6 CEO หุ้นบิ๊กแคปเกินหมื่นล้าน เปย์ปันผลสูงมากกว่า 5% ต่อเนื่อง 5 ปี
หุ้น PSH ปี 67 จ่ายปันผลสูงสุด 12.15% ตามมาด้วย LH จ่ายปันผลที่ 9.90%
ในภาวะตลาดผันผวนหนัก "หุ้นปันผลสูง" จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักลงทุนหลายคนชื่นชอบ โดยเฉพาะคนที่อยากถือหุ้นลงทุนยาวๆ สร้างกระแสเงินสดกลับมาสม่ำเสมอ หุ้นกลุ่มนี้ยิ่งดูน่าสนใจ
ฉะนั้นแล้ว การเลือกหุ้นปันผล ควรจะคำนึงถึงว่าบริษัทจดทะเบียนนั้นๆ ที่มีการจ่ายเงินปันผลเป็นการตอบแทนให้กับนักลงทุนระหว่างการถือหุ้นนั้นในสัดส่วนเท่าไร และต่อเนื่องหรือไม่
โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า หลักทรัพย์ที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนมากกว่า 5% ขึ้นไป ตลอดระยะเวลา 5 ปี ติดต่อกัน มี 39 หลักทรัพย์ และเป็นบริษัทจดทะเบียน 24 หลักทรัพย์ และถ้าโฟกัสลงไปยังบริษัที่มีมาร์เก็ตแคปสูงเกิน 1 หมื่นล้านบาท พบว่ามีเพียง 6 หลักทรัพย์เท่านั้น (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 22 ม.ค.68)
1.บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO
ประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินทิสโก้ โดยมีธนาคารทิสโก้เป็นหลัก ซึ่งได้รับอนุมัติให้เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ปัจจุบันให้บริการทางด้านการเงินอันประกอบด้วย บริการสินเชื่อลูกค้ารายย่อยและสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริการสินเชื่อพาณิชย์ธนกิจ บริการเงินฝากรายย่อย บริการลูกค้าธนบดีธนกิจ บริการตัวแทนขายประกันผ่านธนาคาร บริการจัดการการเงิน และบริการคัสโตเดียน
ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
มาร์เก็ตแคป 79,263.92 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 7.87%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.77%
ปันผลปี 2565 ที่ 7.20%
ปันผลปี 2564 ที่ 6.56%
ปันผลปี 2563 ที่ 8.76%
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า คาดกำไรปี 2568 ลดลง 8% โดยอิงกับ credit cost ที่เพิ่มขึ้น 51 bps การเติบโตของสินเชื่อที่ 2% NIM ที่เพิ่มขึ้น 12 bps non-NII ที่เพิ่มขึ้น 1% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง 167 bps แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังคงน่าสนใจ แม้กำไรลดลง แต่เราคาดว่า TISCO จะยังคงจ่ายเงินปันผลที่ 7.7 บาท/หุ้น เงินปันผลระหว่างกาล 2 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลระดับสูงที่ 7.8%
ทั้งนี่ คงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ TISCO โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 103 บาท มาอยู่ที่ 100 บาท อ้างอิง PBV ปี 2568 ที่ 1.85 เท่า เนื่องจากเราปรับประมาณการ credit cost ปี 2568 เพิ่มขึ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง รวมถึงราคารถมือสองลดลง และความเสี่ยง ESG ด้านการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct) และความปลอดภัยทางไซเบอร์
2.บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH
ประกอบกิจการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุดพักอาศัยที่มีคุณภาพ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามระดับความต้องการของลูกค้าในแต่ละระดับราคาที่แตกต่างกันไป โดยเน้นการพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และโครงการตามจังหวัดใหญ่ๆ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา และภูเก็ต
วัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH)
มาร์เก็ตแคป 58,553.59 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 9.90%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.36%
ปันผลปี 2565 ที่ 5.05%
ปันผลปี 2564 ที่ 5.68%
ปันผลปี 2563 ที่ 8.81%
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า ในปี 2568 LH วางแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่เพียง 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.11 หมื่นล้านบาท ตํ่าสุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากนโยบายปี 2568 บริษัทจะมุ่งเน้นขายสินค้าคงเหลือและสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น LH จึงตั้งเป้า presales เติบโต 23% โดยได้แรงหนุนจากสินค้าคงเหลือ 90% และโครงการใหม่ 10%
นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนขายสินทรัพย์ในสหรัฐฯ 3 แห่ง และการเปิดโรงแรม Grand Centre Point ใหม่ 1 แห่งในประเทศไทยจะช่วยสนับสนุนรายได้ส่วนธุรกิจเช่า ในมุมมองของเรา ระดับสินค้าคงเหลือที่ลดลงจะช่วยหนุนให้ LH มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่ากําไรครึ่งปีหลังของปี 2568 จะแข็งแกร่งกว่าครึ่งปีแรกของปี 2568 เราคงคําแนะนํา NEUTRAL สําหรับ LH โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 6.60 บาท/หุ้น อ้างอิง ระดับ +0.5SD PE ที่ 14.6 เท่า และคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลส่วนที่เหลือที่ 0.19 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4%
3.บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) TCAP
ดำเนินธุรกิจลงทุนและเป็นบริษัทแม่ (Holding Company) ของกลุ่มธนชาต ที่ดำเนินธุรกิจทางการเงินที่หลากหลาย ประกอบด้วยธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจประกันภัย/ประกันชีวิต ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจการให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และธุรกิจการลงทุน
สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทุนธนชาต
มาร์เก็ตแคป 53,216.65 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 6.34%
ปันผลปี 2566 ที่ 6.26%
ปันผลปี 2565 ที่ 7.06%
ปันผลปี 2564 ที่ 7.95%
ปันผลปี 2563 ที่ 21.68%
บล.บัวหลวง ระบุว่า TCAP แนวโน้มผลการดำเนินงานจะยังดีต่อเนื่องในปี 2568 โดยฝ่ายวิจัยคาด TTB ยังเน้นควบคุมคุณภาพสินทรัพย์เป็นหลัก และเน้นเติบโตในธุรกิจที่มีกำไรคุ้มค่ากับความเสี่ยง สำหรับธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมของ MBK จะเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 จากแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและการปรับเพิ่มค่าเช่าและโรงแรม
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่าผลการดำเนินงานของ THANI จะฟื้นตัวในปี 2568 จากแนวโน้มการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ของ THANI
4.บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) TASCO
ปัจจุบันบริษัทฯ บริษัทย่อย กิจการร่วมค้า และ บริษัทร่วม เป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยสำหรับนำไปใช้ในการก่อสร้างถนน และซ่อมบำรุงผิวการจราจร ทางยกระดับ ผิวทางวิ่งขึ้นลง ของสนามบิน ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังผู้นำเข้าและผู้รับเหมาก่อสร้างและซ่อมบำรุงถนนในทวีปแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ
ชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์
มาร์เก็ตแคป 29,041.85 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 6.91%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.62%
ปันผลปี 2565 ที่ 6.21%
ปันผลปี 2564 ที่ 8.84%
ปันผลปี 2563 ที่ 8.56%
บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า ธุรกิจยางมะตอยในประเทศกําลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นอีกครั้งในไตรมาสที่ 1 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 2 จากการเบิกจ่ายงบลงทุนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเป็น 2 หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเรื่องการซ่อมแซมและก่อสร้างถนนของประเทศ
โดยปี 2568 กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ได้รับจัดสรรงบลงทุนรวม 170,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%YoY และปกติแล้วการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐในช่วงกลางเทอมรัฐบาล มักมีความต่อเนื่องมากกว่าช่วงเริ่มต้นและปลายรัฐบาล ทําให้ปริมาณการขายยางมะตอยในปีนี้ของ TASCO น่าจะมีความผันผวนน้อยกว่าปีก่อน
สําหรับ Feedstock ที่จะใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยางมะตอย ล่าสุด TASCO มีการนําเข้า Crude ประมาณ 9 แสนบาร์เรลเข้ามาในเดือน พ.ย 67 ทําให้มีวัตถุดิบเพียงพอรองรับการผลิตได้ถึงช่วงกลางปี 2568 และมีแผนจะซื้อ Feedstock ทั้ง Crude และ Residue เข้ามาในปีนี้อีก 3 Shipment
โดยการเข้ารับตําแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งของนาย โดนัลล์ ทรัมป์ที่มีนโยบายส่งเสริมเชื้อเพลิงฟอสซิล และต้องการที่จะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนโดยเร็ว น่าจะทําให้อุปทานน้ํามันโลกเพิ่มขึ้นและทําให้ทิศทางราคาน้ํามันในปีนี้ปรับตัวลดลง ถือเป็นปัจจัยบวกต่อ TASCO ที่จะมีโอกาสซื้อ Feedstock เข้ามาได้ง่ายขึ้นเพิ่มน้ําหนักลงทุนเป็น Outperform
ทั้งนี้ มุมมองทางธุรกิจที่เป็นบวกในปี 2568 ทั้งเรื่องปริมาณการขายยางมะตอยและโอกาสการหา Feedstock ฝ่ายวิจัยเพิ่มน้ำหนักจาก Neutral เป็น Outperform ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 21.00 บาท
5.บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) TPIPP
ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง และโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้งหมดตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ (NGV)
ภากร เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์
มาร์เก็ตแคป 24,696.00 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 8.11%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.06%
ปันผลปี 2565 ที่ 7.35%
ปันผลปี 2564 ที่ 6.49%
ปันผลปี 2563 ที่ 9.35%
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ปี 2568 คาดกำไรปกติอ่อนแอลง YoY เนื่องจากสัญญาค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) ของโรงไฟฟ้าTG4 และTG6 จำนวน 90 MW จะสิ้นสุดลงในเดือน เม.ย.2568 เป็นต้นไป ดังนั้นคงคำแนะนำเพียง TRADING ราคาเหมาะสมณสิ้นปี 2568 ที่ 3.20 บาท อ้างอิงวิธี Implied Dividend Yield ที่ 5.0% นอกจากนี้ ถูกปรับลดประมาณการปี 2567–2568 ขณะที่ระยะกลางหุ้นมีความท้าทายจากการสิ้นสุด Adder ซึ่งทิศทางผลประกอบการที่อ่อนแอลงจะเป็นปัจจัยกดดันการจ่ายเงินปันผล คาด DPS ปี2568 อยู่ที่0.16 บาท/หุ้น ลดลงจากปี 2567 ที่คาดไว้ 0.22 บาท/หุ้น อ้างอิง Payout Ratio ที่ 50% เท่ากับPayout Policy
6.บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) PSH
ดำเนินธุรกิจในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้ง โดยมีรายได้หลักจากการถือหุ้นในบริษัทอื่น โดยมีธุรกิจหลัก 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และธุรกิจดูแลสุขภาพ
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง
มาร์เก็ตแคป 14,772.41 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 12.15%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.93%
ปันผลปี 2565 ที่ 7.27%
ปันผลปี 2564 ที่ 7.38%
ปันผลปี 2563 ที่ 12.40%
ล่าสุด PSH ประกาศแต่งตั้ง นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท แทน ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ซึ่งเกษียณอายุครบ 72 ปี ตามข้อกำหนดในกฎบัตรคณะกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติแต่งตั้ง นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ ให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระ และ ประธานคณะกรรมการลงทุน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เช่นกัน
Cr.
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1163495
เปิดผลสำรวจ 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่ อายุ 22-35 ปี จำนวน 12,559 คน อยากทำงานด้วยมากที่สุด ปี 2568
“กูเกิล ประเทศไทย” เต็งหนึ่ง ครองแชมป์ติดต่อกัน 5 ปีซ้อน การจะเป็นองค์กรที่ชนะใจวัยทำงานได้ในปีนี้ ต้องมีการสร้างแบรนด์ผ่านพื้นที่สื่อ ใช้เอไอ และใส่ใจต่อสังคม
Top 50 Companies in Thailand เป็นการสำรวจที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากองค์กรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศว่ามีความน่าเชื่อถือที่สุด การมอบรางวัลนี้ยังถือเป็นการยกย่ององค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมในการสร้างประสบการณ์และสภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าร่วมงานด้วยที่สุด
นายเย็นส์ โพลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คเวนเจอร์ เทคโนโลจีส์ จำกัด กล่าวว่า Top 50 Companies in Thailand จัดทำขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกผ่านการสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ของกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ โดยให้มีการระบุองค์กรที่มีความโดดเด่นด้านแบรนด์นายจ้าง และได้รับการจดจำในฐานะองค์กรอันดับต้น (Top-of-Mind) รวมทั้งปัจจัยที่ช่วยดึงดูดและสร้างความพึงพอใจให้กับคนรุ่นใหม่
ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างกว่า 12,559 คน อายุ 22-35 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยไม่จำกัดเพศของผู้ตอบแบบสำรวจ สำรวจเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม ปี 2567
อ่านต่อที่
https://www.prachachat.net/sd-plus/sdplus-hr/news-1741545
6 CEO หุ้นบิ๊กแคปเกินหมื่นล้าน เปย์ปันผลสูงมากกว่า 5% ต่อเนื่อง 5 ปี และ เปิด 50 อันดับ บริษัทในฝันของคนรุ่นใหม่’68
หุ้น PSH ปี 67 จ่ายปันผลสูงสุด 12.15% ตามมาด้วย LH จ่ายปันผลที่ 9.90%
ในภาวะตลาดผันผวนหนัก "หุ้นปันผลสูง" จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักลงทุนหลายคนชื่นชอบ โดยเฉพาะคนที่อยากถือหุ้นลงทุนยาวๆ สร้างกระแสเงินสดกลับมาสม่ำเสมอ หุ้นกลุ่มนี้ยิ่งดูน่าสนใจ
ฉะนั้นแล้ว การเลือกหุ้นปันผล ควรจะคำนึงถึงว่าบริษัทจดทะเบียนนั้นๆ ที่มีการจ่ายเงินปันผลเป็นการตอบแทนให้กับนักลงทุนระหว่างการถือหุ้นนั้นในสัดส่วนเท่าไร และต่อเนื่องหรือไม่
โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า หลักทรัพย์ที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนมากกว่า 5% ขึ้นไป ตลอดระยะเวลา 5 ปี ติดต่อกัน มี 39 หลักทรัพย์ และเป็นบริษัทจดทะเบียน 24 หลักทรัพย์ และถ้าโฟกัสลงไปยังบริษัที่มีมาร์เก็ตแคปสูงเกิน 1 หมื่นล้านบาท พบว่ามีเพียง 6 หลักทรัพย์เท่านั้น (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 22 ม.ค.68)
1.บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO
ประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินทิสโก้ โดยมีธนาคารทิสโก้เป็นหลัก ซึ่งได้รับอนุมัติให้เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ปัจจุบันให้บริการทางด้านการเงินอันประกอบด้วย บริการสินเชื่อลูกค้ารายย่อยและสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริการสินเชื่อพาณิชย์ธนกิจ บริการเงินฝากรายย่อย บริการลูกค้าธนบดีธนกิจ บริการตัวแทนขายประกันผ่านธนาคาร บริการจัดการการเงิน และบริการคัสโตเดียน
ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
มาร์เก็ตแคป 79,263.92 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 7.87%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.77%
ปันผลปี 2565 ที่ 7.20%
ปันผลปี 2564 ที่ 6.56%
ปันผลปี 2563 ที่ 8.76%
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า คาดกำไรปี 2568 ลดลง 8% โดยอิงกับ credit cost ที่เพิ่มขึ้น 51 bps การเติบโตของสินเชื่อที่ 2% NIM ที่เพิ่มขึ้น 12 bps non-NII ที่เพิ่มขึ้น 1% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง 167 bps แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังคงน่าสนใจ แม้กำไรลดลง แต่เราคาดว่า TISCO จะยังคงจ่ายเงินปันผลที่ 7.7 บาท/หุ้น เงินปันผลระหว่างกาล 2 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลระดับสูงที่ 7.8%
ทั้งนี่ คงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ TISCO โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 103 บาท มาอยู่ที่ 100 บาท อ้างอิง PBV ปี 2568 ที่ 1.85 เท่า เนื่องจากเราปรับประมาณการ credit cost ปี 2568 เพิ่มขึ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง รวมถึงราคารถมือสองลดลง และความเสี่ยง ESG ด้านการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct) และความปลอดภัยทางไซเบอร์
2.บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH
ประกอบกิจการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุดพักอาศัยที่มีคุณภาพ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามระดับความต้องการของลูกค้าในแต่ละระดับราคาที่แตกต่างกันไป โดยเน้นการพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และโครงการตามจังหวัดใหญ่ๆ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา และภูเก็ต
วัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH)
มาร์เก็ตแคป 58,553.59 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 9.90%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.36%
ปันผลปี 2565 ที่ 5.05%
ปันผลปี 2564 ที่ 5.68%
ปันผลปี 2563 ที่ 8.81%
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า ในปี 2568 LH วางแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่เพียง 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.11 หมื่นล้านบาท ตํ่าสุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากนโยบายปี 2568 บริษัทจะมุ่งเน้นขายสินค้าคงเหลือและสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น LH จึงตั้งเป้า presales เติบโต 23% โดยได้แรงหนุนจากสินค้าคงเหลือ 90% และโครงการใหม่ 10%
นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนขายสินทรัพย์ในสหรัฐฯ 3 แห่ง และการเปิดโรงแรม Grand Centre Point ใหม่ 1 แห่งในประเทศไทยจะช่วยสนับสนุนรายได้ส่วนธุรกิจเช่า ในมุมมองของเรา ระดับสินค้าคงเหลือที่ลดลงจะช่วยหนุนให้ LH มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่ากําไรครึ่งปีหลังของปี 2568 จะแข็งแกร่งกว่าครึ่งปีแรกของปี 2568 เราคงคําแนะนํา NEUTRAL สําหรับ LH โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 6.60 บาท/หุ้น อ้างอิง ระดับ +0.5SD PE ที่ 14.6 เท่า และคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลส่วนที่เหลือที่ 0.19 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4%
3.บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) TCAP
ดำเนินธุรกิจลงทุนและเป็นบริษัทแม่ (Holding Company) ของกลุ่มธนชาต ที่ดำเนินธุรกิจทางการเงินที่หลากหลาย ประกอบด้วยธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจประกันภัย/ประกันชีวิต ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจการให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และธุรกิจการลงทุน
สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทุนธนชาต
มาร์เก็ตแคป 53,216.65 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 6.34%
ปันผลปี 2566 ที่ 6.26%
ปันผลปี 2565 ที่ 7.06%
ปันผลปี 2564 ที่ 7.95%
ปันผลปี 2563 ที่ 21.68%
บล.บัวหลวง ระบุว่า TCAP แนวโน้มผลการดำเนินงานจะยังดีต่อเนื่องในปี 2568 โดยฝ่ายวิจัยคาด TTB ยังเน้นควบคุมคุณภาพสินทรัพย์เป็นหลัก และเน้นเติบโตในธุรกิจที่มีกำไรคุ้มค่ากับความเสี่ยง สำหรับธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมของ MBK จะเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 จากแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและการปรับเพิ่มค่าเช่าและโรงแรม
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่าผลการดำเนินงานของ THANI จะฟื้นตัวในปี 2568 จากแนวโน้มการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ของ THANI
4.บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) TASCO
ปัจจุบันบริษัทฯ บริษัทย่อย กิจการร่วมค้า และ บริษัทร่วม เป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยสำหรับนำไปใช้ในการก่อสร้างถนน และซ่อมบำรุงผิวการจราจร ทางยกระดับ ผิวทางวิ่งขึ้นลง ของสนามบิน ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังผู้นำเข้าและผู้รับเหมาก่อสร้างและซ่อมบำรุงถนนในทวีปแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ
ชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์
มาร์เก็ตแคป 29,041.85 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 6.91%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.62%
ปันผลปี 2565 ที่ 6.21%
ปันผลปี 2564 ที่ 8.84%
ปันผลปี 2563 ที่ 8.56%
บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า ธุรกิจยางมะตอยในประเทศกําลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นอีกครั้งในไตรมาสที่ 1 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 2 จากการเบิกจ่ายงบลงทุนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเป็น 2 หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเรื่องการซ่อมแซมและก่อสร้างถนนของประเทศ
โดยปี 2568 กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ได้รับจัดสรรงบลงทุนรวม 170,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%YoY และปกติแล้วการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐในช่วงกลางเทอมรัฐบาล มักมีความต่อเนื่องมากกว่าช่วงเริ่มต้นและปลายรัฐบาล ทําให้ปริมาณการขายยางมะตอยในปีนี้ของ TASCO น่าจะมีความผันผวนน้อยกว่าปีก่อน
สําหรับ Feedstock ที่จะใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยางมะตอย ล่าสุด TASCO มีการนําเข้า Crude ประมาณ 9 แสนบาร์เรลเข้ามาในเดือน พ.ย 67 ทําให้มีวัตถุดิบเพียงพอรองรับการผลิตได้ถึงช่วงกลางปี 2568 และมีแผนจะซื้อ Feedstock ทั้ง Crude และ Residue เข้ามาในปีนี้อีก 3 Shipment
โดยการเข้ารับตําแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งของนาย โดนัลล์ ทรัมป์ที่มีนโยบายส่งเสริมเชื้อเพลิงฟอสซิล และต้องการที่จะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนโดยเร็ว น่าจะทําให้อุปทานน้ํามันโลกเพิ่มขึ้นและทําให้ทิศทางราคาน้ํามันในปีนี้ปรับตัวลดลง ถือเป็นปัจจัยบวกต่อ TASCO ที่จะมีโอกาสซื้อ Feedstock เข้ามาได้ง่ายขึ้นเพิ่มน้ําหนักลงทุนเป็น Outperform
ทั้งนี้ มุมมองทางธุรกิจที่เป็นบวกในปี 2568 ทั้งเรื่องปริมาณการขายยางมะตอยและโอกาสการหา Feedstock ฝ่ายวิจัยเพิ่มน้ำหนักจาก Neutral เป็น Outperform ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 21.00 บาท
5.บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) TPIPP
ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง และโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้งหมดตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และประกอบธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ (NGV)
ภากร เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์
มาร์เก็ตแคป 24,696.00 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 8.11%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.06%
ปันผลปี 2565 ที่ 7.35%
ปันผลปี 2564 ที่ 6.49%
ปันผลปี 2563 ที่ 9.35%
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ปี 2568 คาดกำไรปกติอ่อนแอลง YoY เนื่องจากสัญญาค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) ของโรงไฟฟ้าTG4 และTG6 จำนวน 90 MW จะสิ้นสุดลงในเดือน เม.ย.2568 เป็นต้นไป ดังนั้นคงคำแนะนำเพียง TRADING ราคาเหมาะสมณสิ้นปี 2568 ที่ 3.20 บาท อ้างอิงวิธี Implied Dividend Yield ที่ 5.0% นอกจากนี้ ถูกปรับลดประมาณการปี 2567–2568 ขณะที่ระยะกลางหุ้นมีความท้าทายจากการสิ้นสุด Adder ซึ่งทิศทางผลประกอบการที่อ่อนแอลงจะเป็นปัจจัยกดดันการจ่ายเงินปันผล คาด DPS ปี2568 อยู่ที่0.16 บาท/หุ้น ลดลงจากปี 2567 ที่คาดไว้ 0.22 บาท/หุ้น อ้างอิง Payout Ratio ที่ 50% เท่ากับPayout Policy
6.บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) PSH
ดำเนินธุรกิจในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้ง โดยมีรายได้หลักจากการถือหุ้นในบริษัทอื่น โดยมีธุรกิจหลัก 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และธุรกิจดูแลสุขภาพ
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง
มาร์เก็ตแคป 14,772.41 ล้านบาท
ปันผลปี 2567 ที่ 12.15%
ปันผลปี 2566 ที่ 7.93%
ปันผลปี 2565 ที่ 7.27%
ปันผลปี 2564 ที่ 7.38%
ปันผลปี 2563 ที่ 12.40%
ล่าสุด PSH ประกาศแต่งตั้ง นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท แทน ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ซึ่งเกษียณอายุครบ 72 ปี ตามข้อกำหนดในกฎบัตรคณะกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติแต่งตั้ง นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ ให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระ และ ประธานคณะกรรมการลงทุน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เช่นกัน
Cr. https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1163495
เปิดผลสำรวจ 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่ อายุ 22-35 ปี จำนวน 12,559 คน อยากทำงานด้วยมากที่สุด ปี 2568
“กูเกิล ประเทศไทย” เต็งหนึ่ง ครองแชมป์ติดต่อกัน 5 ปีซ้อน การจะเป็นองค์กรที่ชนะใจวัยทำงานได้ในปีนี้ ต้องมีการสร้างแบรนด์ผ่านพื้นที่สื่อ ใช้เอไอ และใส่ใจต่อสังคม
Top 50 Companies in Thailand เป็นการสำรวจที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากองค์กรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศว่ามีความน่าเชื่อถือที่สุด การมอบรางวัลนี้ยังถือเป็นการยกย่ององค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมในการสร้างประสบการณ์และสภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าร่วมงานด้วยที่สุด
นายเย็นส์ โพลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คเวนเจอร์ เทคโนโลจีส์ จำกัด กล่าวว่า Top 50 Companies in Thailand จัดทำขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกผ่านการสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ของกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ โดยให้มีการระบุองค์กรที่มีความโดดเด่นด้านแบรนด์นายจ้าง และได้รับการจดจำในฐานะองค์กรอันดับต้น (Top-of-Mind) รวมทั้งปัจจัยที่ช่วยดึงดูดและสร้างความพึงพอใจให้กับคนรุ่นใหม่
ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างกว่า 12,559 คน อายุ 22-35 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยไม่จำกัดเพศของผู้ตอบแบบสำรวจ สำรวจเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม ปี 2567
อ่านต่อที่ https://www.prachachat.net/sd-plus/sdplus-hr/news-1741545