ช่วงนี้ กองทุนตราสารหนี้ระยะยาววิ่งมาสักพักแล้ว
‘ต่างชาติ’ซื้อพันธบัตรเพิ่ม กังวลนโยบายทรัมป์ และโยกเงินพักในไทย "กูรู" ระบุว่า พันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ยีลด์อยู่ที่ 2.2-2.4% มีความน่าสนใจ และมีความผันผวนน้อยกว่าพันธบัตรต่างประเทศ
“ตลาดพันธบัตรไทย” กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ “ต่างชาติ” เริ่มกลับมาซื้อต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลนโยบายทรัมป์ 2.0 ขึ้นภาษีนำเข้า รวมถึงดอลลาร์อ่อนค่าลง เหล่า “กูรู” มองว่า การที่ต่างชาติไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรไทยนั้นเพราะต้องการเข้ามาพักเงินเพื่อหวัง “เก็งกำไร” หลังตลาดหุ้นผันผวนค่อนข้างมาก
“อริยา ติรณะประกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หลังจากที่มีข่าวจากสหรัฐ ประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” ได้พูดอะไรออกมาก็จะทำให้มีความอ่อนไหว รวมทั้งความเคลื่อนไหว “เงินบาทแข็งค่า” ส่วน “ดอลลาร์อ่อนค่า” ดังนั้น ทำให้ “นักลงทุนต่างชาติ” เข้ามา “ทำกำไร” บ้าง
หากดูข้อมูลตั้งแต่ต้นปียังมีเงินไหลออกประมาณ 5,200 ล้านบาท แต่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบมี “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้าประมาณ 1-2 พันล้านบาทต่อวัน แต่ถือว่ายังไม่ได้ไหลเข้าอย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจจะมีช่วงโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติเห็นค่าเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงในการทำกำไร จึงอาจนำเงินเข้ามาพักไว้
ปัจจุบันต้องยอมรับประเมินค่อนข้างยาก เนื่องจากนโยบายสหรัฐยังไม่นิ่ง ยังคงต้องติดตามอยู่ ซึ่งยังมีผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์ และมีผลต่อฟันด์โฟลด์เข้ามาในบ้านเรา ซึ่งเมื่อมาดูจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยบ้านเราต่ำกว่าสหรัฐอยู่แล้ว แต่มาดูต้นทุนโดยรวม เช่น ต้นทุนของการกู้ยืมดอลลาร์ถูก ดังนั้น จะเห็นการนำเงินมาพักไว้ที่บ้านเรา แต่ในบางจังหวะที่เห็นโอกาสทำกำไรก็อาจจะมีการเทขายบ้าง ถือว่ายังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ
“บดินทร์ พุทธอินทร์” ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากดูตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ยีลด์อยู่ที่ 2.2-2.4% ทำให้ยีลด์กลับมาน่าสนใจ และตราสารหนี้ไทยไม่ได้มีการผันผวนเท่ากับต่างประเทศ ดังนั้นต่างชาติจึงเข้ามาเก็งกำไรเพื่อรอจังหวะในการสวิตซ์ไปยังตลาดหุ้น รวมถึงต้องการกระจายความเสี่ยงจากหุ้นที่มีการชะลอตัว และเป็นช่วงที่บ้านเรามีการประกาศตัวเลขส่งออกที่ออกมาค่อนข้างดี และปีนี้คาดว่า ธปท.จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ 1 ครั้ง เนื่องจากดาวไซด์ค่อนข้างมีจำกัด ดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.25%
“พันธบัตรสหรัฐค่อนข้างผันผวน หากไปดูในช่วงกลางธ.ค.ที่ผ่านมา ยีลด์ 10 ปีอยู่ที่ 4.15% พอผ่านไป 1 เดือนยีลด์อยู่ที่ 4.8% นั่นแปลว่า ค่อนข้างเหวี่ยงเมื่อมาดูที่บ้านเราอายุ 10 ปี กลางธ.ค. 2567 อยู่ที่ 2.2% ปัจจุบันยีลด์ขึ้นมา 2.4% ซึ่งความผันผวนพันธบัตรบ้านเราน้อยกว่า รวมถึงผลตอบแทนล่าสุดน่าสนใจ”
“วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ต่างชาติเข้ามาซื้อบอนด์ในช่วงนี้มองว่า ยังได้ทิ้งลงทุนในไทย รวมถึงอาจจะมีมองโอกาสในการลดดอกเบี้ยลงสูงขึ้นหรือเร็วขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่ได้คิดว่าจะมีปรับลดดอกเบี้ย ก.พ. 2568 อย่างเร็วคาดว่าน่าจะมีการปรับลดเม.ย. หรือ มิ.ย. 2568
โดยที่ผ่านมาจะเห็นว่า ต่างชาติเข้ามาซื้อบอนด์ไทยติดต่อกัน 7 วัน โดยส่วนใหญ่ต่างชาติเน้นการลงทุนในพันธบัตรแบบผสมผสานกันบ้าง มีทั้งพันธบัตรระยะยาว และพันธบัตรระยะสั้น
นอกจากนี้ ต่างชาติเริ่มเข้ามาลงทุนในบอนด์บ้านเราเข้ามาก่อนที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เป็นการส่งสัญญาณที่ดูดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง และคาดว่าต่างชาติยังมีแนวโน้มเข้าซื้อต่อไปอีก ตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาลง บวกกับหากมีสัญญาณจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดดอกเบี้ยเชื่อว่าฟันด์โฟลด์จะเข้าบอนด์ก่อน
ข้ามมาฝั่ง “ตลาดหุ้น” ยังคงต้องดูว่ามีปัจจัยจะช่วยหนุน โดยหลัก ๆ ยังคงต้องโฟกัสไปยังผลประกอบการ หากผลประกอบการออกมาแล้วไม่แย่ คาดโฟลว์น่าจะมีโอกาสกลับมาเข้าตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาค่อนข้างลึกจาก 1,500 จุด ลงมาจะใกล้ 1,300 จุด ฉะนั้น ต่างชาติเทขายไปพอสมควร ดังนั้น เอินนิ่งไม่ได้แย่จนทำให้ปีนี้ถูกปรับลงไปอย่างมีนัยสำคัญ คาดโซน 1,300 จุดต้น ๆ อาจจะเริ่มมีการกลับมาเพื่อทยอยซื้อกลับได้บ้าง
Cr.
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1164172
‘ต่างชาติ’ซื้อพันธบัตรเพิ่ม กังวลนโยบายทรัมป์-โยกเงินพักไทย
‘ต่างชาติ’ซื้อพันธบัตรเพิ่ม กังวลนโยบายทรัมป์ และโยกเงินพักในไทย "กูรู" ระบุว่า พันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ยีลด์อยู่ที่ 2.2-2.4% มีความน่าสนใจ และมีความผันผวนน้อยกว่าพันธบัตรต่างประเทศ
“ตลาดพันธบัตรไทย” กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ “ต่างชาติ” เริ่มกลับมาซื้อต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลนโยบายทรัมป์ 2.0 ขึ้นภาษีนำเข้า รวมถึงดอลลาร์อ่อนค่าลง เหล่า “กูรู” มองว่า การที่ต่างชาติไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรไทยนั้นเพราะต้องการเข้ามาพักเงินเพื่อหวัง “เก็งกำไร” หลังตลาดหุ้นผันผวนค่อนข้างมาก
“อริยา ติรณะประกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หลังจากที่มีข่าวจากสหรัฐ ประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” ได้พูดอะไรออกมาก็จะทำให้มีความอ่อนไหว รวมทั้งความเคลื่อนไหว “เงินบาทแข็งค่า” ส่วน “ดอลลาร์อ่อนค่า” ดังนั้น ทำให้ “นักลงทุนต่างชาติ” เข้ามา “ทำกำไร” บ้าง
หากดูข้อมูลตั้งแต่ต้นปียังมีเงินไหลออกประมาณ 5,200 ล้านบาท แต่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบมี “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้าประมาณ 1-2 พันล้านบาทต่อวัน แต่ถือว่ายังไม่ได้ไหลเข้าอย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจจะมีช่วงโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติเห็นค่าเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงในการทำกำไร จึงอาจนำเงินเข้ามาพักไว้
ปัจจุบันต้องยอมรับประเมินค่อนข้างยาก เนื่องจากนโยบายสหรัฐยังไม่นิ่ง ยังคงต้องติดตามอยู่ ซึ่งยังมีผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์ และมีผลต่อฟันด์โฟลด์เข้ามาในบ้านเรา ซึ่งเมื่อมาดูจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยบ้านเราต่ำกว่าสหรัฐอยู่แล้ว แต่มาดูต้นทุนโดยรวม เช่น ต้นทุนของการกู้ยืมดอลลาร์ถูก ดังนั้น จะเห็นการนำเงินมาพักไว้ที่บ้านเรา แต่ในบางจังหวะที่เห็นโอกาสทำกำไรก็อาจจะมีการเทขายบ้าง ถือว่ายังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ
“บดินทร์ พุทธอินทร์” ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากดูตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ยีลด์อยู่ที่ 2.2-2.4% ทำให้ยีลด์กลับมาน่าสนใจ และตราสารหนี้ไทยไม่ได้มีการผันผวนเท่ากับต่างประเทศ ดังนั้นต่างชาติจึงเข้ามาเก็งกำไรเพื่อรอจังหวะในการสวิตซ์ไปยังตลาดหุ้น รวมถึงต้องการกระจายความเสี่ยงจากหุ้นที่มีการชะลอตัว และเป็นช่วงที่บ้านเรามีการประกาศตัวเลขส่งออกที่ออกมาค่อนข้างดี และปีนี้คาดว่า ธปท.จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ 1 ครั้ง เนื่องจากดาวไซด์ค่อนข้างมีจำกัด ดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.25%
“พันธบัตรสหรัฐค่อนข้างผันผวน หากไปดูในช่วงกลางธ.ค.ที่ผ่านมา ยีลด์ 10 ปีอยู่ที่ 4.15% พอผ่านไป 1 เดือนยีลด์อยู่ที่ 4.8% นั่นแปลว่า ค่อนข้างเหวี่ยงเมื่อมาดูที่บ้านเราอายุ 10 ปี กลางธ.ค. 2567 อยู่ที่ 2.2% ปัจจุบันยีลด์ขึ้นมา 2.4% ซึ่งความผันผวนพันธบัตรบ้านเราน้อยกว่า รวมถึงผลตอบแทนล่าสุดน่าสนใจ”
“วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ต่างชาติเข้ามาซื้อบอนด์ในช่วงนี้มองว่า ยังได้ทิ้งลงทุนในไทย รวมถึงอาจจะมีมองโอกาสในการลดดอกเบี้ยลงสูงขึ้นหรือเร็วขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่ได้คิดว่าจะมีปรับลดดอกเบี้ย ก.พ. 2568 อย่างเร็วคาดว่าน่าจะมีการปรับลดเม.ย. หรือ มิ.ย. 2568
โดยที่ผ่านมาจะเห็นว่า ต่างชาติเข้ามาซื้อบอนด์ไทยติดต่อกัน 7 วัน โดยส่วนใหญ่ต่างชาติเน้นการลงทุนในพันธบัตรแบบผสมผสานกันบ้าง มีทั้งพันธบัตรระยะยาว และพันธบัตรระยะสั้น
นอกจากนี้ ต่างชาติเริ่มเข้ามาลงทุนในบอนด์บ้านเราเข้ามาก่อนที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เป็นการส่งสัญญาณที่ดูดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง และคาดว่าต่างชาติยังมีแนวโน้มเข้าซื้อต่อไปอีก ตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาลง บวกกับหากมีสัญญาณจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดดอกเบี้ยเชื่อว่าฟันด์โฟลด์จะเข้าบอนด์ก่อน
ข้ามมาฝั่ง “ตลาดหุ้น” ยังคงต้องดูว่ามีปัจจัยจะช่วยหนุน โดยหลัก ๆ ยังคงต้องโฟกัสไปยังผลประกอบการ หากผลประกอบการออกมาแล้วไม่แย่ คาดโฟลว์น่าจะมีโอกาสกลับมาเข้าตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาค่อนข้างลึกจาก 1,500 จุด ลงมาจะใกล้ 1,300 จุด ฉะนั้น ต่างชาติเทขายไปพอสมควร ดังนั้น เอินนิ่งไม่ได้แย่จนทำให้ปีนี้ถูกปรับลงไปอย่างมีนัยสำคัญ คาดโซน 1,300 จุดต้น ๆ อาจจะเริ่มมีการกลับมาเพื่อทยอยซื้อกลับได้บ้าง
Cr. https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1164172