๓
จิต
เราจะช่วย
คนที่ชอบ
มีจิตปรามาส
หรือแม้แต่ด่าพระรัตนตรัยยังไงได้บ้างฮะ
บางคนปฏิบัติธรรมแต่ทุบตีพ่อแม่ ยังบรรลุโสดาบันได้อีกไหมฮะ เผื่อพอช่วยเขาได้ฮะ
เคยเจอบางคน
ด่าพระรัตนตรัย
แต่ก็เคยปฏิบัติแล้ว
แต่ก็ยังอยากด่า ไม่รู้ด่าทำไม ด่าแล้วยิ่งชอบใจ แล้วก็ด่าอีก
หมวดที่ ๔ [๖๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ ๓ รูป คือ รูปหนึ่งเป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อการทะเลาะ ก่อการวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ รูปหนึ่งเป็นพาล ไม่ฉลาด มีอาบัติมาก มี มรรยาทไม่สมควร รูปหนึ่งคลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการ คลุกคลีอันไม่สมควร ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ ๓ รูปนี้แล ฯ หมวดที่ ๕ [๖๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ ๓ รูป แม้ อื่นอีก คือ รูปหนึ่งเป็นผู้มีศีลวิบัติในอธิศีล รูปหนึ่งเป็นผู้มี อาจารวิบัติในอัธยาจาร รูปหนึ่งเป็นผู้มี ทิฐิวิบัติในอติทิฐิ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ ๓ รูปนี้แล ฯ หมวดที่ ๖ [๖๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ ภิกษุ ๓ รูป แม้ อื่นอีก คือ รูปหนึ่งกล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า รูปหนึ่งกล่าวติเตียน พระธรรม รูปหนึ่งกล่าวติเตียน พระสงฆ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุ ๓ รูป นี้แล ฯ ข้อที่สงฆ์จำนง ๖ หมวด จบ ____________ วัตร ๑๘ ข้อ [๖๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่ถูกสงฆ์ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแล้วนั้น ต้องประพฤติ ชอบ วิธีประพฤติชอบในตัสสปาปิยสิกากรรมนั้น ดังต่อไปนี้:- ๑. ไม่พึงให้อุปสมบท ๒. ไม่พึงให้นิสัย ๓. ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก ๔. ไม่พึงรับสมมติเป็นผู้สั่งสอนภิกษุณี
วิปัส
จิต
เราจะช่วย
คนที่ชอบ
มีจิตปรามาส
หรือแม้แต่ด่าพระรัตนตรัยยังไงได้บ้างฮะ
บางคนปฏิบัติธรรมแต่ทุบตีพ่อแม่ ยังบรรลุโสดาบันได้อีกไหมฮะ เผื่อพอช่วยเขาได้ฮะ
เคยเจอบางคน
ด่าพระรัตนตรัย
แต่ก็เคยปฏิบัติแล้ว
แต่ก็ยังอยากด่า ไม่รู้ด่าทำไม ด่าแล้วยิ่งชอบใจ แล้วก็ด่าอีก
หมวดที่ ๔ [๖๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ ๓ รูป คือ รูปหนึ่งเป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อการทะเลาะ ก่อการวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ รูปหนึ่งเป็นพาล ไม่ฉลาด มีอาบัติมาก มี มรรยาทไม่สมควร รูปหนึ่งคลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการ คลุกคลีอันไม่สมควร ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ ๓ รูปนี้แล ฯ หมวดที่ ๕ [๖๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ ๓ รูป แม้ อื่นอีก คือ รูปหนึ่งเป็นผู้มีศีลวิบัติในอธิศีล รูปหนึ่งเป็นผู้มี อาจารวิบัติในอัธยาจาร รูปหนึ่งเป็นผู้มี ทิฐิวิบัติในอติทิฐิ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ ๓ รูปนี้แล ฯ หมวดที่ ๖ [๖๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ ภิกษุ ๓ รูป แม้ อื่นอีก คือ รูปหนึ่งกล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า รูปหนึ่งกล่าวติเตียน พระธรรม รูปหนึ่งกล่าวติเตียน พระสงฆ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์จำนงพึงทำตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุ ๓ รูป นี้แล ฯ ข้อที่สงฆ์จำนง ๖ หมวด จบ ____________ วัตร ๑๘ ข้อ [๖๒๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่ถูกสงฆ์ทำตัสสปาปิยสิกากรรมแล้วนั้น ต้องประพฤติ ชอบ วิธีประพฤติชอบในตัสสปาปิยสิกากรรมนั้น ดังต่อไปนี้:- ๑. ไม่พึงให้อุปสมบท ๒. ไม่พึงให้นิสัย ๓. ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก ๔. ไม่พึงรับสมมติเป็นผู้สั่งสอนภิกษุณี