้นเสียหายไปตลอดกาล
ใบที่เอามาให้ดูนี้ก็ผ่านการขัดแต่งหรือลับด้านท้องใบแต่ลับเล็กน้อยเท่านั้นครับ จะยังมีรอยสนิมขุมอยู่ตามส่วนจ่างๆ ถ้าเราเอาตัวสนิมออกแล้วจะเหลือร่องรอยเอาไว้กรรไกรตัวนั้นยังคงเป็นของดี ดีกว่าเราขัดเพิ่มลงไปให้เนื้อเหล็กหายเพียงเพื่อจะกำจัดริ้วรอยที่ดูแล้วไม่งาม
ทุกครั้งที่เราขัดถูท้องใบของกรรไกรให้ระลึกอยู่เสมอว่าเราไม่ใช่กำลัง " ได้ " นะครับ แต่เรากำลัง " เสีย "
คือที่คิดว่าเราได้ความสะอาดสวยงาม มันก็ใช่ แต่จริงๆแล้วเรากำลังทำให้ใบของกรรไกรสองฝั่งห่างออกจากกันและ ทำให้เหล็กกล้าที่ทำส่วนคมของกรรไกรบางลงเรื่อยๆ
เรื่องต่อไปที่เราเห็นจากท้องใบกรรไกรขานี้ก็คือตัวตอกจับคู่ ซึ่งคู่นี้คงเป็นอักษร H ครับ ซึ่งการตอกจับคู่นี้มีได้หลายอย่าง เช่นการตอกจุดตามมุมต่างๆเช่นตอกรูหนึ่งรูที่ตำแหน่งหกนาฬิกาของทั้งสองขาก็แสดงว่าใบกรรไกรคู่นี้เป็นคู่กัน
คนตอกมักจะเป็นช่างที่ทำหน้าทีแต่งหยาบหรือเจียรหยาบ หลังการตีขึ้นรูป ก็จะเข้ากระบวนการตกแต่ง พอตัดแต่งกรรไกรขาเล็กและกรรไกรขาใหญ่ได้เข้าคู่กันเค้าก็จะตอกเอาไว้เช่น เลข 1 สองขาก็มี 1 กับ 1 คู่ต่อไปก็เป็น 2 กับ 2 ไปเรื่อยๆ แล้วก็จะส่งให้ช่างในลำดับถัดไปเช่นช่างเจียรละเอียด , ช่างให้ความร้อน , ช่างขัดตกแต่ง จนในที่สุดจะมาถึงช่างประกอบ เค้าก็จะตามหาว่ากรรไกรขาใหญ่หมายเลข 1 และกรรไกรขาเล็กหมายเลข 1 อยู่ที่ไหน เมื่อเอามาเข้าคู่กันมันก็จะพอดี
กรรไกรแฮนด์เมดมันไม่ใช่ว่าจะเข้ากันได้ทุกรุ่นทุกตัวนะครับ อย่างเช่นโชซาบูโร่ขนาด 240 มันเป็นไปได้ตั้งแต่ยาว 240 ไปจนถึง 245 ก็มีครับ และขนาดความยาวเท่ากันมันยังมีความกว้างที่แตกต่างกันประมาณ 18 - 20 มิลล์ เพราะฉะนั้นกรรไกรแต่ละเล่มมันจึงเป็นคู่กัน มีความเป็นไปได้ที่กรรไกรสองเล่มจะสลับขากันได้แต่ก็น้อยมาก คู่ที่ปรับแต่งมาจากช่างของสำนักจึงเหมาะสมกันดีที่สุด
อย่างต่อไปที่จะดูก็คือการตอกลดขนาดของรูเหลี่ยม ตามรูปจะเห็นว่ารูเหลี่ยมมีการตอกเป็นร่องลงไปที่ตำแหน่งบนและซ้าย คือ 12 นาฬิกาและ 9 นาฬิกา หมายความว่าช่างปรับแต่งกรรไกรเห็นว่ารูเหลี่ยมของกรรไกรมีขนาดใหญ่กว่าแท่งเหลี่ยมของจุดหมุนหรือหมุดยึด เค้าก็ตอกลดขนาดของรูลงมา หมุดกรรไกรแต่ละตัวมันไม่ได้มาแบบสำเร็จรูปนะครับ บางแบบเป็นแท่งกลมอย่างเดียว แล้วส่วนเหลี่ยมที่จะมายึดกับรูเหลี่ยมของกรรไกร ช่างประกอบต้องเจียรเหลี่ยมเอง
ความเว้าของใบกรรไกรหรือท้องใบส่วนมากแล้วจะเป็นการเจียรเว้าหรือฮอลโลว์กรายน์นะครับ การเจียรท้องใบแบบนี้เท่าที่ดูจะมีสองอย่างหรือสองขั้นตอนคือเจียรเปียกหรือเจียรด้วยวงล้อหินขัดระบบหล่อน้ำ และตกแต่งด้วยเครื่องขัดสายพานแบบวงล้อ
การปรับแก้ท้องใบในบ้านเราจึงเป็นไปได้ยาก อย่างแรกเลยต้องเทียบวงกลมหรือรัศมีของเครื่องขัดที่จะใช้ว่ากลมเท่ากันหรือเปล่า ถ้ากลมไม่เท่ากันแนวเว้าที่เค้าทำมาก็จะถูกทำลาย ถึงเทียบแล้วกลมเท่ากันเช่นใช้เครื่องขัดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 12 นิ้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะเจียรทำความสะอาดใบกรรไกรได้นะครับ เพราะการเจียรใบของสำนักเค้าเจียรตอนใบตรง เมื่อเจียรเสร็จแล้วเค้าจะมาดัดใบให้โค้งอีกที เมื่อดัดใบโค้งแล้วเอากลับไปเจียรมันก็ไม่พอดีแล้ว มันเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งคนทั่วไปหรือช่างทั่วไปและโดยเฉพาะผู้ค้ากรรไกรมือสองในบ้านเราไม่ได้มอง คือเห็นว่าใบมันสนิมกินก็เจียรออก เจียรแล้วมันจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ขอให้ใบมันขาวๆน่าซื้อก็พอ
อีกอย่างนึงซึ่งสำคัญมากๆแต่คนทั่วไปที่ไม่ใช่ช่างทำกรรไกรมองไม่เห็น หรือเห็นแล้วไม่รู้ว่ามันสำคัญยังไง คือฝั่งตรงข้ามของปลายกรรไกร กรรไกรเป็นเครื่องมีคมระบบคมคู่ ใช้คานงัด มีจุดหมุน กรรไกรแบบสองขาเป็นกรรไกรระบบ X มีจุดตัดหรือจุด X ที่บริเวณที่คมกรรไกรสัมผัสกัน มันจะงัดได้อย่างราบรื่นและทรงพลังส่วนสำคัญก็คือจุดงัดซึ่งเป็นฝั่งตรงข้างกับปลาย ก็คือจุดที่สีกันบริเวณคอด้าม จุดนี้มีผลอย่างมากกับการทำงานของกรรไกร แต่เท่าที่เคยได้ยินหรือหาข้อมูลมาหลายปีไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ ผมเริ่มหาข้อมูลเรื่องนี้จากท่านอิชิซึกะหรือท่านโชทาโร่ที่3 พูดเรื่องการฟังเสียงกรรไกร
จุดนี้ในกรรไกรชั้นดีอย่างโชทาโร่หรือโชกัตสึ มันจะเป็นส่วนนูนนะครับ โดยทั่วๆไปก็เป็นเรียบๆ แต่กับกรรไกรโทบาซามิมันนูน คือท้องใบขัดให้เว้า เมื่อมาถึงจุดงัดด้านล่างมันจะนูน กรรไกรโชซาบูโร่เล่มที่ผมใช้งานประจำก็ปรับแต่งจุดนี้ให้ถอยลงด้านล่างหน่อยและนูน ขัดให้เรียบเนียนก็ได้กรรไกรดีๆที่ดีขึ้นไปอีกขั้น
จุดงัดนี้ถ้ามันอยู่ห่างจากจุดหมุนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งผ่อนแรงได้เท่านั้น กรรไกรที่ตัดได้ง่าย ตัดได้ดีไม่ใช่ว่าต้องขันจุดหมุนให้มันแนบติดกันนะครับ ขันให้มันเหลือช่องว่างหรือช่วงปล่อย จะทำให้กรรไกรตัวนั้นใช้งานได้ง่าย ตัดสบายและมีอายุการใช้งานที่นานกว่า
เชื่อซิครับถ้าอ่านบทความอันนี้จบลง ท่านจะมองท้องใบกรรไกรไม่เหมือนเดิมอีกเลย
ว่าด้วยเรื่องท้องกรรไกร
อย่างกรรไกรเล่มนี้หรือใบกรรไกรคู่นี้บอกอะไรเราบ้าง อย่างแรกเลยคือรูกรรไกรหรือรูหมุด คู่นี้มีรูเหลี่ยมหนึ่งรูและรูกลมอีกหนึ่งรู กรรไกรราชาหรือกรรไกรในสายโทบาซามิ เท่าที่ผมเคยถอดมาจะใช้ระบบนี้ครับ คือขากรรไกรเป็นอิสระคือหมุนได้รอบหนึ่งขา และยึดติดกับหมุดคือหมุนไม่ได้อีกหนึ่งขา
ถ้าเป็นกรรไกรโอคุโบะหรือกรรไกรอิเคโนโบะจะมีทั้งหมุนได้ขาเดียวและหมุนได้สองขา คือถ้าแกะออกมาจะมีทั้งรูกลมสองขาและรูกลมหนึ่งขารูเหลี่ยมหนึ่งขา
กรรไกรขานี้จะเห็นรอยต่อของเหล็กลามิเนท คือมีส่วนของเหล็กกล้าที่แปะติดกับเหล็กเหนียว ถ้านึกดูจะรู้ว่าแผ่นเหล็กกล้าที่แปะไว้มีน้อยมาก เป็นแผ่นบางๆหนาเพียง 1-2 มิลล์เท่านั้น และส่วนมากหนาเพียง 1 มิลล์ ผมถึงเน้นมากๆหรือย้ำนักย้ำหนาว่าเราไม่ควรขัดแต่งหรือเจียรด้านท้องกรรไกร เพราะจะเกิดปัญหาใหญ่กับโครงสร้างของกรรไกรจนถึงขั้นทำให้กรรไกรตัวนั้นเสียหายไปตลอดกาล
ใบที่เอามาให้ดูนี้ก็ผ่านการขัดแต่งหรือลับด้านท้องใบแต่ลับเล็กน้อยเท่านั้นครับ จะยังมีรอยสนิมขุมอยู่ตามส่วนจ่างๆ ถ้าเราเอาตัวสนิมออกแล้วจะเหลือร่องรอยเอาไว้กรรไกรตัวนั้นยังคงเป็นของดี ดีกว่าเราขัดเพิ่มลงไปให้เนื้อเหล็กหายเพียงเพื่อจะกำจัดริ้วรอยที่ดูแล้วไม่งาม
ทุกครั้งที่เราขัดถูท้องใบของกรรไกรให้ระลึกอยู่เสมอว่าเราไม่ใช่กำลัง " ได้ " นะครับ แต่เรากำลัง " เสีย "
คือที่คิดว่าเราได้ความสะอาดสวยงาม มันก็ใช่ แต่จริงๆแล้วเรากำลังทำให้ใบของกรรไกรสองฝั่งห่างออกจากกันและ ทำให้เหล็กกล้าที่ทำส่วนคมของกรรไกรบางลงเรื่อยๆ
เรื่องต่อไปที่เราเห็นจากท้องใบกรรไกรขานี้ก็คือตัวตอกจับคู่ ซึ่งคู่นี้คงเป็นอักษร H ครับ ซึ่งการตอกจับคู่นี้มีได้หลายอย่าง เช่นการตอกจุดตามมุมต่างๆเช่นตอกรูหนึ่งรูที่ตำแหน่งหกนาฬิกาของทั้งสองขาก็แสดงว่าใบกรรไกรคู่นี้เป็นคู่กัน
คนตอกมักจะเป็นช่างที่ทำหน้าทีแต่งหยาบหรือเจียรหยาบ หลังการตีขึ้นรูป ก็จะเข้ากระบวนการตกแต่ง พอตัดแต่งกรรไกรขาเล็กและกรรไกรขาใหญ่ได้เข้าคู่กันเค้าก็จะตอกเอาไว้เช่น เลข 1 สองขาก็มี 1 กับ 1 คู่ต่อไปก็เป็น 2 กับ 2 ไปเรื่อยๆ แล้วก็จะส่งให้ช่างในลำดับถัดไปเช่นช่างเจียรละเอียด , ช่างให้ความร้อน , ช่างขัดตกแต่ง จนในที่สุดจะมาถึงช่างประกอบ เค้าก็จะตามหาว่ากรรไกรขาใหญ่หมายเลข 1 และกรรไกรขาเล็กหมายเลข 1 อยู่ที่ไหน เมื่อเอามาเข้าคู่กันมันก็จะพอดี
กรรไกรแฮนด์เมดมันไม่ใช่ว่าจะเข้ากันได้ทุกรุ่นทุกตัวนะครับ อย่างเช่นโชซาบูโร่ขนาด 240 มันเป็นไปได้ตั้งแต่ยาว 240 ไปจนถึง 245 ก็มีครับ และขนาดความยาวเท่ากันมันยังมีความกว้างที่แตกต่างกันประมาณ 18 - 20 มิลล์ เพราะฉะนั้นกรรไกรแต่ละเล่มมันจึงเป็นคู่กัน มีความเป็นไปได้ที่กรรไกรสองเล่มจะสลับขากันได้แต่ก็น้อยมาก คู่ที่ปรับแต่งมาจากช่างของสำนักจึงเหมาะสมกันดีที่สุด
อย่างต่อไปที่จะดูก็คือการตอกลดขนาดของรูเหลี่ยม ตามรูปจะเห็นว่ารูเหลี่ยมมีการตอกเป็นร่องลงไปที่ตำแหน่งบนและซ้าย คือ 12 นาฬิกาและ 9 นาฬิกา หมายความว่าช่างปรับแต่งกรรไกรเห็นว่ารูเหลี่ยมของกรรไกรมีขนาดใหญ่กว่าแท่งเหลี่ยมของจุดหมุนหรือหมุดยึด เค้าก็ตอกลดขนาดของรูลงมา หมุดกรรไกรแต่ละตัวมันไม่ได้มาแบบสำเร็จรูปนะครับ บางแบบเป็นแท่งกลมอย่างเดียว แล้วส่วนเหลี่ยมที่จะมายึดกับรูเหลี่ยมของกรรไกร ช่างประกอบต้องเจียรเหลี่ยมเอง
ความเว้าของใบกรรไกรหรือท้องใบส่วนมากแล้วจะเป็นการเจียรเว้าหรือฮอลโลว์กรายน์นะครับ การเจียรท้องใบแบบนี้เท่าที่ดูจะมีสองอย่างหรือสองขั้นตอนคือเจียรเปียกหรือเจียรด้วยวงล้อหินขัดระบบหล่อน้ำ และตกแต่งด้วยเครื่องขัดสายพานแบบวงล้อ
การปรับแก้ท้องใบในบ้านเราจึงเป็นไปได้ยาก อย่างแรกเลยต้องเทียบวงกลมหรือรัศมีของเครื่องขัดที่จะใช้ว่ากลมเท่ากันหรือเปล่า ถ้ากลมไม่เท่ากันแนวเว้าที่เค้าทำมาก็จะถูกทำลาย ถึงเทียบแล้วกลมเท่ากันเช่นใช้เครื่องขัดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 12 นิ้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะเจียรทำความสะอาดใบกรรไกรได้นะครับ เพราะการเจียรใบของสำนักเค้าเจียรตอนใบตรง เมื่อเจียรเสร็จแล้วเค้าจะมาดัดใบให้โค้งอีกที เมื่อดัดใบโค้งแล้วเอากลับไปเจียรมันก็ไม่พอดีแล้ว มันเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งคนทั่วไปหรือช่างทั่วไปและโดยเฉพาะผู้ค้ากรรไกรมือสองในบ้านเราไม่ได้มอง คือเห็นว่าใบมันสนิมกินก็เจียรออก เจียรแล้วมันจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ขอให้ใบมันขาวๆน่าซื้อก็พอ
อีกอย่างนึงซึ่งสำคัญมากๆแต่คนทั่วไปที่ไม่ใช่ช่างทำกรรไกรมองไม่เห็น หรือเห็นแล้วไม่รู้ว่ามันสำคัญยังไง คือฝั่งตรงข้ามของปลายกรรไกร กรรไกรเป็นเครื่องมีคมระบบคมคู่ ใช้คานงัด มีจุดหมุน กรรไกรแบบสองขาเป็นกรรไกรระบบ X มีจุดตัดหรือจุด X ที่บริเวณที่คมกรรไกรสัมผัสกัน มันจะงัดได้อย่างราบรื่นและทรงพลังส่วนสำคัญก็คือจุดงัดซึ่งเป็นฝั่งตรงข้างกับปลาย ก็คือจุดที่สีกันบริเวณคอด้าม จุดนี้มีผลอย่างมากกับการทำงานของกรรไกร แต่เท่าที่เคยได้ยินหรือหาข้อมูลมาหลายปีไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ ผมเริ่มหาข้อมูลเรื่องนี้จากท่านอิชิซึกะหรือท่านโชทาโร่ที่3 พูดเรื่องการฟังเสียงกรรไกร
จุดนี้ในกรรไกรชั้นดีอย่างโชทาโร่หรือโชกัตสึ มันจะเป็นส่วนนูนนะครับ โดยทั่วๆไปก็เป็นเรียบๆ แต่กับกรรไกรโทบาซามิมันนูน คือท้องใบขัดให้เว้า เมื่อมาถึงจุดงัดด้านล่างมันจะนูน กรรไกรโชซาบูโร่เล่มที่ผมใช้งานประจำก็ปรับแต่งจุดนี้ให้ถอยลงด้านล่างหน่อยและนูน ขัดให้เรียบเนียนก็ได้กรรไกรดีๆที่ดีขึ้นไปอีกขั้น
จุดงัดนี้ถ้ามันอยู่ห่างจากจุดหมุนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งผ่อนแรงได้เท่านั้น กรรไกรที่ตัดได้ง่าย ตัดได้ดีไม่ใช่ว่าต้องขันจุดหมุนให้มันแนบติดกันนะครับ ขันให้มันเหลือช่องว่างหรือช่วงปล่อย จะทำให้กรรไกรตัวนั้นใช้งานได้ง่าย ตัดสบายและมีอายุการใช้งานที่นานกว่า
เชื่อซิครับถ้าอ่านบทความอันนี้จบลง ท่านจะมองท้องใบกรรไกรไม่เหมือนเดิมอีกเลย