ผลไม้มงคลประจำเทศกาลตรุษจีน ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน วิตามินซีสูง อีกทั้งยังมีแคลเซียม โพแทสเซียม และไฟเบอร์ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ส้มนอกจากจะเป็นผลไม้ที่สื่อถึงความโชคดีแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย
รับประทานส้มแล้วดีต่อร่างกายอย่างไร?
1. เสริมสร้างความแข็งแรงให้ภูมิคุ้มกัน
เมื่อพูดถึงส้ม สารอาหารแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงก็น่าจะเป็นวิตามินซี โดยสารอาหารชนิดนี้เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งรวมถึงระบบสำคัญ อย่างระบบภูมิคุ้มกัน ที่มีหน้าที่ป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของร่างกาย เนื่องจากวิตามินซีที่ได้รับเข้ามาในร่างกายอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้
2. ดีต่อสุขภาพผิว
นอกจากในด้านระบบภูมิคุ้มกันแล้ว วิตามินซียังเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพผิวด้วยเช่นกัน เนื่องจากวิตามินซีจัดเป็นสารอาหารสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นทั้งองค์ประกอบของผิวหนัง ช่วยในการสมานแผล และช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
3. ดีต่อหัวใจ
ส้มเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นใยอาหารและสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่อาจมีส่วนช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือด (HDL) รวมถึงอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ได้
และนอกจากนี้ก็ยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีก อย่างโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่อาจมีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตของร่างกาย หรือสารเฮสเพอริดีน (Hesperidin) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และอาจช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย
4. ดีต่อระบบขับถ่าย
การรับประทานส้มถือเป็นวิธีที่ช่วยดูแลระบบขับถ่ายของร่างกายได้อย่างง่าย ๆ เนื่องจากส้มเป็นผลไม้ที่มีใยอาหาร ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายของร่างกายมีสุขภาพดีและทำงานได้อย่างเป็นปกติ
5. อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต
นิ่วในไตเป็นก้อนผลึกที่เกิดจากการจับตัวกันของแร่ธาตุและเกลือ ซึ่งอาจไปอุดกั้นท่อไตและทางผ่านของน้ำปัสสาวะได้ โดยภาวะนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งรวมถึงการมีระดับไซเตรท (Citrate) ในปัสสาวะต่ำด้วย
อย่างไรก็ตาม การรับประทานส้มอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในด้านนี้ได้ เนื่องจากผลไม้ตระกูลส้มอาจมีส่วนช่วยเพิ่มระดับไซเตรทในปัสสาวะของผู้ที่รับประทานได้
6. อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจาง
โลหิตจางเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ไม่เพียงพอต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยสาเหตุของภาวะนี้จะมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน เช่น ขาดธาตุเหล็ก ขาดวิตามินบี 12 การเสียเลือด หรือการเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น ๆ
การรับประทานส้มอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางที่มีสาเหตุมาจากการขาดธาตุเหล็กได้ เนื่องจากส้มเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซี ซึ่งเป็นสารอาหารที่อาจมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
7. อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังบางชนิด
หนึ่งในสาเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ ข้ออักเสบ อัลไซเมอร์ หรือมะเร็งบางชนิด ก็คือภาวะขาดสมดุลระหว่างอนุมูลอิสระ (Free Radical) และสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย หรือที่เรียกว่าภาวะ Oxidative Stress เนื่องจากภาวะนี้อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มโรคที่กล่าวมาได้
อย่างไรก็ตาม การรับประทานส้ม ควรจะรับประทานในปริมาณที่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป มิฉะนั้นจากประโยชน์ก็อาจกลายเป็นผลเสียได้ สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไต จะต้องระมัดระวังการรับประทานส้มมากกว่าคนทั่วไป
ขอบคุณ รพ.ศิครินทร์ และ เพจพบแพทย์
“ส้ม” ผลไม้มงคล ดีต่อสุขภาพ
รับประทานส้มแล้วดีต่อร่างกายอย่างไร?
1. เสริมสร้างความแข็งแรงให้ภูมิคุ้มกัน
เมื่อพูดถึงส้ม สารอาหารแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงก็น่าจะเป็นวิตามินซี โดยสารอาหารชนิดนี้เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งรวมถึงระบบสำคัญ อย่างระบบภูมิคุ้มกัน ที่มีหน้าที่ป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของร่างกาย เนื่องจากวิตามินซีที่ได้รับเข้ามาในร่างกายอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้
2. ดีต่อสุขภาพผิว
นอกจากในด้านระบบภูมิคุ้มกันแล้ว วิตามินซียังเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพผิวด้วยเช่นกัน เนื่องจากวิตามินซีจัดเป็นสารอาหารสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นทั้งองค์ประกอบของผิวหนัง ช่วยในการสมานแผล และช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
3. ดีต่อหัวใจ
ส้มเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นใยอาหารและสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่อาจมีส่วนช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือด (HDL) รวมถึงอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ได้
และนอกจากนี้ก็ยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีก อย่างโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่อาจมีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตของร่างกาย หรือสารเฮสเพอริดีน (Hesperidin) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และอาจช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย
4. ดีต่อระบบขับถ่าย
การรับประทานส้มถือเป็นวิธีที่ช่วยดูแลระบบขับถ่ายของร่างกายได้อย่างง่าย ๆ เนื่องจากส้มเป็นผลไม้ที่มีใยอาหาร ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายของร่างกายมีสุขภาพดีและทำงานได้อย่างเป็นปกติ
5. อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต
นิ่วในไตเป็นก้อนผลึกที่เกิดจากการจับตัวกันของแร่ธาตุและเกลือ ซึ่งอาจไปอุดกั้นท่อไตและทางผ่านของน้ำปัสสาวะได้ โดยภาวะนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งรวมถึงการมีระดับไซเตรท (Citrate) ในปัสสาวะต่ำด้วย
อย่างไรก็ตาม การรับประทานส้มอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในด้านนี้ได้ เนื่องจากผลไม้ตระกูลส้มอาจมีส่วนช่วยเพิ่มระดับไซเตรทในปัสสาวะของผู้ที่รับประทานได้
6. อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจาง
โลหิตจางเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ไม่เพียงพอต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยสาเหตุของภาวะนี้จะมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน เช่น ขาดธาตุเหล็ก ขาดวิตามินบี 12 การเสียเลือด หรือการเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น ๆ
การรับประทานส้มอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางที่มีสาเหตุมาจากการขาดธาตุเหล็กได้ เนื่องจากส้มเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซี ซึ่งเป็นสารอาหารที่อาจมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
7. อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังบางชนิด
หนึ่งในสาเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ ข้ออักเสบ อัลไซเมอร์ หรือมะเร็งบางชนิด ก็คือภาวะขาดสมดุลระหว่างอนุมูลอิสระ (Free Radical) และสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย หรือที่เรียกว่าภาวะ Oxidative Stress เนื่องจากภาวะนี้อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มโรคที่กล่าวมาได้
อย่างไรก็ตาม การรับประทานส้ม ควรจะรับประทานในปริมาณที่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป มิฉะนั้นจากประโยชน์ก็อาจกลายเป็นผลเสียได้ สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไต จะต้องระมัดระวังการรับประทานส้มมากกว่าคนทั่วไป
ขอบคุณ รพ.ศิครินทร์ และ เพจพบแพทย์