ในเมืองลอเรนส์ รัฐไอโอวา อัลวิน สเตรท ชายชราวัย 73 อาศัยอยู่กับโรส ลูกสาวของเขาที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพ..
อัลวินสุขภาพไม่สู้ดีนักเดินเหินไปไหนไม่ค่อยสะดวก แพทย์ได้เตือนเขาอยู่เสมอว่าให้เลิกสูบบุหรี่และควรใช้ไม้เท้าในการช่วยเดิน
แต่อัลวินก็ดื้อดึงไม่ค่อยยอมเชื่อฟังคำเตือนดังกล่าวเท่าไรนัก
หลังจากนั้นไม่นาน อัลวินก็ได้รู้ข่าวว่า ไลล์พี่ชายของเขาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
ด้วยความปรารถนาที่จะไปเยี่ยมพี่ชายแต่ไม่สามารถขับรถได้ เนื่องจากสายตาแย่แล้วทำใบขับขี่ไม่ผ่านแน่นอน
อัลวินจึงตัดสินใจวางแผนเดินทาง 240 ไมล์ (390 กม.)ไปยังภูเขาซีออน รัฐวิสคอนซิน
ด้วยเครื่องตัดหญ้าแบบขี่ของเขา ลากด้วยรถพ่วงเดินทางที่เขาทำเองขนาดเล็กไว้ใส่ของต่างๆที่จำเป็น
แน่นอนว่าชาวเมืองต่างเป็นห่วงกับการกระทำที่บ้าระห่ำของเขา
แต่อัลวินไม่สนใจเสียงทัดทานของใครต่อใคร เขายังมุ่งมั่นเดินหน้าต่อ ท่ามกลางปัญหาที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง..
ด้วยความที่เป็นแค่รถตัดหญ้าเคลื่อนที่ได้อย่างมากสุดแค่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมอายุยังเก่าตั้ง 30 ปี
เครื่องไปได้ไม่ไกลนักก็พังทันที อย่างไรก็ตามคุณปู่อัลวินยังไม่ยอมแพ้
เขาไปที่ตัวแทนจำหน่ายของจอห์น เดียร์ ซื้อรถไถหญ้ามือสองซึ่งระบบเกียร์ยังคงสภาพเดิม
และยังเป็นรุ่นเดียวกันกับที่แกเคยมี และเดินทางต่อไป...
ระหว่างทางนั้นอัลวินพบเจอคนมากมายที่ผ่านเข้ามา
ทั้งสาวน้อยที่ตั้งท้องจนต้องหนีออกจากบ้าน ซึ่งอัลวินก็ได้พยายามพูดให้เธอเข้าใจและกลับไปหาครอบครัวอีกครั้ง...
กลุ่มนักปั่นจักรยานที่สนใจในชีวิตที่ผ่านมาของชายชราและให้กำลังใจ..
หญิงสาวที่ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะว่าเธอขับรถชนกวางเกือบไม่ว่าเธอจะพยายามหลีกเลี่ยงพวกมันมากแค่ไหนก็ตาม..
ช่างเครื่องสองพี่น้องที่เอาแต่ทะเลาะกันตลอดเวลา..
รวมถึงทหารผ่านศึกชราที่ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เจ็บปวดเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต่อสู้กับฝ่ายเยอรมัน
The Straight Story เป็นภาพยนตร์แนวโร้ดดราม่าออกฉายในปี 1999 กำกับโดย David Lynch
ตัดต่อและอำนวยการสร้างโดยแมรี สวีนีย์ หุ้นส่วนและผู้ร่วมงานของลินช์มายาวนาน
สร้างจากเรื่องจริงของ Alvin Straight กับเหตุการณ์ในปี 1994
ที่เขาเดินทางข้ามไอโอวาและวิสคอนซินด้วยรถตัดหญ้าเก่าๆ เครื่องนึง
อัลวินเคยเป็นทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อาศัยอยู่กับลูกสาวที่พิการทางสติปัญญา
เมื่อเขาได้ยินว่าพี่ชายที่ห่างเหินของเขาป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในสมอง อัลวินจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเขา
โดยหวังว่าจะได้ทำความเข้าใจกันระหว่างพี่น้องก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
แต่เนื่องจากสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวย ขาก็ไม่ดี ตาก็แทบมองไม่เห็น..
คุณปู่อัลวิน เลยดัดแปลงรถตัดหญ้าเก่าๆ John Deere 110 พ่วงกับตู้เก็บของ ซึ่งทำความเร็วได้เพียงแค่ 8 กม./ชม.เท่านั้น
และออกเดินทางระยะทางจากเมืองลอเรนส์ รัฐไอโอวา ไปยังภูเขาซีออน รัฐวิสคอนซิน รวมแล้วเป็นระยะทางทั้งสิ้น 390 กม.
ริชาร์ด ฟาร์นสเวิร์ธ รับบทอัลวิน สเตรท ชายชราที่ออกเดินทางไกล
ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และเป็นบทบาทสุดท้ายในชีวิตของเขา..
ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง ฟาร์นส์เวิร์ธ กำลังทำการรักษาโรคมะเร็งต่อลูกหมากและอยู่ในภาวะสุดท้ายของมะเร็งกระดูก
ซึ่งขณะที่กำลังถ่ายทำ The Straight Story นั้น ฟาร์นสเวิร์ธเองก็ยังทนทุกข์กับอาการป่วยนี้
ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ต้องการเจ็บปวดอีกต่อไป ในปี 2000 ฟาร์นสเวิร์ธได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง
ด้วยการยิงตัวตายที่ไร่ของเขาในลินคอล์น รัฐนิวเม็กซิโก
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของเดวิด ลินช์ ที่ได้ชื่อว่าไม่มีความเป็นลินช์มากที่สุดแล้วครับ
เพราะสำหรับใครที่เคยดูหนังของแกที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น
Mulholland Drive.. Lost Highway.. Blue Velvet.. Twin Peaks หรือ Inland Empire
ล้วนแล้วแต่เป็นหนังที่มีนัยยะแอบแฝงซุกซ่อนไว้ แทบทุกเรื่องจะออกแนวหม่นหมอง หลอนประสาท
คือดูแล้วคาดเดาทุกอย่างไม่ได้เลย ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่เรากำลังดูอยู่นั้นมันคือความฝันหรือว่าเป็นอะไร
แต่สำหรับ The Straight Story นี่คือการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายและธรรมดาที่สุดครับ
เรื่องราวของชายชราที่ออกเดินทางไกลครั้งสุดท้ายของชีวิตและพบเจอกับสิ่งต่างๆ รอบตัว
ไม่มีลูกเล่นอะไรใดๆทั้งสิ้นที่จะทำให้ผู้ชมอย่างเรางุนงงหรือสงสัยอะไรเลย
ภาพยนตร์เรื่องนี้งดงามมากครับในความรู้สึกของผม การออกเดินทางของชายชราเพื่อตามหาความหมาย..
กับคนที่แทบจะอยู่ในสภาวะกึ่งๆพิการ ลุกออกมาทำอะไรที่น่าเหลือเชื่อ
ทำชีวิตที่เหมือนอยู่ไปวันๆ ให้ตัวเองรู้สึกว่าเรายังมีคุณค่า และนั่นล่ะครับที่ถือเป็นแรงบันดาลใจให้คนดูอย่างเราได้ตระหนักคิดว่า
เราเองจนถึงเวลานี้ได้กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอะไรบ้างหรือยัง การอยู่ในเซฟโซนอาจจะดูเหมือนว่าปลอดภัย
แต่การออกไปเจอกับโลกที่รออยู่นั้นก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
รวมถึงเรื่องราวที่คุณปู่พบเจอในคนทุกๆคนที่ผ่านเข้ามา ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องราวที่สอนตัวเราเองทั้งสิ้น
และทำให้เราได้เข้าใจความหมายและความสำคัญของการมีชีวิตอยู่
แน่นอนที่สุดกับเป้าหมายแรกคือการอยากกลับไปพบกับพี่ชายเพื่อไปเยี่ยมและหวังปรับความเข้าใจกัน ...
ตอนจบของเรื่องคุณปู่อัลวินจะไปถึงจุดหมายหรือไม่นั้นไม่สำคัญ
เพราะว่าคุณปู่ได้ทำสำเร็จไปแล้วในวินาทีที่คิดออกเดินทางล่ะครับ...
ด้วยความระลึกถึง กับ 1 ในผู้กำกับที่ผมชื่นชอบผลงานมากที่สุดคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์
David Lynch 1946-2025
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== The Straight Story (1999) การเดินทางครั้งสุดท้าย..ของชายชรา.. ==
ในเมืองลอเรนส์ รัฐไอโอวา อัลวิน สเตรท ชายชราวัย 73 อาศัยอยู่กับโรส ลูกสาวของเขาที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพ..
อัลวินสุขภาพไม่สู้ดีนักเดินเหินไปไหนไม่ค่อยสะดวก แพทย์ได้เตือนเขาอยู่เสมอว่าให้เลิกสูบบุหรี่และควรใช้ไม้เท้าในการช่วยเดิน
แต่อัลวินก็ดื้อดึงไม่ค่อยยอมเชื่อฟังคำเตือนดังกล่าวเท่าไรนัก
หลังจากนั้นไม่นาน อัลวินก็ได้รู้ข่าวว่า ไลล์พี่ชายของเขาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
ด้วยความปรารถนาที่จะไปเยี่ยมพี่ชายแต่ไม่สามารถขับรถได้ เนื่องจากสายตาแย่แล้วทำใบขับขี่ไม่ผ่านแน่นอน
อัลวินจึงตัดสินใจวางแผนเดินทาง 240 ไมล์ (390 กม.)ไปยังภูเขาซีออน รัฐวิสคอนซิน
ด้วยเครื่องตัดหญ้าแบบขี่ของเขา ลากด้วยรถพ่วงเดินทางที่เขาทำเองขนาดเล็กไว้ใส่ของต่างๆที่จำเป็น
แน่นอนว่าชาวเมืองต่างเป็นห่วงกับการกระทำที่บ้าระห่ำของเขา
แต่อัลวินไม่สนใจเสียงทัดทานของใครต่อใคร เขายังมุ่งมั่นเดินหน้าต่อ ท่ามกลางปัญหาที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง..
ด้วยความที่เป็นแค่รถตัดหญ้าเคลื่อนที่ได้อย่างมากสุดแค่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมอายุยังเก่าตั้ง 30 ปี
เครื่องไปได้ไม่ไกลนักก็พังทันที อย่างไรก็ตามคุณปู่อัลวินยังไม่ยอมแพ้
เขาไปที่ตัวแทนจำหน่ายของจอห์น เดียร์ ซื้อรถไถหญ้ามือสองซึ่งระบบเกียร์ยังคงสภาพเดิม
และยังเป็นรุ่นเดียวกันกับที่แกเคยมี และเดินทางต่อไป...
ระหว่างทางนั้นอัลวินพบเจอคนมากมายที่ผ่านเข้ามา
ทั้งสาวน้อยที่ตั้งท้องจนต้องหนีออกจากบ้าน ซึ่งอัลวินก็ได้พยายามพูดให้เธอเข้าใจและกลับไปหาครอบครัวอีกครั้ง...
กลุ่มนักปั่นจักรยานที่สนใจในชีวิตที่ผ่านมาของชายชราและให้กำลังใจ..
หญิงสาวที่ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะว่าเธอขับรถชนกวางเกือบไม่ว่าเธอจะพยายามหลีกเลี่ยงพวกมันมากแค่ไหนก็ตาม..
ช่างเครื่องสองพี่น้องที่เอาแต่ทะเลาะกันตลอดเวลา..
รวมถึงทหารผ่านศึกชราที่ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เจ็บปวดเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต่อสู้กับฝ่ายเยอรมัน
The Straight Story เป็นภาพยนตร์แนวโร้ดดราม่าออกฉายในปี 1999 กำกับโดย David Lynch
ตัดต่อและอำนวยการสร้างโดยแมรี สวีนีย์ หุ้นส่วนและผู้ร่วมงานของลินช์มายาวนาน
สร้างจากเรื่องจริงของ Alvin Straight กับเหตุการณ์ในปี 1994
ที่เขาเดินทางข้ามไอโอวาและวิสคอนซินด้วยรถตัดหญ้าเก่าๆ เครื่องนึง
อัลวินเคยเป็นทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อาศัยอยู่กับลูกสาวที่พิการทางสติปัญญา
เมื่อเขาได้ยินว่าพี่ชายที่ห่างเหินของเขาป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในสมอง อัลวินจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเขา
โดยหวังว่าจะได้ทำความเข้าใจกันระหว่างพี่น้องก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
แต่เนื่องจากสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวย ขาก็ไม่ดี ตาก็แทบมองไม่เห็น..
คุณปู่อัลวิน เลยดัดแปลงรถตัดหญ้าเก่าๆ John Deere 110 พ่วงกับตู้เก็บของ ซึ่งทำความเร็วได้เพียงแค่ 8 กม./ชม.เท่านั้น
และออกเดินทางระยะทางจากเมืองลอเรนส์ รัฐไอโอวา ไปยังภูเขาซีออน รัฐวิสคอนซิน รวมแล้วเป็นระยะทางทั้งสิ้น 390 กม.
ริชาร์ด ฟาร์นสเวิร์ธ รับบทอัลวิน สเตรท ชายชราที่ออกเดินทางไกล
ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และเป็นบทบาทสุดท้ายในชีวิตของเขา..
ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง ฟาร์นส์เวิร์ธ กำลังทำการรักษาโรคมะเร็งต่อลูกหมากและอยู่ในภาวะสุดท้ายของมะเร็งกระดูก
ซึ่งขณะที่กำลังถ่ายทำ The Straight Story นั้น ฟาร์นสเวิร์ธเองก็ยังทนทุกข์กับอาการป่วยนี้
ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ต้องการเจ็บปวดอีกต่อไป ในปี 2000 ฟาร์นสเวิร์ธได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง
ด้วยการยิงตัวตายที่ไร่ของเขาในลินคอล์น รัฐนิวเม็กซิโก
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของเดวิด ลินช์ ที่ได้ชื่อว่าไม่มีความเป็นลินช์มากที่สุดแล้วครับ
เพราะสำหรับใครที่เคยดูหนังของแกที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น
Mulholland Drive.. Lost Highway.. Blue Velvet.. Twin Peaks หรือ Inland Empire
ล้วนแล้วแต่เป็นหนังที่มีนัยยะแอบแฝงซุกซ่อนไว้ แทบทุกเรื่องจะออกแนวหม่นหมอง หลอนประสาท
คือดูแล้วคาดเดาทุกอย่างไม่ได้เลย ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่เรากำลังดูอยู่นั้นมันคือความฝันหรือว่าเป็นอะไร
แต่สำหรับ The Straight Story นี่คือการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายและธรรมดาที่สุดครับ
เรื่องราวของชายชราที่ออกเดินทางไกลครั้งสุดท้ายของชีวิตและพบเจอกับสิ่งต่างๆ รอบตัว
ไม่มีลูกเล่นอะไรใดๆทั้งสิ้นที่จะทำให้ผู้ชมอย่างเรางุนงงหรือสงสัยอะไรเลย
ภาพยนตร์เรื่องนี้งดงามมากครับในความรู้สึกของผม การออกเดินทางของชายชราเพื่อตามหาความหมาย..
กับคนที่แทบจะอยู่ในสภาวะกึ่งๆพิการ ลุกออกมาทำอะไรที่น่าเหลือเชื่อ
ทำชีวิตที่เหมือนอยู่ไปวันๆ ให้ตัวเองรู้สึกว่าเรายังมีคุณค่า และนั่นล่ะครับที่ถือเป็นแรงบันดาลใจให้คนดูอย่างเราได้ตระหนักคิดว่า
เราเองจนถึงเวลานี้ได้กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอะไรบ้างหรือยัง การอยู่ในเซฟโซนอาจจะดูเหมือนว่าปลอดภัย
แต่การออกไปเจอกับโลกที่รออยู่นั้นก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
รวมถึงเรื่องราวที่คุณปู่พบเจอในคนทุกๆคนที่ผ่านเข้ามา ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องราวที่สอนตัวเราเองทั้งสิ้น
และทำให้เราได้เข้าใจความหมายและความสำคัญของการมีชีวิตอยู่
แน่นอนที่สุดกับเป้าหมายแรกคือการอยากกลับไปพบกับพี่ชายเพื่อไปเยี่ยมและหวังปรับความเข้าใจกัน ...
ตอนจบของเรื่องคุณปู่อัลวินจะไปถึงจุดหมายหรือไม่นั้นไม่สำคัญ
เพราะว่าคุณปู่ได้ทำสำเร็จไปแล้วในวินาทีที่คิดออกเดินทางล่ะครับ...
ด้วยความระลึกถึง กับ 1 ในผู้กำกับที่ผมชื่นชอบผลงานมากที่สุดคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์
David Lynch 1946-2025
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===