นักลงทุนหุ้น 3 ล้านชีวิตใกล้สิ้นใจ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000013384

นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ราชาเงินทุน ความตกต่ำของตลาดหุ้นรอบนี้ถือว่ายืดเยื้อและยาวนานที่สุด โดยไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวระยะสั้น

ช่วงวิกฤตการณ์ราชาเงินทุน ตลาดหุ้นตกอยู่ในภาวะเงียบเหงาซบเซา ยาวนานประมาณ 8 ปี จากปี 2522 จนถึงปี 2530 จึงเริ่มฟื้นตัวขึ้น
ส่วนวิกฤตการณ์ตลาดหุ้นรอบนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2566 จากดัชนีระดับ 1,600 จุด และทรุดตัวลงต่อเนื่อง กินเวลายาวนานกว่า 2 ปีแล้ว จนดัชนีทรุดลงเหลือระดับ 1,260 จุด และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ โดยไม่คาดหมายว่า ดัชนีจะลงไปต่ำสุดที่ระดับใด
 
ในปี 2568 ตลาดหุ้นไทยถูกจัดอันดับเป็นตลาดหุ้นที่แย่ที่สุดในโลก ผลตอบแทนติดลบมากที่สุด สวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงสวนทาง
ปัจจัยที่กดดันให้หุ้นตกต่ำเกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไม่เติบโต และมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศหมดความมั่นใจ และเทขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อ รวมยอดเทขายหุ้นทิ้ง ถอนเงินกลับบ้านประมาณ 3.5 แสนล้านบาท

ความพยายามเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดำเนินแทบทุกมาตรการแล้วในการกระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่ไม่สบประสบผลสำเร็จ
แรงขายหุ้นของต่างชาติยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่แรงซื้อในประเทศอ่อนล้า หรือหมดกำลังซื้อ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่ช้อนซื้อหุ้นมาตลอด ยอดซื้อหุ้นสะสมรอบ 6 ปีที่ผ่านมาประมาณ 7 แสนล้านบาท และอยู่ในฐานะที่แบกหุ้นต้นทุนสูงไว้

นักลงทุนในตลาดหุ้น ตัวเลขล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.96 ล้านคน ซึ่งทั้งหมดขาดทุนย่อยยับ เพราะราคาหุ้นดิ่งลง จนสร้างจุดต่ำสุดในรอบหลายปีที่ระดับ 1,252 จุด
การกระตุ้นให้ตลาดหุ้นกลับมาสู่ความคึกคัก ช่วยปลดเปลื้องภาวะขาดทุนของนักลงทุนเกือบ 3 ล้านชีวิต อยู่นอกเหนือความสามารถของหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ก.ล.ต.หรือตลาดหลักทรัพย์ฯ
เพราะมาตรการที่จะเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้จะต้องเป็นมาตรการระดับชาติ หรือมาตรการที่รัฐบาลเป็นผู้ผลักดัน แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดจากรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งไม่รู้ว่า เป็นเพราะไม่มีความใส่ใจในตลาดตกต่ำของตลาดหุ้น หรือไม่รู้ว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร จึงไม่แสดงท่าทีใดกับวิกฤตตลาดหุ้น
และปล่อยลอยแพนักลงทุนให้เผชิญกับหายนะที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ควรต้องโดดลงมากอบกู้วิกฤตตลาดหุ้น โดยเรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กระทรวงการคลัง ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมนักวิเคราะห์ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุน เพื่อหารือถึงมาตรการกระตุ้นบรรยากาศความเชื่อมั่น
ปลุกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมา โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เพราะเป็นแนวทางเดียวที่จะทำให้ตลาดหุ้นกระเตื้องขึ้น
แต่ถ้ารัฐบาลยังทอดทิ้งตลาดหุ้น ลอยแพนักลงทุน 3 ล้านชีวิต ไม่คิดจะหามาตรการเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ปล่อยให้ตลาดหุ้นเป็นไปตามยถากรรม
 
ดัชนีหุ้นปักหัวลงต่อไป และไม่อาจคาดหมายได้จริงๆ ว่า วิกฤตหุ้นรอบนี้จะทำให้นักลงทุน 3 ล้านชีวิต ขาดทุนย่อยยับขนาดไหน
และตลาดหุ้นจะพังทลาย จนเกินกว่าจะกอบกู้ให้ฟื้นในระยะสั้นหรือไม่

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่