5 เมนูฮิตกินตามใจปาก ‘เบาหวาน’ ถามหา ไม่ได้ห้าม แต่เลี่ยงได้เลี่ยง
"หมอเจด" เปิด 5 เมนูยอดฮิตของโปรดใครหลายคน หากกินตามใจปาก "เบาหวาน" ถามหา ย้ำชัดๆ ไม่ได้ห้าม แต่เลี่ยงได้เลี่ยง
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 68 นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คุณหมออารมณ์ดีเจ้าของเพจ “หมอเจด” ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่กินไปแล้ว เสี่ยงเป็นเบาหวาน โดยระบุว่า “5 อาหารตามใจปาก เบาหวานถามหา” พร้อมอธิบายว่า..
เวลาไปเดินตลาด อาหารบางอย่างก็ไม่ได้เฮลตี้ ดีต่อสุขภาพอย่างที่คิดนะ แถมยังมีน้ำตาลแอบแฝงด้วยนะ คนเป็นเบาหวานกินน้ำตาลพุ่งแน่ กินบ่อยๆ เตรียมตัดขา ฟอกไตเลย ก่อนจะดูว่ามีอะไรบ้าง ผมอยากจะเคลียร์ให้ชัดก่อนว่า ไม่ได้ห้ามให้กินนะ แต่เลี่ยงได้ก็จะดีที่สุด
1.ข้าวหมูกรอบ หมูแดง
ของโปรดใครหลายคนเลยนะ รวมถึงผมด้วย สิ่งที่ต้องระวังคือน้ำราด อันนี้น้ำตาลฉ่ำเลย คือพอเห็นโดยส่วนตัวแล้วสิ่งที่คิดว่าข้าวหมูกรอบหมูแดงจะอร่อยสำคัญสุดคือน้ำราดของมัน เพราะตรงนี้จะอูมามิสุด แต่ถ้าเรากินแค่หมูกรอบ กับหมูแดงพอไหวนะ และถ้ากินแนะนำว่าให้กินผักที่มีอยู่ในจานไปก่อนนะครับ พยายามหาผักเพิ่มก่อน แล้วค่อยตามด้วยหมู เพราะฉะนั้นเลือกกินนะจ๊ะ
2.ผัดไทย
อาหารประจำชาติไทย เส้นเหนียวๆ นุ่มๆ แต่ซอสเต็มไปด้วยน้ำตาลฉ่ำๆ ใครเป็นเบาหวานต้องระวังทั้งคาร์บที่ได้จากเส้นจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล และที่สำคัญในส่วนผสมของซอสผัดนั้นเราใช้น้ำตาลปี๊บด้วยนะ การที่มีน้ำตาลสูงร่วมกับน้ำมันพืชที่ใช้ผัดนั้น ยิ่งต้องระวังให้ดีมากๆ ครับ นอกจากระวังเบาหวานยังต้องระวังเรื่องความดัน เพราะโซเดียมจากน้ำปลา และเครื่องปรุงรสต่างๆ นอกจากนี้ถ้ากินบ่อยๆ ก็ต้องระวังเรื่องโรคอ้วนด้วยนะครับ เลี่ยงได้เลี่ยงครับ
3.ไก่ย่างกะทิ
ต้องบอกแบบนี้ก่อนนะ ไก่อย่างบางแบบ เขาจะใช้น้ำกะทิ รวมไปถึงหมักด้วยน้ำตาล หมักด้วยซอส อันนี้ก็ต้องระวัง นอกจากน้ำตาลที่อยู่ในน้ำหมักแล้ว การรับประทานคู่กับข้าวเหนียวจะยิ่งทำให้น้ำตาลพุ่งสูงมากและค้างอยู่นานเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายต้องใช้หมั่นเก็บไขมันตามช่องท้อง จริงอยู่ที่ไก่มันดี เพราะเป็นโปรตีนแต่ก็ต้องเลือกกินดีๆ ครับ ถ้าเลือกได้ก็กินเป็นไก่ต้มก็ได้ครับ หรือถ้าอยากกินไก่ย่างก็เอาที่ไม่ใช่แบบหมัก
4.ยำ
อันนี้ก็คล้ายๆ ส้มตำ บางคนบอกว่ามันก็เผ็ดๆ จริงๆ แล้วยำก็ใช้น้ำตาลเยอะไม่ใช่เล่นนะครับ บางทีใส่น้ำเชื่อมเลยนะ ที่อยากจะบอกว่าใส่น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลเยอะเนี่ย บางครั้งมันเป็นสูตรเฉพาะของร้านเค้าแล้วเรามองไม่เห็น ว่าทำไมมันอร่อยมากมายขนาดนี้ ยิ่งบางคนมองว่ายำเป็นอาหารสุขภาพมีการใส่เส้นบุกบ้าง หรือเส้นอะไรก็ตามที่ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นของธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้ว อันนี้ก็ระวังกันเด้อ เราจะมีคาร์บที่ได้จากเส้นอีก น้ำตาลพุ่งแน่
5.ส้มตำ
หลายคนงง แต่ส้มตำมันเผ็ดนะคะหมอ มันจะมีน้ำตาลเยอะขนาดนั้นเลยหรอ ก็ต้องตอบว่าน้ำตาลเยอะเหมือนกันนะ เพื่อรสชาติที่นัว บางทีก็มีแต่น้ำตาลปี๊บ แต่เชื่อว่านอกจากน้ำตาลปี๊บแล้วก็ยังมีน้ำตาลทรายที่เราใส่เข้ามาครับ ปกติเราให้กินน้ำตาลวันละไม่เกินหกช้อนชา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเวลาเรารับประทานส้มตำน้ำตาลปี๊บปลายทัพพี + น้ำตาลทรายหนึ่งช้อนโต๊ะ อันนี้ก็ถือว่าเกินหกช้อนชาแล้วแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าเห็นว่ามันเผ็ด ก็คิดว่ามันน้ำตาลไม่เยอะนะ
อย่างไรก็ตาม “หมอเจด” ยังได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “อาหาร 5 อย่างที่พูดมา ไม่ใช่ว่าผมห้ามกินเลยนะ ก็คือกินได้แหละ แต่นานนานที เลี่ยงได้ก็เลี่ยง”
... สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/4338479/
สงสัยไหม…ทำไม ‘ผมถึงหงอก’ แล้วยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือ?
ผมหงอกเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งตามธรรมชาติ กรรมพันธุ์ โรค และการขาดสารอาหาร มีวิธีแก้ไหม
“รศ. นพ.พูลเกียรติ สุชนวณิช” สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง “ผมหงอก” ว่า เป็นสิ่งที่หลายคนมักกังวล ไม่ว่าจะเป็นเพราะอายุที่เพิ่มขึ้นหรือผมหงอกก่อนวัยที่มาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว แต่เคยสงสัยไหมว่า ผมหงอกเกิดจากอะไร และที่เคยได้ยินว่าการถอนผมหงอกจะทำให้หงอกเพิ่มขึ้นนั้นจริงหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของผมหงอก รวมถึงตอบคำถามสำคัญว่า ยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือไม่
ผมหงอก คือ
โดยทั่วไปผม 1 เส้นของเราประกอบไปด้วยเซลล์สร้างเนื้อผมซึ่งเป็นโปรตีน และเซลล์สร้างเม็ดสีที่คอยทำหน้าที่ป้อนเม็ดสีเข้าไปในเส้นผม จึงทำให้เสร็จผมเรามีสีต่าง ๆ ตามพันธุกรรม ถ้าคนไหนมีเม็ดสีมาก และเข้มข้นผมก็จะสีเข้ม ส่วนคนที่มีเม็ดสีน้อยผมก็จะสีอ่อนลง ซึ่งผมหงอกเกิดจากเส้นผมที่เซลล์เม็ดสีไม่สามารถสร้างเม็ดสีออกมาได้ตามปกติ จึงทำให้มีแต่เส้นผมที่เจริญออกมา แต่สีผมไม่ออกมาด้วย เราจึงพบเห็นเส้นผมสีเทา หรือสีขาวซึ่งเรียกกันว่าผมหงอกนั่นเอง กรณีที่มีผมหงอกขาวสนิทนั่นหมายความว่า เซลล์สร้างเม็ดสีได้หยุดทำงานแล้วนั่นเอง
ผมหงอก เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากธรรมชาติและปัจจัยภายนอกที่ส่งผลให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินลดลง ซึ่งเมลานินเป็นสารสำคัญที่ทำให้เส้นผมมีสีเข้ม ดังนั้น เมื่อเมลานินลดลง เส้นผมจึงเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือเทาได้ โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดผมหงอก ได้แก่:
ผมหงอกตามธรรมชาติ
ผมหงอกตามธรรมชาติเกิดจากเมื่อเราอายุมากขึ้น การทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีก็จะทำงานได้ลดลง ทำให้ผมที่ออกมาใหม่เป็นผมหงอก โดยปกติผมจะเริ่มหงอกโดยธรรมชาติเมื่ออายุ 40 ปี ขึ้นไป
ผมหงอกก่อนวัย
ผมหงอกก่อนวัยเกิดจากคนที่มีอายุน้อย โดยมีปัจจัยดังนี้
พันธุกรรม เป็นปัจจัยที่พบได้มากที่สุด
ความเครียด มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดผมหงอกได้เร็วขึ้น
คนที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ มีแนวโน้มที่จะเกิดผมขาวเร็วกว่าคนปกติถึง 4 เท่า
จากโรคบางโรค ได้ เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม หรือโรคด่างขาว โรคที่มีความเกี่ยวข้อง กับระบบภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย
โรคที่ทำให้เกิดผมหงอก ได้แก่
โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง โรคไทรอยด์ โรคด่างขาว รวมทั้งการบาดเจ็บและโรคของระบบประสาท ผมร่วงเป็นหย่อม การล้มป่วยบางอย่าง เช่น โรคมาลาเรีย และโรคไข้หวัดใหญ่
ช่วงอายุที่เริ่มมีผมหงอกขึ้นอยู่กับพันธุกรรม
ชาวต่างชาติที่มีผิวขาว ผมจะเริ่มหงอกครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 24-44 ปี
คนผิวสี จะเริ่มมีหงอก เมื่ออายุ 34-54 ปี
ชาวเอเชียจะเริ่มมีผมหงอก ตั้งแต่อายุ 30-40 ปี
ผมหงอก ยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือไม่
ส่วนประเด็นที่ว่ายิ่งถอนผมหงอก ผมหงอกก็จะยิ่งขึ้นนั้น อธิบายได้ว่า “ไม่เป็นความจริง” เพราะการขาดสารอาหารบางตัว เช่น วิตามินบี 12 อาจทำให้มีผมหงอกได้ ในบางกรณีความเครียดอาจทำให้ผมหงอกได้เช่นกัน ซึ่งบางคนเชื่อว่า ความเครียดทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี ถ้ากินวิตามินบีขนาดสูง อาจทำให้ผมหงอกกลับดำได้ การกินยาบางตัว เช่น คลอโรควิน อาจทำให้คนที่มีผมสีอ่อนหรือผมน้ำตาลแดงกลายเป็นสีขาวได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ผมหงอก ไม่สามารถรักษาได้ ทำได้เพียงเล็มออกหรือย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกเท่านั้น
ผมหงอกเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งตามธรรมชาติ กรรมพันธุ์ โรค และการขาดสารอาหาร การถอนผมหงอกไม่ได้ทำให้ผมหงอกเพิ่มขึ้น แต่อาจทำให้หนังศีรษะอักเสบได้
วิธีแก้ผมหงอกถาวร คือการดูแลสุขภาพให้สมดุล ลดความเครียด และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินบี12 เพื่อป้องกันไม่ให้ผมหงอกก่อนวัย หากมีผมหงอกมากจนสร้างความกังวล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาวิธีจัดการอย่างเหมาะสม...
สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/4337917/
Cr.
https://www.dailynews.co.th/news/4337917/
5 เมนูฮิตกินตามใจปาก ‘เบาหวาน’ ถามหา และ สงสัยไหม…ทำไม ‘ผมถึงหงอก’
"หมอเจด" เปิด 5 เมนูยอดฮิตของโปรดใครหลายคน หากกินตามใจปาก "เบาหวาน" ถามหา ย้ำชัดๆ ไม่ได้ห้าม แต่เลี่ยงได้เลี่ยง
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 68 นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คุณหมออารมณ์ดีเจ้าของเพจ “หมอเจด” ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่กินไปแล้ว เสี่ยงเป็นเบาหวาน โดยระบุว่า “5 อาหารตามใจปาก เบาหวานถามหา” พร้อมอธิบายว่า..
เวลาไปเดินตลาด อาหารบางอย่างก็ไม่ได้เฮลตี้ ดีต่อสุขภาพอย่างที่คิดนะ แถมยังมีน้ำตาลแอบแฝงด้วยนะ คนเป็นเบาหวานกินน้ำตาลพุ่งแน่ กินบ่อยๆ เตรียมตัดขา ฟอกไตเลย ก่อนจะดูว่ามีอะไรบ้าง ผมอยากจะเคลียร์ให้ชัดก่อนว่า ไม่ได้ห้ามให้กินนะ แต่เลี่ยงได้ก็จะดีที่สุด
1.ข้าวหมูกรอบ หมูแดง
ของโปรดใครหลายคนเลยนะ รวมถึงผมด้วย สิ่งที่ต้องระวังคือน้ำราด อันนี้น้ำตาลฉ่ำเลย คือพอเห็นโดยส่วนตัวแล้วสิ่งที่คิดว่าข้าวหมูกรอบหมูแดงจะอร่อยสำคัญสุดคือน้ำราดของมัน เพราะตรงนี้จะอูมามิสุด แต่ถ้าเรากินแค่หมูกรอบ กับหมูแดงพอไหวนะ และถ้ากินแนะนำว่าให้กินผักที่มีอยู่ในจานไปก่อนนะครับ พยายามหาผักเพิ่มก่อน แล้วค่อยตามด้วยหมู เพราะฉะนั้นเลือกกินนะจ๊ะ
2.ผัดไทย
อาหารประจำชาติไทย เส้นเหนียวๆ นุ่มๆ แต่ซอสเต็มไปด้วยน้ำตาลฉ่ำๆ ใครเป็นเบาหวานต้องระวังทั้งคาร์บที่ได้จากเส้นจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล และที่สำคัญในส่วนผสมของซอสผัดนั้นเราใช้น้ำตาลปี๊บด้วยนะ การที่มีน้ำตาลสูงร่วมกับน้ำมันพืชที่ใช้ผัดนั้น ยิ่งต้องระวังให้ดีมากๆ ครับ นอกจากระวังเบาหวานยังต้องระวังเรื่องความดัน เพราะโซเดียมจากน้ำปลา และเครื่องปรุงรสต่างๆ นอกจากนี้ถ้ากินบ่อยๆ ก็ต้องระวังเรื่องโรคอ้วนด้วยนะครับ เลี่ยงได้เลี่ยงครับ
3.ไก่ย่างกะทิ
ต้องบอกแบบนี้ก่อนนะ ไก่อย่างบางแบบ เขาจะใช้น้ำกะทิ รวมไปถึงหมักด้วยน้ำตาล หมักด้วยซอส อันนี้ก็ต้องระวัง นอกจากน้ำตาลที่อยู่ในน้ำหมักแล้ว การรับประทานคู่กับข้าวเหนียวจะยิ่งทำให้น้ำตาลพุ่งสูงมากและค้างอยู่นานเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายต้องใช้หมั่นเก็บไขมันตามช่องท้อง จริงอยู่ที่ไก่มันดี เพราะเป็นโปรตีนแต่ก็ต้องเลือกกินดีๆ ครับ ถ้าเลือกได้ก็กินเป็นไก่ต้มก็ได้ครับ หรือถ้าอยากกินไก่ย่างก็เอาที่ไม่ใช่แบบหมัก
4.ยำ
อันนี้ก็คล้ายๆ ส้มตำ บางคนบอกว่ามันก็เผ็ดๆ จริงๆ แล้วยำก็ใช้น้ำตาลเยอะไม่ใช่เล่นนะครับ บางทีใส่น้ำเชื่อมเลยนะ ที่อยากจะบอกว่าใส่น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลเยอะเนี่ย บางครั้งมันเป็นสูตรเฉพาะของร้านเค้าแล้วเรามองไม่เห็น ว่าทำไมมันอร่อยมากมายขนาดนี้ ยิ่งบางคนมองว่ายำเป็นอาหารสุขภาพมีการใส่เส้นบุกบ้าง หรือเส้นอะไรก็ตามที่ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นของธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้ว อันนี้ก็ระวังกันเด้อ เราจะมีคาร์บที่ได้จากเส้นอีก น้ำตาลพุ่งแน่
5.ส้มตำ
หลายคนงง แต่ส้มตำมันเผ็ดนะคะหมอ มันจะมีน้ำตาลเยอะขนาดนั้นเลยหรอ ก็ต้องตอบว่าน้ำตาลเยอะเหมือนกันนะ เพื่อรสชาติที่นัว บางทีก็มีแต่น้ำตาลปี๊บ แต่เชื่อว่านอกจากน้ำตาลปี๊บแล้วก็ยังมีน้ำตาลทรายที่เราใส่เข้ามาครับ ปกติเราให้กินน้ำตาลวันละไม่เกินหกช้อนชา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเวลาเรารับประทานส้มตำน้ำตาลปี๊บปลายทัพพี + น้ำตาลทรายหนึ่งช้อนโต๊ะ อันนี้ก็ถือว่าเกินหกช้อนชาแล้วแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าเห็นว่ามันเผ็ด ก็คิดว่ามันน้ำตาลไม่เยอะนะ
อย่างไรก็ตาม “หมอเจด” ยังได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “อาหาร 5 อย่างที่พูดมา ไม่ใช่ว่าผมห้ามกินเลยนะ ก็คือกินได้แหละ แต่นานนานที เลี่ยงได้ก็เลี่ยง”
... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4338479/
สงสัยไหม…ทำไม ‘ผมถึงหงอก’ แล้วยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือ?
ผมหงอกเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งตามธรรมชาติ กรรมพันธุ์ โรค และการขาดสารอาหาร มีวิธีแก้ไหม
“รศ. นพ.พูลเกียรติ สุชนวณิช” สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง “ผมหงอก” ว่า เป็นสิ่งที่หลายคนมักกังวล ไม่ว่าจะเป็นเพราะอายุที่เพิ่มขึ้นหรือผมหงอกก่อนวัยที่มาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว แต่เคยสงสัยไหมว่า ผมหงอกเกิดจากอะไร และที่เคยได้ยินว่าการถอนผมหงอกจะทำให้หงอกเพิ่มขึ้นนั้นจริงหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของผมหงอก รวมถึงตอบคำถามสำคัญว่า ยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือไม่
ผมหงอก คือ
โดยทั่วไปผม 1 เส้นของเราประกอบไปด้วยเซลล์สร้างเนื้อผมซึ่งเป็นโปรตีน และเซลล์สร้างเม็ดสีที่คอยทำหน้าที่ป้อนเม็ดสีเข้าไปในเส้นผม จึงทำให้เสร็จผมเรามีสีต่าง ๆ ตามพันธุกรรม ถ้าคนไหนมีเม็ดสีมาก และเข้มข้นผมก็จะสีเข้ม ส่วนคนที่มีเม็ดสีน้อยผมก็จะสีอ่อนลง ซึ่งผมหงอกเกิดจากเส้นผมที่เซลล์เม็ดสีไม่สามารถสร้างเม็ดสีออกมาได้ตามปกติ จึงทำให้มีแต่เส้นผมที่เจริญออกมา แต่สีผมไม่ออกมาด้วย เราจึงพบเห็นเส้นผมสีเทา หรือสีขาวซึ่งเรียกกันว่าผมหงอกนั่นเอง กรณีที่มีผมหงอกขาวสนิทนั่นหมายความว่า เซลล์สร้างเม็ดสีได้หยุดทำงานแล้วนั่นเอง
ผมหงอก เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากธรรมชาติและปัจจัยภายนอกที่ส่งผลให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินลดลง ซึ่งเมลานินเป็นสารสำคัญที่ทำให้เส้นผมมีสีเข้ม ดังนั้น เมื่อเมลานินลดลง เส้นผมจึงเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือเทาได้ โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดผมหงอก ได้แก่:
ผมหงอกตามธรรมชาติ
ผมหงอกตามธรรมชาติเกิดจากเมื่อเราอายุมากขึ้น การทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีก็จะทำงานได้ลดลง ทำให้ผมที่ออกมาใหม่เป็นผมหงอก โดยปกติผมจะเริ่มหงอกโดยธรรมชาติเมื่ออายุ 40 ปี ขึ้นไป
ผมหงอกก่อนวัย
ผมหงอกก่อนวัยเกิดจากคนที่มีอายุน้อย โดยมีปัจจัยดังนี้
พันธุกรรม เป็นปัจจัยที่พบได้มากที่สุด
ความเครียด มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดผมหงอกได้เร็วขึ้น
คนที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ มีแนวโน้มที่จะเกิดผมขาวเร็วกว่าคนปกติถึง 4 เท่า
จากโรคบางโรค ได้ เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม หรือโรคด่างขาว โรคที่มีความเกี่ยวข้อง กับระบบภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย
โรคที่ทำให้เกิดผมหงอก ได้แก่
โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง โรคไทรอยด์ โรคด่างขาว รวมทั้งการบาดเจ็บและโรคของระบบประสาท ผมร่วงเป็นหย่อม การล้มป่วยบางอย่าง เช่น โรคมาลาเรีย และโรคไข้หวัดใหญ่
ช่วงอายุที่เริ่มมีผมหงอกขึ้นอยู่กับพันธุกรรม
ชาวต่างชาติที่มีผิวขาว ผมจะเริ่มหงอกครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 24-44 ปี
คนผิวสี จะเริ่มมีหงอก เมื่ออายุ 34-54 ปี
ชาวเอเชียจะเริ่มมีผมหงอก ตั้งแต่อายุ 30-40 ปี
ผมหงอก ยิ่งถอนยิ่งหงอกจริงหรือไม่
ส่วนประเด็นที่ว่ายิ่งถอนผมหงอก ผมหงอกก็จะยิ่งขึ้นนั้น อธิบายได้ว่า “ไม่เป็นความจริง” เพราะการขาดสารอาหารบางตัว เช่น วิตามินบี 12 อาจทำให้มีผมหงอกได้ ในบางกรณีความเครียดอาจทำให้ผมหงอกได้เช่นกัน ซึ่งบางคนเชื่อว่า ความเครียดทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี ถ้ากินวิตามินบีขนาดสูง อาจทำให้ผมหงอกกลับดำได้ การกินยาบางตัว เช่น คลอโรควิน อาจทำให้คนที่มีผมสีอ่อนหรือผมน้ำตาลแดงกลายเป็นสีขาวได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ผมหงอก ไม่สามารถรักษาได้ ทำได้เพียงเล็มออกหรือย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกเท่านั้น
ผมหงอกเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งตามธรรมชาติ กรรมพันธุ์ โรค และการขาดสารอาหาร การถอนผมหงอกไม่ได้ทำให้ผมหงอกเพิ่มขึ้น แต่อาจทำให้หนังศีรษะอักเสบได้
วิธีแก้ผมหงอกถาวร คือการดูแลสุขภาพให้สมดุล ลดความเครียด และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินบี12 เพื่อป้องกันไม่ให้ผมหงอกก่อนวัย หากมีผมหงอกมากจนสร้างความกังวล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาวิธีจัดการอย่างเหมาะสม...
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4337917/
Cr. https://www.dailynews.co.th/news/4337917/