.
.
เรือบินดับเพลิงกำลังทิ้งน้ำทะเล
ลงบนไฟป่าในลอสแองเจลิส
Brian van der Brug / Los Angeles Times
via Getty Images
.
.
ในเดือนมกราคม 2025
นักดับเพลิงที่ต่อสู้กับไฟป่า
ที่โหมกระหน่ำในพื้นที่ลอสแองเจลิส
ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืด
ดังนั้น เมื่อลมสงบเพียงพอ
นักบินผู้ชำนาญการ
ใช้เรือบิน
Super Scoopers
จะตักน้ำทะเลครั้งละ 1,500 แกลลอน
เททิ้งลงบนไฟป่าด้วยความแม่นยำสูง
(เรือบิน
Supertanker
จะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ตักน้ำได้ 19,600 แกลอน)
.
.
.
See inside a Super Scooper
fighting wildfires in California
.
.
.
การใช้น้ำทะเลดับไฟ
อาจดูเหมือนเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่าย
เพราะมหาสมุทรแปซิฟิก
จะมีน้ำสำรองอยู่มหาศาล
ในกรณีฉุกเฉิน เช่น
ที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้กำลังเผชิญอยู่
มักเป็นวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็วเพียงวิธีเดียว
แม้ว่าวิธีนี้มีความเสี่ยงท่ามกลางคลื่นทะเล
แต่น้ำทะเลก็มีข้อเสีย
น้ำเค็มกัดกร่อนอุปกรณ์ดับเพลิง
และอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศ
โดยเฉพาะระบบนิเวศ เช่น
Chaparral shrublands
รอบ ๆ ลอสแองเจลิส
ซึ่งโดยปกติจะไม่สัมผัสกับน้ำทะเล
ชาวสวนทราบดีว่าเกลือปริมาณเล็กน้อย
ซึ่งเติมลงไป เช่น ปุ๋ย ไม่เป็นอันตรายต่อพืช
แต่เกลือมากเกินไป
อาจทำให้พืชเครียดและตายได้
(สวนมะพร้าว สวนยางพาราในอดีต
นิยมโรยเกลือลงในดินเล็กน้อย
นัยว่าช่วยเร่งผลลผลิตได้)
.
.
.
.
.
แม้ว่าผลที่ตามมาจาก
การเติมน้ำทะเลลงในระบบนิเวศ
จะยังไม่เป็นที่เข้าใจดีนัก
แต่การรับทราบข้อมูลเชิงลึก
เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้
โดยพิจารณาผลกระทบ
ของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
การทดลองน้ำทะเลในป่าชายฝั่ง
ในฐานะนักนิเวศวิทยาระบบนิเวศ
ที่ศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อมสมิธโซเนียน
เป็นผู้นำการทดลองใหม่ที่เรียกว่า
TEMPEST
ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำความเข้าใจว่า
ป่าชายฝั่งที่ปราศจากเกลือในอดีต
จะตอบสนองต่อการสัมผัสกับน้ำทะเล
เป็นครั้งแรก จะเป็นอย่างไร
และเพราะเหตุใด จึงมีผลกระทบตามมา
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นโดยเฉลี่ยทั่วโลก
ประมาณ 8 นิ้วในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
และน้ำทะเลได้ผลักดันน้ำเค็มเข้าไปใน
ป่า ฟาร์ม และชุมชนในสหรัฐอเมริกา
ที่ก่อนหน้านี้รู้จักแต่น้ำจืดเท่านั้น
เมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
พายุก็ผลักน้ำทะเลให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ
จนไหลบ่าลงบนพื้นดินแห้ง
ในที่สุดก็ฆ่าต้นไม้/สร้าง
ป่าผี/ป่าร้าง ขึ้นมา
ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลง
สภาพภูมิอากาศที่แพร่หลาย
ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก
.
.
.
.
.
ในแปลงทดสอบ TEMPEST
มีการสูบน้ำเค็มจากอ่าว
Chesapeake Bay
ที่อยู่ใกล้เคียงเข้าไปในถังพักน้ำ
จากนั้นจึงโรยน้ำลงบนผิวดินของป่า
ให้เร็วพอที่จะทำให้ดินอิ่มตัว
เป็นเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง/ครั้ง
ซึ่งจำลองการพุ่งสูง
ของน้ำเค็มในระหว่างพายุใหญ่
ป่าชายฝั่งมีผลกระทบเพียงเล็กน้อย
จากการสัมผัสกับน้ำเค็ม
เป็นเวลา 10 ชั่วโมงแรก
ในเดือนมิถุนายน 2022
และเติบโตตามปกติ
ในช่วงที่เหลือของปี
ในเดือนมิถุนายน 2023
ได้เพิ่มการสัมผัสน้ำเค็มเป็น 20 ชั่วโมง
แต่ป่ายังคงดูไม่สะทกสะท้านมากนัก
แม้ว่าต้นทิวลิปป็อปลาร์
Tulip poplarp
จะดึงน้ำจากดินช้าลง
ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า
.
.
ในเดือนมิถุนายน 2024
สิ่งต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนไป
หลังจากสัมผัสน้ำเค็ม
เป็นเวลา 30 ชั่วโมง
ใบของทิวลิปป็อปลาร์ในป่า
เริ่มเป็นสีน้ำตาล
ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม
เร็วกว่าปกติหลายสัปดาห์
ภายในกลางเดือนกันยายน
เรือนยอดของป่าก็โล่งเปล่า
ราวกับว่าฤดูหนาวได้มาเยือนแล้ว
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
ไม่ได้เกิดขึ้นในแปลงใกล้เคียง
แต่เกิดขึ้นจากน้ำจืดมากกว่าน้ำทะเล
ในระยะแรก
ความสามารถการฟื้นตัวของป่า
สามารถอธิบายได้บางส่วน
จากปริมาณเกลือที่ค่อนข้างต่ำ
เพราะมีน้ำจากปากแม่น้ำแห่งนี้
ซึ่งมีน้ำจากแม่น้ำน้ำจืด
และน้ำทะเลผสมกัน
ฝนที่ตกลงมาหลังการทดลอง
ในปี 2022 และ 2023
ชะล้างเกลือออกจากดิน
หลังจากการทดลองในปี 2024
มีภัยแล้งครั้งใหญ่ตามมา
ดังนั้นเกลือจึงยังคงอยู่ในดินหลังจากนั้น
ต้นไม้สัมผัสกับดินเค็มเป็นเวลานาน
อาจเกินความสามารถ
ในการทนต่อสภาพเหล่านี้
.
.
.
.
นักวิทยาศาสตร์ทำงานในแปลงทดลอง
ซึ่งการทดลองน้ำเค็มแสดงให้เห็นผลกระทบ
ของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นต่อป่าชายฝั่ง
Alice Stearns/ Smithsonian Environmental
Research Center
.
.
น้ำทะเลที่ทิ้งลงบนไฟป่า
ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย
เป็นน้ำทะเลเค็มเข้มข้น
และสภาพพื้นที่นั่นแห้งแล้งมาก
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ
แปลงป่าชายฝั่งตะวันออก
(แปลงทดลองตรวจสอบ)
การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในพื้นดิน
กลุ่มวิจัยยังคงพยายามทำความเข้าใจ
ปัจจัยทั้งหมดที่จำกัด
ความทนทานของป่าต่อน้ำเค็ม
และวิธีที่ผลลัพธ์ใช้กับระบบนิเวศอื่น ๆ
เช่น ในพื้นที่ลอสแองเจลิส
ใบไม้ของต้นไม้เปลี่ยนจาก
สีเขียวเป็นสีน้ำตาลก่อนฤดูใบไม้ร่วง
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
แต่ยังมีเรื่องน่าประหลาดใจอื่น ๆ
ที่ซ่อนอยู่ในดินใต้เท้าของคนเรา
น้ำฝนที่ซึมผ่านดินมักจะใส
แต่ประมาณหนึ่งเดือน
หลังจากสัมผัสกับน้ำเค็ม
เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว
เป็นเวลา 10 ชั่วโมงในปี 2022
น้ำในดินก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
และคงสภาพเช่นนั้นเป็นเวลาสองปี
สีน้ำตาลนี้มาจากสารประกอบคาร์บอน
ที่ชะล้างออกมาจากวัสดุจากพืชที่ตายแล้ว
เป็นกระบวนการที่คล้ายกับการชงชา
.
.
.
น้ำที่ดึงออกมาจากดิน หลังการทดลอง
น้ำเค็มครั้งหนึ่งจะมีสีเหมือนชา
ซึ่งสะท้อนถึงสารประกอบจำนวนมาก
ที่ชะออกมาจากวัสดุพืชที่ตายแล้ว
โดยปกติแล้ว น้ำในดินจะดูใส
Alice Stearns/Smithsonian Environmental Research Center, CC BY-ND
.
.
การทดลองในห้องปฏิบัติการได้ผลว่า
เกลือทำให้ดินเหนียวและอนุภาคอื่นๆ
กระจายตัวและเคลื่อนที่ไปมาในดิน
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในเคมี
และโครงสร้างของดิน
จะคงอยู่ได้นานหลายปี
ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
ส่งผลให้ชายฝั่งได้รับผลกระทบมากขึ้น
แม้ว่าน้ำทะเลจะช่วยดับไฟได้
แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ก็มีเหตุผลหลายประการ
ที่ต้องการใช้แหล่งน้ำจืดมากกว่า
โดยต้องมีน้ำจืดเพียงพอ
ขณะเดียวกัน ชายฝั่งของสหรัฐฯ
เผชิญกับการสัมผัสกับน้ำเค็ม
มากขึ้นและบ่อยครั้งขึ้น
เพราะอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น
เร่งให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
ส่งผลให้ป่าไม้ ทุ่งนา และฟาร์ม
พืชพรรณจมน้ำตาย
/ได้รับผลจากน้ำเค็ม
และยังมีความเสี่ยงที่ไม่ทราบแน่ชัด
ต่อภูมิทัศน์ชายฝั่งทะเล
.
เรียบเรียง/ที่มา
Smithsonian
.
.
หมายเหตุ
การใช้น้ำดับเพลิงในแคลิฟอร์เนีย
หน่วยดับเพลิงสามารถใช้น้ำ
จากแหล่งต่าง ๆ เพื่อดับเพลิงได้
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในกรณีฉุกเฉิน
น้ำจากหัวดับเพลิงสาธารณะ
น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
น้ำจากสระว่ายน้ำส่วนตัว
หรือสระว่ายน้ำเอกชน (จำเป็น/เร่งด่วน)
เหตุผลเพราะ
1. กฎหมายให้อำนาจหน่วยดับเพลิง
ในการเข้าถึงแหล่งน้ำในกรณีฉุกเฉิน
2. ความปลอดภัยสาธารณะ
มีความสำคัญเหนือกว่า ค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำ
3. ดับเพลิงถือเป็นบริการสาธารณะที่จำเป็น
ในกรณีที่ไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน
เช่น การฝึกซ้อม ทดสอบเครื่อง
หน่วยดับเพลิงจะต้องขออนุญาต
และอาจมีค่าใช้จ่ายตามที่กำหนด
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
การปรับปรุงดินเค็มทำได้
แต่ต้องใช้เวลา ใช้เงิน ใช้ทองมาก
น้ำ สลายความเค็มได้ แต่ใช้เวลานาน
นาข้าวแถวจะทิ้งพระ ระโนฏ กระแสสินธุ์
ล่มสลายไปเพราะที่ดินติดกับนากุ้ง
ในช่วงรุ่งมากมีวลีดัง
กุ้งให้โหนด คนรวยได้โฉนดที่ดิน
กุ้งกินโหนด คนซวยขายบ้านขายที่ดินหนีหนี้
นาข้าวทึ่น้ำทะเลรุกราน/ซึมผ่านเข้ามา
ฟื้นตัวยากมาก ต้องรอน้ำฝน/น้ำท่วม
ค่อย ๆ ละลายความเค็มออกไป
เพราะชาวนาม่ายเบี้ย/ตังค์
.
.
ยิปซั่ม (แคลเซียมซัลเฟต)
แก้ปัญหาดินเค็มที่มีโซเดียมสูง
โดยจะไปแทนที่โซเดียมในดิน
ใช้ 1-2 ตันต่อไร่ ขึ้นกับพื้นที่
ไม่ทำให้ดินเป็นกรด ปลอดภัยต่อพืช
หว่านให้ทั่วแปลงแล้วไถกลบ ตามด้วยน้ำ
ปูนขาว (แคลเซียมออกไซด์)
เหมาะกับดินเค็มที่เป็นกรด
อัตรา 200-500 กิโลกรัมต่อไร่
ใส่มากไปอาจทำให้ดินเป็นด่าง
ควรใช้ร่วมกับอินทรียวัตถุ
คำแนะนำเพิ่มเติม
ตรวจวัดค่า pH ของดินก่อนใช้
ใช้ร่วมกับการปรับปรุงดินด้วยวิธีอื่น ๆ
เช่น การใส่อินทรียวัตถุ
หลังใส่ควรให้น้ำเพื่อช่วยในการทำปฏิกิริยา
ติดตามผลการปรับปรุงดินอย่างต่อเนื่อง
.
.
ปัตตานี Padi ข้าว Tani เมือง
แถวนี้มีร่องรอยคำสันสกฤตปนภาษาถิ่น เช่น
ภูมิบุตรา ภูมิ=พื้นทึ่ บุตรา=ลูกชายลูกสาว
กฎหมายให้สิทธิ์คนนายู (มลายู) มากที่สุด
Dewasa (เทวะ) = ผู้ใหญ่, โตแล้ว
มาจาก เทวะ -สันสกฤต
Bahasa (ภาษา) = ภาษา-สันสกฤต
Jaya (ชัย) = ชัยชนะ, ความสำเร็จ
มาจาก ชย -สันสกฤต
Karya (การย์) = งาน, กิจการ
มาจาก การย -สันสกฤต
สยาม ทางนายู เรียก เซียม
สะกด Sayam , Sitam หรือ Siam
ดินแดนแถบนี้เคยได้รับอิทธิพลอินเดีย
ที่มีต่อภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ตั้งแต่ยุคอาณาจักรทราวดี ศรีวิชัย
ปัตตานีเดิมที่นึ่มีการทำนากันมาก
แต่ผลการขุดคลองลัด เพื่อย่นระยะทาง
และความสะดวกในการทำการค้า
ทำให้น้ำทะเลไหลบ่าเข้าคลองสายต่าง ๆ
มีผลทำให้ดินเค็มและนาล่มในเวลาต่อมา
คลองสุไหงบารูเป็นคลองขุดที่สำคัญ
ในประวัติศาสตร์ปัตตานี
ที่ส่งผลกระทต่อพื้นที่นาในบริเวณใกล้เคียง
คลองนี้ถูกขุดขึ้นตามบัญชาของ
พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาเขต
(สุลต่านสุไลมานชารีฟุดดิน หรือ ตนกูบอสู)
ผู้ปกครองเมืองปัตตานี พ.ศ. 2433-2442
ยุครัชกาลที่ 5 ในฐานะประเทศราชสยาม
การขุดคลองสุไหงบารู
ส่งผลให้แม่น้ำปัตตานีเดิม
ที่ไหลผ่านเข้าไปคลองหนองจิก คลองตุยง
เมืองหนองจิก บ้านตุยง แห้งขอด
จนมีน้ำไม่พอหล่อเลี้ยงนาข้าว
ซึ่งเป็นผลผลิตหลักของเมืองหนองจิก
ทำให้ปริมาณน้ำจืดและตะกอนดิน
ที่แม่น้ำปัตตานีเคยพัดพามาลดลงมาก
ส่งผลให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง
และการลุกล้ำเข้ามาของน้ำเค็มมากขึ้นด้วย
คลองสุไหงบารูมีจุดเริ่มต้นแยกจาก
แม่น้ำปัตตานีบริเวณบ้านปรีกี
ต.กระโด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
และไปบรรจบกับแม่น้ำปัตตานีอีกครั้ง
ในบริเวณรอยต่อ ต.ยะรัง/ต.ประจัน
อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
คลองนี้ย่นระยะทางจาก 21 กม. เหลือ 7 กม.
ถ้าทำประตูน้ำปิดเปิด/ฝายคลองลัด
ในช่วงน้ำขึ้นน้ำลง เผื่อหน้าน้ำ/เรือเดินทาง
น่าจะช่วยแก้ไขน้ำเค็มรุกรานแม่น้ำได้
มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูระบบนิเวศ
ปัตตานี มี
เกลือหวาน
.
.
แม่น้ำเจ้าพระยา มีคลองลัดโพธิ์
คลองลัดบางกรวย คลองลัดตลาดขวัญ
คลองลัดหลวง คลองลัดบางกระเจ้า
คลองลัดบางกอกน้อย (แม่น้ำเจ้าพระยา)
หน้า ม.ธรรมศาสตร์ ถึง ปากคลองตลาด
.
.
.
.
เซียมหล่อตือ
.
ทำไมไม่ใช้น้ำทะเลดับไฟป่า
.
เรือบินดับเพลิงกำลังทิ้งน้ำทะเล
ลงบนไฟป่าในลอสแองเจลิส
Brian van der Brug / Los Angeles Times
via Getty Images
.
ในเดือนมกราคม 2025
นักดับเพลิงที่ต่อสู้กับไฟป่า
ที่โหมกระหน่ำในพื้นที่ลอสแองเจลิส
ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืด
ดังนั้น เมื่อลมสงบเพียงพอ
นักบินผู้ชำนาญการ
ใช้เรือบิน Super Scoopers
จะตักน้ำทะเลครั้งละ 1,500 แกลลอน
เททิ้งลงบนไฟป่าด้วยความแม่นยำสูง
(เรือบิน Supertanker
จะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ตักน้ำได้ 19,600 แกลอน)
.
.
See inside a Super Scooper
fighting wildfires in California
.
.
การใช้น้ำทะเลดับไฟ
อาจดูเหมือนเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่าย
เพราะมหาสมุทรแปซิฟิก
จะมีน้ำสำรองอยู่มหาศาล
ในกรณีฉุกเฉิน เช่น
ที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้กำลังเผชิญอยู่
มักเป็นวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็วเพียงวิธีเดียว
แม้ว่าวิธีนี้มีความเสี่ยงท่ามกลางคลื่นทะเล
แต่น้ำทะเลก็มีข้อเสีย
น้ำเค็มกัดกร่อนอุปกรณ์ดับเพลิง
และอาจเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศ
โดยเฉพาะระบบนิเวศ เช่น
Chaparral shrublands
รอบ ๆ ลอสแองเจลิส
ซึ่งโดยปกติจะไม่สัมผัสกับน้ำทะเล
ชาวสวนทราบดีว่าเกลือปริมาณเล็กน้อย
ซึ่งเติมลงไป เช่น ปุ๋ย ไม่เป็นอันตรายต่อพืช
แต่เกลือมากเกินไป
อาจทำให้พืชเครียดและตายได้
(สวนมะพร้าว สวนยางพาราในอดีต
นิยมโรยเกลือลงในดินเล็กน้อย
นัยว่าช่วยเร่งผลลผลิตได้)
.
.
.
แม้ว่าผลที่ตามมาจาก
การเติมน้ำทะเลลงในระบบนิเวศ
จะยังไม่เป็นที่เข้าใจดีนัก
แต่การรับทราบข้อมูลเชิงลึก
เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้
โดยพิจารณาผลกระทบ
ของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
การทดลองน้ำทะเลในป่าชายฝั่ง
ในฐานะนักนิเวศวิทยาระบบนิเวศ
ที่ศูนย์วิจัยสิ่งแวดล้อมสมิธโซเนียน
เป็นผู้นำการทดลองใหม่ที่เรียกว่า TEMPEST
ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำความเข้าใจว่า
ป่าชายฝั่งที่ปราศจากเกลือในอดีต
จะตอบสนองต่อการสัมผัสกับน้ำทะเล
เป็นครั้งแรก จะเป็นอย่างไร
และเพราะเหตุใด จึงมีผลกระทบตามมา
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นโดยเฉลี่ยทั่วโลก
ประมาณ 8 นิ้วในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
และน้ำทะเลได้ผลักดันน้ำเค็มเข้าไปใน
ป่า ฟาร์ม และชุมชนในสหรัฐอเมริกา
ที่ก่อนหน้านี้รู้จักแต่น้ำจืดเท่านั้น
เมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
พายุก็ผลักน้ำทะเลให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ
จนไหลบ่าลงบนพื้นดินแห้ง
ในที่สุดก็ฆ่าต้นไม้/สร้าง ป่าผี/ป่าร้าง ขึ้นมา
ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลง
สภาพภูมิอากาศที่แพร่หลาย
ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก
.
.
.
ในแปลงทดสอบ TEMPEST
มีการสูบน้ำเค็มจากอ่าว Chesapeake Bay
ที่อยู่ใกล้เคียงเข้าไปในถังพักน้ำ
จากนั้นจึงโรยน้ำลงบนผิวดินของป่า
ให้เร็วพอที่จะทำให้ดินอิ่มตัว
เป็นเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง/ครั้ง
ซึ่งจำลองการพุ่งสูง
ของน้ำเค็มในระหว่างพายุใหญ่
ป่าชายฝั่งมีผลกระทบเพียงเล็กน้อย
จากการสัมผัสกับน้ำเค็ม
เป็นเวลา 10 ชั่วโมงแรก
ในเดือนมิถุนายน 2022
และเติบโตตามปกติ
ในช่วงที่เหลือของปี
ในเดือนมิถุนายน 2023
ได้เพิ่มการสัมผัสน้ำเค็มเป็น 20 ชั่วโมง
แต่ป่ายังคงดูไม่สะทกสะท้านมากนัก
แม้ว่าต้นทิวลิปป็อปลาร์ Tulip poplarp
จะดึงน้ำจากดินช้าลง
ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า
.
.
.
Paper
.
ในเดือนมิถุนายน 2024
สิ่งต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนไป
หลังจากสัมผัสน้ำเค็ม
เป็นเวลา 30 ชั่วโมง
ใบของทิวลิปป็อปลาร์ในป่า
เริ่มเป็นสีน้ำตาล
ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม
เร็วกว่าปกติหลายสัปดาห์
ภายในกลางเดือนกันยายน
เรือนยอดของป่าก็โล่งเปล่า
ราวกับว่าฤดูหนาวได้มาเยือนแล้ว
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
ไม่ได้เกิดขึ้นในแปลงใกล้เคียง
แต่เกิดขึ้นจากน้ำจืดมากกว่าน้ำทะเล
ในระยะแรก
ความสามารถการฟื้นตัวของป่า
สามารถอธิบายได้บางส่วน
จากปริมาณเกลือที่ค่อนข้างต่ำ
เพราะมีน้ำจากปากแม่น้ำแห่งนี้
ซึ่งมีน้ำจากแม่น้ำน้ำจืด
และน้ำทะเลผสมกัน
ฝนที่ตกลงมาหลังการทดลอง
ในปี 2022 และ 2023
ชะล้างเกลือออกจากดิน
หลังจากการทดลองในปี 2024
มีภัยแล้งครั้งใหญ่ตามมา
ดังนั้นเกลือจึงยังคงอยู่ในดินหลังจากนั้น
ต้นไม้สัมผัสกับดินเค็มเป็นเวลานาน
อาจเกินความสามารถ
ในการทนต่อสภาพเหล่านี้
.
.
.
นักวิทยาศาสตร์ทำงานในแปลงทดลอง
ซึ่งการทดลองน้ำเค็มแสดงให้เห็นผลกระทบ
ของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นต่อป่าชายฝั่ง
Alice Stearns/ Smithsonian Environmental
Research Center
.
.
น้ำทะเลที่ทิ้งลงบนไฟป่า
ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย
เป็นน้ำทะเลเค็มเข้มข้น
และสภาพพื้นที่นั่นแห้งแล้งมาก
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ
แปลงป่าชายฝั่งตะวันออก
(แปลงทดลองตรวจสอบ)
การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในพื้นดิน
กลุ่มวิจัยยังคงพยายามทำความเข้าใจ
ปัจจัยทั้งหมดที่จำกัด
ความทนทานของป่าต่อน้ำเค็ม
และวิธีที่ผลลัพธ์ใช้กับระบบนิเวศอื่น ๆ
เช่น ในพื้นที่ลอสแองเจลิส
ใบไม้ของต้นไม้เปลี่ยนจาก
สีเขียวเป็นสีน้ำตาลก่อนฤดูใบไม้ร่วง
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
แต่ยังมีเรื่องน่าประหลาดใจอื่น ๆ
ที่ซ่อนอยู่ในดินใต้เท้าของคนเรา
น้ำฝนที่ซึมผ่านดินมักจะใส
แต่ประมาณหนึ่งเดือน
หลังจากสัมผัสกับน้ำเค็ม
เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว
เป็นเวลา 10 ชั่วโมงในปี 2022
น้ำในดินก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
และคงสภาพเช่นนั้นเป็นเวลาสองปี
สีน้ำตาลนี้มาจากสารประกอบคาร์บอน
ที่ชะล้างออกมาจากวัสดุจากพืชที่ตายแล้ว
เป็นกระบวนการที่คล้ายกับการชงชา
.
.
น้ำที่ดึงออกมาจากดิน หลังการทดลอง
น้ำเค็มครั้งหนึ่งจะมีสีเหมือนชา
ซึ่งสะท้อนถึงสารประกอบจำนวนมาก
ที่ชะออกมาจากวัสดุพืชที่ตายแล้ว
โดยปกติแล้ว น้ำในดินจะดูใส
Alice Stearns/Smithsonian Environmental Research Center, CC BY-ND
.
การทดลองในห้องปฏิบัติการได้ผลว่า
เกลือทำให้ดินเหนียวและอนุภาคอื่นๆ
กระจายตัวและเคลื่อนที่ไปมาในดิน
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในเคมี
และโครงสร้างของดิน
จะคงอยู่ได้นานหลายปี
ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
ส่งผลให้ชายฝั่งได้รับผลกระทบมากขึ้น
แม้ว่าน้ำทะเลจะช่วยดับไฟได้
แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ก็มีเหตุผลหลายประการ
ที่ต้องการใช้แหล่งน้ำจืดมากกว่า
โดยต้องมีน้ำจืดเพียงพอ
ขณะเดียวกัน ชายฝั่งของสหรัฐฯ
เผชิญกับการสัมผัสกับน้ำเค็ม
มากขึ้นและบ่อยครั้งขึ้น
เพราะอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น
เร่งให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
ส่งผลให้ป่าไม้ ทุ่งนา และฟาร์ม
พืชพรรณจมน้ำตาย
/ได้รับผลจากน้ำเค็ม
และยังมีความเสี่ยงที่ไม่ทราบแน่ชัด
ต่อภูมิทัศน์ชายฝั่งทะเล
.
เรียบเรียง/ที่มา
Smithsonian
.
.
หมายเหตุ
การใช้น้ำดับเพลิงในแคลิฟอร์เนีย
หน่วยดับเพลิงสามารถใช้น้ำ
จากแหล่งต่าง ๆ เพื่อดับเพลิงได้
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในกรณีฉุกเฉิน
น้ำจากหัวดับเพลิงสาธารณะ
น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
น้ำจากสระว่ายน้ำส่วนตัว
หรือสระว่ายน้ำเอกชน (จำเป็น/เร่งด่วน)
เหตุผลเพราะ
1. กฎหมายให้อำนาจหน่วยดับเพลิง
ในการเข้าถึงแหล่งน้ำในกรณีฉุกเฉิน
2. ความปลอดภัยสาธารณะ
มีความสำคัญเหนือกว่า ค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำ
3. ดับเพลิงถือเป็นบริการสาธารณะที่จำเป็น
ในกรณีที่ไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน
เช่น การฝึกซ้อม ทดสอบเครื่อง
หน่วยดับเพลิงจะต้องขออนุญาต
และอาจมีค่าใช้จ่ายตามที่กำหนด
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
การปรับปรุงดินเค็มทำได้
แต่ต้องใช้เวลา ใช้เงิน ใช้ทองมาก
น้ำ สลายความเค็มได้ แต่ใช้เวลานาน
นาข้าวแถวจะทิ้งพระ ระโนฏ กระแสสินธุ์
ล่มสลายไปเพราะที่ดินติดกับนากุ้ง
ในช่วงรุ่งมากมีวลีดัง
กุ้งให้โหนด คนรวยได้โฉนดที่ดิน
กุ้งกินโหนด คนซวยขายบ้านขายที่ดินหนีหนี้
นาข้าวทึ่น้ำทะเลรุกราน/ซึมผ่านเข้ามา
ฟื้นตัวยากมาก ต้องรอน้ำฝน/น้ำท่วม
ค่อย ๆ ละลายความเค็มออกไป
เพราะชาวนาม่ายเบี้ย/ตังค์
.
.
ยิปซั่ม (แคลเซียมซัลเฟต)
แก้ปัญหาดินเค็มที่มีโซเดียมสูง
โดยจะไปแทนที่โซเดียมในดิน
ใช้ 1-2 ตันต่อไร่ ขึ้นกับพื้นที่
ไม่ทำให้ดินเป็นกรด ปลอดภัยต่อพืช
หว่านให้ทั่วแปลงแล้วไถกลบ ตามด้วยน้ำ
ปูนขาว (แคลเซียมออกไซด์)
เหมาะกับดินเค็มที่เป็นกรด
อัตรา 200-500 กิโลกรัมต่อไร่
ใส่มากไปอาจทำให้ดินเป็นด่าง
ควรใช้ร่วมกับอินทรียวัตถุ
คำแนะนำเพิ่มเติม
ตรวจวัดค่า pH ของดินก่อนใช้
ใช้ร่วมกับการปรับปรุงดินด้วยวิธีอื่น ๆ
เช่น การใส่อินทรียวัตถุ
หลังใส่ควรให้น้ำเพื่อช่วยในการทำปฏิกิริยา
ติดตามผลการปรับปรุงดินอย่างต่อเนื่อง
.
.
ปัตตานี Padi ข้าว Tani เมือง
แถวนี้มีร่องรอยคำสันสกฤตปนภาษาถิ่น เช่น
ภูมิบุตรา ภูมิ=พื้นทึ่ บุตรา=ลูกชายลูกสาว
กฎหมายให้สิทธิ์คนนายู (มลายู) มากที่สุด
Dewasa (เทวะ) = ผู้ใหญ่, โตแล้ว
มาจาก เทวะ -สันสกฤต
Bahasa (ภาษา) = ภาษา-สันสกฤต
Jaya (ชัย) = ชัยชนะ, ความสำเร็จ
มาจาก ชย -สันสกฤต
Karya (การย์) = งาน, กิจการ
มาจาก การย -สันสกฤต
สยาม ทางนายู เรียก เซียม
สะกด Sayam , Sitam หรือ Siam
ดินแดนแถบนี้เคยได้รับอิทธิพลอินเดีย
ที่มีต่อภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ตั้งแต่ยุคอาณาจักรทราวดี ศรีวิชัย
ปัตตานีเดิมที่นึ่มีการทำนากันมาก
แต่ผลการขุดคลองลัด เพื่อย่นระยะทาง
และความสะดวกในการทำการค้า
ทำให้น้ำทะเลไหลบ่าเข้าคลองสายต่าง ๆ
มีผลทำให้ดินเค็มและนาล่มในเวลาต่อมา
คลองสุไหงบารูเป็นคลองขุดที่สำคัญ
ในประวัติศาสตร์ปัตตานี
ที่ส่งผลกระทต่อพื้นที่นาในบริเวณใกล้เคียง
คลองนี้ถูกขุดขึ้นตามบัญชาของ
พระยาวิชิตภักดีศรีสุรวังษารัตนาเขต
(สุลต่านสุไลมานชารีฟุดดิน หรือ ตนกูบอสู)
ผู้ปกครองเมืองปัตตานี พ.ศ. 2433-2442
ยุครัชกาลที่ 5 ในฐานะประเทศราชสยาม
การขุดคลองสุไหงบารู
ส่งผลให้แม่น้ำปัตตานีเดิม
ที่ไหลผ่านเข้าไปคลองหนองจิก คลองตุยง
เมืองหนองจิก บ้านตุยง แห้งขอด
จนมีน้ำไม่พอหล่อเลี้ยงนาข้าว
ซึ่งเป็นผลผลิตหลักของเมืองหนองจิก
ทำให้ปริมาณน้ำจืดและตะกอนดิน
ที่แม่น้ำปัตตานีเคยพัดพามาลดลงมาก
ส่งผลให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง
และการลุกล้ำเข้ามาของน้ำเค็มมากขึ้นด้วย
คลองสุไหงบารูมีจุดเริ่มต้นแยกจาก
แม่น้ำปัตตานีบริเวณบ้านปรีกี
ต.กระโด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
และไปบรรจบกับแม่น้ำปัตตานีอีกครั้ง
ในบริเวณรอยต่อ ต.ยะรัง/ต.ประจัน
อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
คลองนี้ย่นระยะทางจาก 21 กม. เหลือ 7 กม.
ถ้าทำประตูน้ำปิดเปิด/ฝายคลองลัด
ในช่วงน้ำขึ้นน้ำลง เผื่อหน้าน้ำ/เรือเดินทาง
น่าจะช่วยแก้ไขน้ำเค็มรุกรานแม่น้ำได้
มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูระบบนิเวศ
ปัตตานี มี เกลือหวาน
.
.
แม่น้ำเจ้าพระยา มีคลองลัดโพธิ์
คลองลัดบางกรวย คลองลัดตลาดขวัญ
คลองลัดหลวง คลองลัดบางกระเจ้า
คลองลัดบางกอกน้อย (แม่น้ำเจ้าพระยา)
หน้า ม.ธรรมศาสตร์ ถึง ปากคลองตลาด
.
.
.
เซียมหล่อตือ
.