ขอมาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตของลูกน้องคนหนึ่ง ที่เลือกเดินทางผิดจนชีวิตพลิกผันแบบสุดขั้ว ที่ผมได้ฟังแล้วอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง พร้อมแล้วไปรับฟังกันได้เลยครับ
เรื่องเริ่มต้นเมื่อปี 2545 ตอนนั้นเอก(นามสมมุติ)อายุได้ 18 ปี และกำลังจะเรียนจบม. 6 จากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ในคืนหนึ่งก็ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ เอกได้รับมรดกจากพ่อแม่มากพอสมควร มีทั้งบ้านและรถรวมถึงทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่ง แต่ด้วยสาเหตุบางประการหลังจากจัดการงานศพและจัดการเรื่องทรัพย์สินเรียบร้อย เอกตัดสินใจที่จะยุติการเรียนของตัวเอง แล้วเดินทางไกลไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่ย้ายตามครอบครัวไปประกอบธุรกิจที่เกาะแห่งหนึ่งทางภาคใต้และตัดสินใจไม่ได้เรียนต่อเช่นเดียวกัน โดยหวังว่าจะนำทรัพย์สินที่มีไปลงทุนทำธุรกิจอะไรบางอย่างกับเพื่อนที่นั่น โดยไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นการเดินทางที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอด
เมื่อเอกมาถึงที่เกาะแห่งนั้น จึงได้รู้ว่าครอบครัวของเพื่อนประกอบกิจการเกี่ยวกับสถานบันเทิง มีลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติ และแน่นอนว่าสถานบันเทิงก็มีสิ่งยั่วยวนใจทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีเสมอ แรกเริ่มเอกได้ทำงานในสถานบันเทิงของครอบครัวบี(นามสมมุติ)เพื่อนของเอก ที่เอ(นามสมมุติ)พี่ชายของบีเป็นผู้บริหารจัดการ และด้วยเหตุนี้เอง เอกจึงได้พบกับซี(นามสมมุติ)น้องสาวคนสุดท้องของบีและคบหากันโดยที่บีเองก็รู้เห็นเป็นใจด้วย
ชีวิตช่วงแรกทุกอย่างดูสนุกสนาน บีและซีทำให้ชีวิตของเอกมีความสุขและลืมความเศร้าจากการเสียพ่อแม่ไปจนหมด เอกเที่ยวเล่นใช้เงินเพื่อซื้อความสุขทุกวัน นักเที่ยวในเกาะรู้จักเอกแทบจะทุกคน ยิ่งสาวๆที่ทำงานหาเงินในเกาะด้วยแล้วพอเห็นเอกก็จะรีบพุ่งเข้าใส่ ด้วยรู้ว่าเอกพร้อมจะเปย์ให้เต็มที่เสมอ เอกมีเพื่อนใหม่ๆมากมาย ใครมีเรื่องทะเลาะวิวาทก็จะวิ่งมาหาเอกให้เอกออกหน้าอยู่เสมอ ดังนั้นนอกจากจะมีเพื่อนเยอะแล้วเอกก็มีศัตรูเยอะตามไปด้วย เอกใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ราวๆครึ่งปี เงินที่ได้รับมรดกมาก็ใกล้จะหมด
ถึงตรงนี้บีก็เริ่มที่จะชวนเอกมาลงทุนบางอย่างในธุรกิจผิดกฎหมายและเอกก็ตกลง เอกเริ่มใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อมาหมุนเวียนธุรกิจของตัวเอง และเริ่มก่อหนี้โดยการกู้ยืมจากเอพี่ชายของบีนั่นแหละ ซึ่งจากการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายนี้สุดท้ายก็ไปไม่รอด เอกจึงตัดสินใจขายรถและบ้านทางภาคเหนือให้กับเอเพื่อใช้หนี้ที่ค้างไว้ แต่เอกก็ยังคิดจะสานต่อธุรกิจจากการชักชวนของบีต่อไปอีก จึงเริ่มก่อหนี้อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้ไปกู้เงินมาจากพ่อของบีที่ประกอบธุรกิจปั๊มน้ำมันในเกาะแห่งนั้น แต่สุดท้ายธุรกิจก็ไปไม่รอดเหมือนเดิม เอกพยายามหาเงินมาส่งดอก ขายทุกอย่างที่มี เสื้อผ้าราคาแพง รองเท้า เครื่องประดับ จนถึงที่สุดแล้วก็ไม่สามารถส่งต่อไหว
ด้วยเหตุนี้เองเอก็เห็นว่าเอกไม่สามารถทำงานในสถานบันเทิงของตนได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งทำให้เอต้องทะเลาะกับพ่อบ่อยๆ จึงมีการตกลงกันว่าให้เอกไปทำงานกับพ่อเพื่อใช้หนี้ที่ติดค้างพ่ออยู่แทน โดยในตอนแรกเอบอกเอกว่างานที่จะให้ไปทำกับพ่อเป็นงานขับรถให้พ่อเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาจริงพ่อให้เอกไปเริ่มงานเป็นเด็กปั๊มน้ำมันแทน และรับปากว่าถ้ามีงานอื่นให้ทำก็จะให้ขยับขยาย และนี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตเด็กปั๊มเป็นระยะเวลาถึง 20 ปี
ติดตามตอนต่อไป...ถ้ามีเวลาผมจะทยอยมาเล่าต่อเรื่อยๆนะครับ
ชีวิตเด็กปั๊ม 20 ปี จากการเลือกเดินทางผิด
เรื่องเริ่มต้นเมื่อปี 2545 ตอนนั้นเอก(นามสมมุติ)อายุได้ 18 ปี และกำลังจะเรียนจบม. 6 จากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ในคืนหนึ่งก็ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ เอกได้รับมรดกจากพ่อแม่มากพอสมควร มีทั้งบ้านและรถรวมถึงทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่ง แต่ด้วยสาเหตุบางประการหลังจากจัดการงานศพและจัดการเรื่องทรัพย์สินเรียบร้อย เอกตัดสินใจที่จะยุติการเรียนของตัวเอง แล้วเดินทางไกลไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่ย้ายตามครอบครัวไปประกอบธุรกิจที่เกาะแห่งหนึ่งทางภาคใต้และตัดสินใจไม่ได้เรียนต่อเช่นเดียวกัน โดยหวังว่าจะนำทรัพย์สินที่มีไปลงทุนทำธุรกิจอะไรบางอย่างกับเพื่อนที่นั่น โดยไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นการเดินทางที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอด
เมื่อเอกมาถึงที่เกาะแห่งนั้น จึงได้รู้ว่าครอบครัวของเพื่อนประกอบกิจการเกี่ยวกับสถานบันเทิง มีลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติ และแน่นอนว่าสถานบันเทิงก็มีสิ่งยั่วยวนใจทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีเสมอ แรกเริ่มเอกได้ทำงานในสถานบันเทิงของครอบครัวบี(นามสมมุติ)เพื่อนของเอก ที่เอ(นามสมมุติ)พี่ชายของบีเป็นผู้บริหารจัดการ และด้วยเหตุนี้เอง เอกจึงได้พบกับซี(นามสมมุติ)น้องสาวคนสุดท้องของบีและคบหากันโดยที่บีเองก็รู้เห็นเป็นใจด้วย
ชีวิตช่วงแรกทุกอย่างดูสนุกสนาน บีและซีทำให้ชีวิตของเอกมีความสุขและลืมความเศร้าจากการเสียพ่อแม่ไปจนหมด เอกเที่ยวเล่นใช้เงินเพื่อซื้อความสุขทุกวัน นักเที่ยวในเกาะรู้จักเอกแทบจะทุกคน ยิ่งสาวๆที่ทำงานหาเงินในเกาะด้วยแล้วพอเห็นเอกก็จะรีบพุ่งเข้าใส่ ด้วยรู้ว่าเอกพร้อมจะเปย์ให้เต็มที่เสมอ เอกมีเพื่อนใหม่ๆมากมาย ใครมีเรื่องทะเลาะวิวาทก็จะวิ่งมาหาเอกให้เอกออกหน้าอยู่เสมอ ดังนั้นนอกจากจะมีเพื่อนเยอะแล้วเอกก็มีศัตรูเยอะตามไปด้วย เอกใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ราวๆครึ่งปี เงินที่ได้รับมรดกมาก็ใกล้จะหมด
ถึงตรงนี้บีก็เริ่มที่จะชวนเอกมาลงทุนบางอย่างในธุรกิจผิดกฎหมายและเอกก็ตกลง เอกเริ่มใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อมาหมุนเวียนธุรกิจของตัวเอง และเริ่มก่อหนี้โดยการกู้ยืมจากเอพี่ชายของบีนั่นแหละ ซึ่งจากการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายนี้สุดท้ายก็ไปไม่รอด เอกจึงตัดสินใจขายรถและบ้านทางภาคเหนือให้กับเอเพื่อใช้หนี้ที่ค้างไว้ แต่เอกก็ยังคิดจะสานต่อธุรกิจจากการชักชวนของบีต่อไปอีก จึงเริ่มก่อหนี้อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้ไปกู้เงินมาจากพ่อของบีที่ประกอบธุรกิจปั๊มน้ำมันในเกาะแห่งนั้น แต่สุดท้ายธุรกิจก็ไปไม่รอดเหมือนเดิม เอกพยายามหาเงินมาส่งดอก ขายทุกอย่างที่มี เสื้อผ้าราคาแพง รองเท้า เครื่องประดับ จนถึงที่สุดแล้วก็ไม่สามารถส่งต่อไหว
ด้วยเหตุนี้เองเอก็เห็นว่าเอกไม่สามารถทำงานในสถานบันเทิงของตนได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งทำให้เอต้องทะเลาะกับพ่อบ่อยๆ จึงมีการตกลงกันว่าให้เอกไปทำงานกับพ่อเพื่อใช้หนี้ที่ติดค้างพ่ออยู่แทน โดยในตอนแรกเอบอกเอกว่างานที่จะให้ไปทำกับพ่อเป็นงานขับรถให้พ่อเท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาจริงพ่อให้เอกไปเริ่มงานเป็นเด็กปั๊มน้ำมันแทน และรับปากว่าถ้ามีงานอื่นให้ทำก็จะให้ขยับขยาย และนี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตเด็กปั๊มเป็นระยะเวลาถึง 20 ปี
ติดตามตอนต่อไป...ถ้ามีเวลาผมจะทยอยมาเล่าต่อเรื่อยๆนะครับ