มนุษย์กิ้งก่าแห่งบึงสเคปออร์ ตำนานที่ยังมีลมหายใจ
The Lizard Man of Scape Ore Swamp
ลึกเข้าไปในป่าทึบของเมืองบิชอปวิลล์ รัฐเซาท์แคโรไลนา มีบึงสเคปออร์ ที่เงียบสงบแฝงด้วยความลึกลับ ที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนมานานหลายทศวรรษ..
"มนุษย์กิ้งก่า" (Lizard Man) สิ่งมีชีวิตประหลาดที่ว่ากันว่ามีดวงตาสีแดงวาววับ ผิวหนังเป็นเกล็ดแข็งสีเขียวเข้ม และกรงเล็บอันแหลมคมที่สามารถฉีกโลหะให้ขาดกระจุยได้อย่างง่ายดาย
.
ทฤษฎีมากมายที่เสนอเกี่ยวกับตัวตนของ Lizard Men ทฤษฎีต่างๆ เช่น ไดโนเสาร์ที่มีชีวิต และแม้แต่ทฤษฎีวิวัฒนาการซึ่งลำดับชั้นของสัตว์เลื้อยคลานนั้น ยังคงมีการวิวัฒนาการไปตามเส้นทางเดียวกันในยุคแรกๆ ที่สัตว์เลื้อยคลานปกครองโลก และอย่าลืมว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะมีสายพันธุ์ที่มีอำนาจเหนือกว่าที่สุดในโลก จะยังคงวิวัฒนาการต่อไป ที่ถึงแม้ว่าอาจจะมีจำนวนเพียงน้อยนิด และมนุษย์เราๆ นั้นยังไม่เคยเห็น
สัตว์เลื้อยคลานเป็นกลุ่มสายพันธุ์ที่เก่าแก่และประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก และอาจเก็บความลับที่ยังไม่เปิดเผยอยู่ก็เป็นได้
.
ในตำนานอินเดียนครีก (Creek Indian) สมาพันธ์ของชนพื้นเมืองอเมริกันที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตระกูลมัสโคกี (Muskhogean) ตามตำนานเกิดขึ้น โดย จอห์น รีด สวอนตัน (John Reed Swanton) ในปี ค.ศ. 1929 ว่าได้พบกับสัตว์ประหลาดกิ้งก่าขนาดเท่ามนุษย์ในพื้นที่นั้น และมีเรื่องราวในเหตุการณ์นั้นเล่าว่า..
ชาวอินเดียนในหลายๆ เผ่าได้ออกไปล่าสัตว์ด้วยกัน นักล่ากลับมาในเย็นวันหนึ่ง และบอกว่าเขาพบต้นไม้ใหญ่ที่น่าจะมีหมี พวกเขาวางแผนที่จะก่อไฟที่นั่นในวันรุ่งขึ้นเพื่อรมหมีตัวเมียให้ออกมาในตอนเช้า เมื่อพวกเขาไปถึงต้นไม้ ก็จุดไฟใต้ต้นไม้เพื่อให้ควันพวยพุ่งเข้าไปในโพรง
..แล้วไม่นานหลังจากนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตคล้าย จิ้งจกตัวใหญ่โผล่ออกมา
ในเวลานั้น ทุกคนต่างวิ่งหนีด้วยความตกใจ เนื่องจากจิ้งจกนั้นพยายามไล่จับทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น มันจับได้ทีละคนจนเหลือคนสุดท้าย ที่วิ่งออกห่างมาได้ไกล แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้ เจ้าจิ้งจกนั้นจับตัวไว้และพามาที่ต้นไม้ใหญ่บริเวณใกล้ๆ แต่ตรงนั้นกลับมีเสือกำลังนอนอยู่ เมื่อเสือตื่นขึ้นและเห็นจิ้กจก ก็กระโดดเข้าไปต่อสู้ ทำให้ชายคนสุดท้ายสามารถหนีออกมาได้ และมีเขาคนเดียวที่กลับมาพร้อมข่าวว่ามีจิ้งจกตัวใหญ่ฆ่าทุกคนไปจนหมด
เรื่องราวนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของที่มาของ "มนุษย์กิ้งก่า" (Lizard Man)
เวลาผ่านเลยมาอีกหลายสิบปี เรื่องราวของมนุษย์กิ้งก่ายังคงมีการเล่าขานกันอย่างต่อเนื่อง และในปี ค.ศ. 1988 ตำนานบทใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น..
.
คริสโตเฟอร์ เดวิส ชายหนุ่มวัย 17 ปี กำลังขับรถกลับบ้านช่วงเวลาประมาณตีสอง รถของเขานั้นยางแตกใกล้บึงสเคปออร์ เขาจึงได้ลงไปทำการเปลี่ยนยาง ในขณะนั้น ก็เกิดเสียงประหลาดดังขึ้นจากในความมืด ตัวเขานั้นตกใจกับเสียงนั้น เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบกับร่างประหลาดที่มีความสูง เกินกว่า 2 เมตร มีผิวที่เป็นเกล็ดสีเขียว ดวงตาสีแดงเรืองแสง ที่กำลังพุงเข้าใส่ตัวเขา
ด้วยความกลัว เขารีบกระโดดขึนรถพร้อมเร่งเครื่องขับหนีในทันที แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นกับกระโจนขึ้นมาบนหลังคารถ พร้อมกับข่วนไปทั่ว และพยายามที่จะฉีกประตู แต่เพราะด้วยความเร็ว และการขับส่ายไปส่ายมา ทำให้มันกระเด็นหลุดออกไปได้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาได้ตรวจสภาพรถ และพบว่ามีรอยข่วนลึก และกระจกมองข้างพังยับ..นี่จึงเป็นจุดเริ่มตำนานที่สร้างความหวาดกลัวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง
เมื่อข่าวแพร่กระจายไปทั่วมีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพบกับรอยเท้าขนาด 14 นิ้วที่มีนิ้วเท้าเพียงสามนิ้ว ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าไม่สามารถระบุได้ว่ามันเป็นของสิ่งมีชีวิตชนิดใด อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์หลายคนพยายามหาคำอธิบายทางชีววิทยา โดยระบุว่าอาจเป็นเพียงจระเข้ที่มีรูปร่างผิดปกติหรือสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบ แต่คนในพื้นที่ต่างก็ระบุว่ามันไม่ใช่แค่สัตว์ธรรมดา และยังมีสถานีวิทยุแห่งหนึ่งตั้งรางวัล 1 ล้านดอลลาร์ สำหรับผู้ที่สามารถจับมนุษย์กิ้งก่าได้
มีการออกสำรวจบึงสเคปออร์ พร้อมอุปกรณ์จับภาพความร้อน กล้องอินฟราเรด แต่ในทุกครั้งที่ออกสำรวจกลับพบเพียงเสียงแปลกประหลาดที่ดังก้องออกมาจากป่าทึบ ให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกจับจ้องมองดูอยู่ในความมืด มีบางกลุ่มที่เดินทางเข้ามาสำรวจ และพบกับรอยเท้าประหลาดขนาดใหญ่ หรือแม้แต่เสียงขู่คำรามที่ดังมาจากส่วนลึกของป่า
.
ปัจจุบัน บึงสเคปออร์ยังคงเป็นสถานที่ต้องห้ามในยามค่ำคืน ผู้คนหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่าน และตำนานของมนุษย์กิ้งก่าก็ยังคงถูกกล่าวขานกันในทุกค่ำคืน และถึงแม้ว่าหลายปีผ่านไป ความลึกลับของ Lizard Man นั้นลดลงจนอาจทำให้หลายคนนั้นลืมเลือนไป แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะไม่มีเผ่าพันธุ์ที่ยังไม่ถูกค้นพบ และพวกมันกำลังหลบซ่อนตัวอยู่..
วันแพนเค้กบลูเบอร์รี่ 28 มกราคม National Blueberry Pancake Day
บลูเบอร์รี่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเมื่อกินคู่กับแพนเค้ก ก็จะกลายเป็นมื้ออร่อยที่จะปฎิเศษไม่ได้
หากมองที่แพนเค้กนั้นเป็นอาหารที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก เพราะผู้คนทั่วโลกนั้นทำแป้งทอดแบนๆ กันมาตั้งแต่ยุคโบราณ ทั้งชาวกรีก ชาวโรมันทำแพนเค้กด้วยแป้งสาลี น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และนมเปรี้ยว ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นอาหารมื้อเช้าของชาวยุโรปและอเมริกา ด้วยการเพิ่มรสชาติอย่งเครื่องเทศ หรือผลไม้ต่างๆ ลงไป
.
แพนเค้กที่อเมริกานั้นมีชื่อเรียกมากมาย เช่น จอห์นนี่เค้ก (johnnycakes), hoecakes, griddle cakes, flapjacks เพราะแพนเค้กนั้นมีชื่อเรียกมากมายเท่ากับจำนวนของชนิดที่ถูกคิดขึ้นมา เช่น เครป ลาตเกส เป็นต้นฯ
วันแพนเค้กอีกวันหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "วันแห่งการสารภาพบาป" (Shrove Day) ในวันฉลองก่อนเทศกาลมหาพรต (Lent) แพนเค้กกลายเป็นวิธีง่ายๆ สำหรับผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกในการรับประทานผลิตภัณฑ์นม และไข่
...
ว่าด้วยแพนเค้ก มาดูแพนเค้กแต่ละประเทศกันว่าจะอดใจกันไหวไหม
1. Crêpes Normande
เครปนอร์มังด์จากฝรั่งเศส เป็นพายแอปเปิ้ลที่อยู่ภายในเครป โดยไส้ของเครปจะทำจากแอปเปิ้ลสดเปรี้ยวๆ ที่ผ่านการอบในเนย น้ำตาล และอบเชย ส่วนเครปจะทำจากแป้ง นม ไข่ น้ำตาล และเกลือเล็กน้อย
2. Jianbing
อาหารเช้ายอดนิยมในประเทศจีน เจี้ยนปิ่งหรือแพนเค้กทอด ที่มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย ทำจากแป้งได้หลายชนิด ราดด้วยไข่ ปรุงรสด้วยซอสต่างๆ ใส่ต้นหอม ผักดอง มัสตาร์ด หัวไขเท้า ผักชี งา หรือเพิ่มกุนเชียงและไก่
3. Kaiserschmarrn
อาหารของจักรพรรดิ ขนมหวานของออสเตรีย แพนเค้กฟูนุ่มราดด้วยคาราเมลบางๆ ใส่แยมแอปเปิล ลูกแพร์ หรือเบอร์รี่ต่างๆ เล่ากันว่า จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 โปรดปรานเมนูนี้จึงตั้งชื่อให้
4. Blini
แพนเค้กรัสเซียแบบดั้งเดิมนี้ทำจากแป้ง ไข่ นม ยีสต์ และเกลือเล็กน้อย และแตกต่างจากแพนเค้กอื่นๆ ตรงที่ใส่ยีสต์ลงไป
5. Jeon
หรือที่เรียกอีกอย่างว่าแพนเค้กเกาหลี เป็นอาหารจานเคียง โดยการคลุกแป้งและไข่ก่อน นำไปทอดในน้ำมัน หรือจะเพิ่มส่วนผสมต่างๆ อย่างเนื้อหั่นบางๆ
6. Poffertjes
แพนเค้กดัตช์ขนาดเล็ก กลม และพองฟู ทำด้วยยีสต์และแป้งบัควีท
.
เพื่อนๆ ชอบแพนเค้กแบบไหนกัน มีร้านอร่อยมาแนะนำกันไหมครับผม
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: wikidates
: cryptidz .fandom
: northamericancryptids
: wikipedia
: tasteatlas
.
LookAt
ตำนานที่ยังมีลมหายใจ "Lizard Man" น้อยคนนักจะนึกถึง.. อ่านไปกินแพนเค้กไป ในวันแพนเค้กบลูเบอร์รี่ 28 ม.ค.
The Lizard Man of Scape Ore Swamp
ลึกเข้าไปในป่าทึบของเมืองบิชอปวิลล์ รัฐเซาท์แคโรไลนา มีบึงสเคปออร์ ที่เงียบสงบแฝงด้วยความลึกลับ ที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนมานานหลายทศวรรษ..
"มนุษย์กิ้งก่า" (Lizard Man) สิ่งมีชีวิตประหลาดที่ว่ากันว่ามีดวงตาสีแดงวาววับ ผิวหนังเป็นเกล็ดแข็งสีเขียวเข้ม และกรงเล็บอันแหลมคมที่สามารถฉีกโลหะให้ขาดกระจุยได้อย่างง่ายดาย
.
ทฤษฎีมากมายที่เสนอเกี่ยวกับตัวตนของ Lizard Men ทฤษฎีต่างๆ เช่น ไดโนเสาร์ที่มีชีวิต และแม้แต่ทฤษฎีวิวัฒนาการซึ่งลำดับชั้นของสัตว์เลื้อยคลานนั้น ยังคงมีการวิวัฒนาการไปตามเส้นทางเดียวกันในยุคแรกๆ ที่สัตว์เลื้อยคลานปกครองโลก และอย่าลืมว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะมีสายพันธุ์ที่มีอำนาจเหนือกว่าที่สุดในโลก จะยังคงวิวัฒนาการต่อไป ที่ถึงแม้ว่าอาจจะมีจำนวนเพียงน้อยนิด และมนุษย์เราๆ นั้นยังไม่เคยเห็น
สัตว์เลื้อยคลานเป็นกลุ่มสายพันธุ์ที่เก่าแก่และประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก และอาจเก็บความลับที่ยังไม่เปิดเผยอยู่ก็เป็นได้
.
ในตำนานอินเดียนครีก (Creek Indian) สมาพันธ์ของชนพื้นเมืองอเมริกันที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตระกูลมัสโคกี (Muskhogean) ตามตำนานเกิดขึ้น โดย จอห์น รีด สวอนตัน (John Reed Swanton) ในปี ค.ศ. 1929 ว่าได้พบกับสัตว์ประหลาดกิ้งก่าขนาดเท่ามนุษย์ในพื้นที่นั้น และมีเรื่องราวในเหตุการณ์นั้นเล่าว่า..
ชาวอินเดียนในหลายๆ เผ่าได้ออกไปล่าสัตว์ด้วยกัน นักล่ากลับมาในเย็นวันหนึ่ง และบอกว่าเขาพบต้นไม้ใหญ่ที่น่าจะมีหมี พวกเขาวางแผนที่จะก่อไฟที่นั่นในวันรุ่งขึ้นเพื่อรมหมีตัวเมียให้ออกมาในตอนเช้า เมื่อพวกเขาไปถึงต้นไม้ ก็จุดไฟใต้ต้นไม้เพื่อให้ควันพวยพุ่งเข้าไปในโพรง
..แล้วไม่นานหลังจากนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตคล้าย จิ้งจกตัวใหญ่โผล่ออกมา
ในเวลานั้น ทุกคนต่างวิ่งหนีด้วยความตกใจ เนื่องจากจิ้งจกนั้นพยายามไล่จับทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น มันจับได้ทีละคนจนเหลือคนสุดท้าย ที่วิ่งออกห่างมาได้ไกล แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้ เจ้าจิ้งจกนั้นจับตัวไว้และพามาที่ต้นไม้ใหญ่บริเวณใกล้ๆ แต่ตรงนั้นกลับมีเสือกำลังนอนอยู่ เมื่อเสือตื่นขึ้นและเห็นจิ้กจก ก็กระโดดเข้าไปต่อสู้ ทำให้ชายคนสุดท้ายสามารถหนีออกมาได้ และมีเขาคนเดียวที่กลับมาพร้อมข่าวว่ามีจิ้งจกตัวใหญ่ฆ่าทุกคนไปจนหมด
เรื่องราวนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของที่มาของ "มนุษย์กิ้งก่า" (Lizard Man)
เวลาผ่านเลยมาอีกหลายสิบปี เรื่องราวของมนุษย์กิ้งก่ายังคงมีการเล่าขานกันอย่างต่อเนื่อง และในปี ค.ศ. 1988 ตำนานบทใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น..
.
คริสโตเฟอร์ เดวิส ชายหนุ่มวัย 17 ปี กำลังขับรถกลับบ้านช่วงเวลาประมาณตีสอง รถของเขานั้นยางแตกใกล้บึงสเคปออร์ เขาจึงได้ลงไปทำการเปลี่ยนยาง ในขณะนั้น ก็เกิดเสียงประหลาดดังขึ้นจากในความมืด ตัวเขานั้นตกใจกับเสียงนั้น เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบกับร่างประหลาดที่มีความสูง เกินกว่า 2 เมตร มีผิวที่เป็นเกล็ดสีเขียว ดวงตาสีแดงเรืองแสง ที่กำลังพุงเข้าใส่ตัวเขา
ด้วยความกลัว เขารีบกระโดดขึนรถพร้อมเร่งเครื่องขับหนีในทันที แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นกับกระโจนขึ้นมาบนหลังคารถ พร้อมกับข่วนไปทั่ว และพยายามที่จะฉีกประตู แต่เพราะด้วยความเร็ว และการขับส่ายไปส่ายมา ทำให้มันกระเด็นหลุดออกไปได้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาได้ตรวจสภาพรถ และพบว่ามีรอยข่วนลึก และกระจกมองข้างพังยับ..นี่จึงเป็นจุดเริ่มตำนานที่สร้างความหวาดกลัวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง
เมื่อข่าวแพร่กระจายไปทั่วมีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพบกับรอยเท้าขนาด 14 นิ้วที่มีนิ้วเท้าเพียงสามนิ้ว ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าไม่สามารถระบุได้ว่ามันเป็นของสิ่งมีชีวิตชนิดใด อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์หลายคนพยายามหาคำอธิบายทางชีววิทยา โดยระบุว่าอาจเป็นเพียงจระเข้ที่มีรูปร่างผิดปกติหรือสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบ แต่คนในพื้นที่ต่างก็ระบุว่ามันไม่ใช่แค่สัตว์ธรรมดา และยังมีสถานีวิทยุแห่งหนึ่งตั้งรางวัล 1 ล้านดอลลาร์ สำหรับผู้ที่สามารถจับมนุษย์กิ้งก่าได้
มีการออกสำรวจบึงสเคปออร์ พร้อมอุปกรณ์จับภาพความร้อน กล้องอินฟราเรด แต่ในทุกครั้งที่ออกสำรวจกลับพบเพียงเสียงแปลกประหลาดที่ดังก้องออกมาจากป่าทึบ ให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกจับจ้องมองดูอยู่ในความมืด มีบางกลุ่มที่เดินทางเข้ามาสำรวจ และพบกับรอยเท้าประหลาดขนาดใหญ่ หรือแม้แต่เสียงขู่คำรามที่ดังมาจากส่วนลึกของป่า
.
ปัจจุบัน บึงสเคปออร์ยังคงเป็นสถานที่ต้องห้ามในยามค่ำคืน ผู้คนหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่าน และตำนานของมนุษย์กิ้งก่าก็ยังคงถูกกล่าวขานกันในทุกค่ำคืน และถึงแม้ว่าหลายปีผ่านไป ความลึกลับของ Lizard Man นั้นลดลงจนอาจทำให้หลายคนนั้นลืมเลือนไป แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะไม่มีเผ่าพันธุ์ที่ยังไม่ถูกค้นพบ และพวกมันกำลังหลบซ่อนตัวอยู่..
หากมองที่แพนเค้กนั้นเป็นอาหารที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก เพราะผู้คนทั่วโลกนั้นทำแป้งทอดแบนๆ กันมาตั้งแต่ยุคโบราณ ทั้งชาวกรีก ชาวโรมันทำแพนเค้กด้วยแป้งสาลี น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และนมเปรี้ยว ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นอาหารมื้อเช้าของชาวยุโรปและอเมริกา ด้วยการเพิ่มรสชาติอย่งเครื่องเทศ หรือผลไม้ต่างๆ ลงไป
.
แพนเค้กที่อเมริกานั้นมีชื่อเรียกมากมาย เช่น จอห์นนี่เค้ก (johnnycakes), hoecakes, griddle cakes, flapjacks เพราะแพนเค้กนั้นมีชื่อเรียกมากมายเท่ากับจำนวนของชนิดที่ถูกคิดขึ้นมา เช่น เครป ลาตเกส เป็นต้นฯ
วันแพนเค้กอีกวันหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "วันแห่งการสารภาพบาป" (Shrove Day) ในวันฉลองก่อนเทศกาลมหาพรต (Lent) แพนเค้กกลายเป็นวิธีง่ายๆ สำหรับผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกในการรับประทานผลิตภัณฑ์นม และไข่
...
ว่าด้วยแพนเค้ก มาดูแพนเค้กแต่ละประเทศกันว่าจะอดใจกันไหวไหม
1. Crêpes Normande
เครปนอร์มังด์จากฝรั่งเศส เป็นพายแอปเปิ้ลที่อยู่ภายในเครป โดยไส้ของเครปจะทำจากแอปเปิ้ลสดเปรี้ยวๆ ที่ผ่านการอบในเนย น้ำตาล และอบเชย ส่วนเครปจะทำจากแป้ง นม ไข่ น้ำตาล และเกลือเล็กน้อย
2. Jianbing
อาหารเช้ายอดนิยมในประเทศจีน เจี้ยนปิ่งหรือแพนเค้กทอด ที่มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย ทำจากแป้งได้หลายชนิด ราดด้วยไข่ ปรุงรสด้วยซอสต่างๆ ใส่ต้นหอม ผักดอง มัสตาร์ด หัวไขเท้า ผักชี งา หรือเพิ่มกุนเชียงและไก่
3. Kaiserschmarrn
อาหารของจักรพรรดิ ขนมหวานของออสเตรีย แพนเค้กฟูนุ่มราดด้วยคาราเมลบางๆ ใส่แยมแอปเปิล ลูกแพร์ หรือเบอร์รี่ต่างๆ เล่ากันว่า จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 โปรดปรานเมนูนี้จึงตั้งชื่อให้
4. Blini
แพนเค้กรัสเซียแบบดั้งเดิมนี้ทำจากแป้ง ไข่ นม ยีสต์ และเกลือเล็กน้อย และแตกต่างจากแพนเค้กอื่นๆ ตรงที่ใส่ยีสต์ลงไป
5. Jeon
หรือที่เรียกอีกอย่างว่าแพนเค้กเกาหลี เป็นอาหารจานเคียง โดยการคลุกแป้งและไข่ก่อน นำไปทอดในน้ำมัน หรือจะเพิ่มส่วนผสมต่างๆ อย่างเนื้อหั่นบางๆ
6. Poffertjes
แพนเค้กดัตช์ขนาดเล็ก กลม และพองฟู ทำด้วยยีสต์และแป้งบัควีท
.
เพื่อนๆ ชอบแพนเค้กแบบไหนกัน มีร้านอร่อยมาแนะนำกันไหมครับผม
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: wikidates
: cryptidz .fandom
: northamericancryptids
: wikipedia
: tasteatlas
.
LookAt