เรื่องเริ่มจากผมได้ซื้อบ้านและทำเรื่องกู้ไป3.8ล้าน ได้ผ่อนชำระมาต่อเนื่อง และมีการชำระมากกว่าค่างวดที่กำหนดทุกเดือน จนสามารถลดยอดหนี้ลงได้เร็ว เหลือประมาณ8แสนบาท ในระยะหลังผมจึงชำระค่างวดประมาณเดือนละ1หมื่นบาท ซึงเงินในจำนวนนี้มีเงินต้นโชว์8,000บาท และมีดอกเบี้ย2,000บาท ซึงผมก็โอเคกับค่างวดตรงนี้มากๆ แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สถานะการณ์โควิดระบาดหนักจนมีประกาศล๊อคดาวน์ ทำให้รายได้หายไปเกือบหมดสิ้น ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวที่ผมเสียใจและผิดหวังกับธนาคารอย่างมาก ไม่คิดว่าธนาคารที่ใหญ่โตระดับประเทศ จะทำเรื่องน่าอายได้ขนาดนี้
ธนาคารได้ติดต่อเข้ามาหา และถามว่าสนใจปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดค่างวดลงมั้ยครับ ผมเองก็มองว่าน่าสนใจดี เพราะช่วงนั้นลำบากมาก ไม่มีรายได้เลย มีแต่รายจ่ายจนต้องเอาทรัพย์สินไปจำนำ และกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่าย ธนาคารแจ้งว่าสามารถลดค่างวดลงเหลือขั้นต่ำที่3,150บาท และได้ยินทางธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศให้สถาบันการเลินช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหารายได้ และทุกธนาคารก็ตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ผมพลาดไม่ทันระวังตัว ช่วงนั้นหน้ามืดมาก มีอะไรที่ลดรายจ่ายลงได้ก็ทำหมด เลยตอบตกลงไป และธนาคารเพียงถามว่าจะไปเซ็นสัญญาที่สาขาไหนดี ผมจึงแจ้งสาขาไป และทำการนัดหมาย
เมื่อวันที่เซ็นเอกสารมาถึงผมได้เข้าไปเซ็น ธนาคารยื่เอกสารประมาณมาประมาณ8แผ่น เนื้อหามีรายละเอียดหน้าหลัง เยอะมากๆ ผมไม่เคยเอะใจเลยว่านี่คืองูพิษที่ธนาคารยื่นมาให้ ผมเซ็นสัญญาไปรัวๆ ทั้งหน้าหลัง16ครั้ง และเอกสารทำเป็น2ชุดเซ็นไปทั้งหมด32ครั้ง
จนเมื่อถึงเวลาชำระค่างวด ผมก็ได้ชำระค่างวดเป็นปกติ ผ่านแอปของธนาคาร และในใบเสร็จก็มีขึ้นว่าเงินต้น150บาท ดอกเบี้ย2,900บาท ทางผมก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะดูเหมือนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่ใจก็คิดว่าไม่เป็นไรอย่างน้อยก็มีเงินต้น เดี๋ยวโควิดน่าจะจบลงไม่เกินปี แล้วหลังจากโควิดเราก็ค่อยเร่งจ่ายเพิ่มก็ได้ แต่สถานะการณ์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม โควิดระลอกแล้วระลอกเล่าไม่จบสิ้น เป็นระยะเวลาที่ยาวนานหลายปี บั่นทอนชีวิตและจิตใจอย่างมาก ในช่วงหลายปีนี้เกิดเรื่องราวมากมาย ทั้งกิจการที่ย่ำแย่ เงินหมดตัว หนี้ท่วม ลูกน้องที่อยู่กันมาสิบกว่าปีก็ขอลาออก ทำให้เหลือผมทำงานเพียงคนเดียว และทางผมเองก็ป่วยหนักด้วยและแถมยังติดโควิดทั้งครอบครัวอีก สุดท้ายก็ต้องปิดกิจการลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่เคยขาดส่งแม้แต่เดือนเดียวเลย เพราะกลัวเสียเครดิตมากๆ ผมต้องทนทรมานกับเรื่องที่แย่มากๆแต่ก็ไม่ถอย
เวลาผ่านมา4ปีกว่าโควิดสิ้นสุด จนผมเริ่มดีขึ้น ก็ตัดสินใจจะจ่ายเพิ่มขึ้น แต่ปรากฎว่ายอดเงินต้นไม่ได้ลดลง ยอดหนี้เพิ่มขึ้นอีกเกือบแสนบาท จึงค่อยรู้ตัวว่าโดนธนาคารไทยพาณิชย์เล่นงานเข้าแล้ว ธนาคารไม่เคยแจ้งให้รู้เลยว่าสัญญาใหม่ที่เซ็นปรับดอกเพิ่มมา2-3เท่าตัว ไม่เคยเลยสักครั้ง และได้มีการชี้แจงว่าธนาคารได้ทำการช่วยเหลือลูกค้าโดยการลดค่างวดให้ลูกค้านะคะ ผมถามกลับไปว่าช่วยด้วยการปรับเพิ่มดอกเบี้ย2-3เท่านี่นะ แล้วทำไมไม่บอกผมสักคำเลย แค่แจ้งมาไม่กี่คำไม่ยากเลย ถ้าผมรู้จะเซ็นไปเพื่อให้ตัวเองเดือดร้อนเหรอ ทั้งที่ก่อนหน้าผมจ่ายดอกเบี้ยแค่สองพัน ถ้าผมชำระสามพันมันก็พอทั้งต้นและดอกเบี้ยอยู่แล้ว และเงินต้นในใบเสร็จก็คือเงินที่ชำระเข้ามาทุกครั้งจะตัดเป็นเงินต้นก่อน5% ที่เหลือเป็นดอกเบี้ย และเงินที่ชำระเข้ามาทุกเดือนไม่พอดอกเบี้ย ทำให้มีหนี้สะสมและนำมาทบดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก(สัญญาใหม่ดอกเบี้ยอย่างเดียว4,600บาทต่อเดือน) เท่ากับผมติดลบเดือนละ1,500บาท ตลอดเป็นระยะเวลา5ปีเลย
ผมมั่นใจเลยว่าธนาคารออกแบบสัญญาใหม่มาอย่างดี ทั้งทำใบเสร็จที่โชว์เงินต้นให้ลูกค้าตายใจว่าตัดต้นทุกเดือนทั้งที่ยอดชำระไม่พอดอกเบี้ยเลย และสัญญาคงครอบคลุมทางกฎหมายแน่นอน ยากที่ผมจะปฎิเสธหนี้ก้อนนี้ได้ แต่ผมจะดำเนินการร้องเรียนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือในเคสผมและไม่ให้ธนาคารทำเรื่องเลวๆแบบนี้กับลูกค้าคนอื่นอีก ผมจึงนำเรื่องนี้มาเตือนทุกๆคนให้ระวังธนาคารนี้ให้ดีๆครับ
อุทาหรณ์ แบงค์โทรมาขอให้ปรับโครงสร้างหนี้ ฉวยโอกาสช่วงโควิดระบาด
ธนาคารได้ติดต่อเข้ามาหา และถามว่าสนใจปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดค่างวดลงมั้ยครับ ผมเองก็มองว่าน่าสนใจดี เพราะช่วงนั้นลำบากมาก ไม่มีรายได้เลย มีแต่รายจ่ายจนต้องเอาทรัพย์สินไปจำนำ และกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่าย ธนาคารแจ้งว่าสามารถลดค่างวดลงเหลือขั้นต่ำที่3,150บาท และได้ยินทางธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศให้สถาบันการเลินช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหารายได้ และทุกธนาคารก็ตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ผมพลาดไม่ทันระวังตัว ช่วงนั้นหน้ามืดมาก มีอะไรที่ลดรายจ่ายลงได้ก็ทำหมด เลยตอบตกลงไป และธนาคารเพียงถามว่าจะไปเซ็นสัญญาที่สาขาไหนดี ผมจึงแจ้งสาขาไป และทำการนัดหมาย
เมื่อวันที่เซ็นเอกสารมาถึงผมได้เข้าไปเซ็น ธนาคารยื่เอกสารประมาณมาประมาณ8แผ่น เนื้อหามีรายละเอียดหน้าหลัง เยอะมากๆ ผมไม่เคยเอะใจเลยว่านี่คืองูพิษที่ธนาคารยื่นมาให้ ผมเซ็นสัญญาไปรัวๆ ทั้งหน้าหลัง16ครั้ง และเอกสารทำเป็น2ชุดเซ็นไปทั้งหมด32ครั้ง
จนเมื่อถึงเวลาชำระค่างวด ผมก็ได้ชำระค่างวดเป็นปกติ ผ่านแอปของธนาคาร และในใบเสร็จก็มีขึ้นว่าเงินต้น150บาท ดอกเบี้ย2,900บาท ทางผมก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะดูเหมือนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่ใจก็คิดว่าไม่เป็นไรอย่างน้อยก็มีเงินต้น เดี๋ยวโควิดน่าจะจบลงไม่เกินปี แล้วหลังจากโควิดเราก็ค่อยเร่งจ่ายเพิ่มก็ได้ แต่สถานะการณ์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม โควิดระลอกแล้วระลอกเล่าไม่จบสิ้น เป็นระยะเวลาที่ยาวนานหลายปี บั่นทอนชีวิตและจิตใจอย่างมาก ในช่วงหลายปีนี้เกิดเรื่องราวมากมาย ทั้งกิจการที่ย่ำแย่ เงินหมดตัว หนี้ท่วม ลูกน้องที่อยู่กันมาสิบกว่าปีก็ขอลาออก ทำให้เหลือผมทำงานเพียงคนเดียว และทางผมเองก็ป่วยหนักด้วยและแถมยังติดโควิดทั้งครอบครัวอีก สุดท้ายก็ต้องปิดกิจการลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่เคยขาดส่งแม้แต่เดือนเดียวเลย เพราะกลัวเสียเครดิตมากๆ ผมต้องทนทรมานกับเรื่องที่แย่มากๆแต่ก็ไม่ถอย
เวลาผ่านมา4ปีกว่าโควิดสิ้นสุด จนผมเริ่มดีขึ้น ก็ตัดสินใจจะจ่ายเพิ่มขึ้น แต่ปรากฎว่ายอดเงินต้นไม่ได้ลดลง ยอดหนี้เพิ่มขึ้นอีกเกือบแสนบาท จึงค่อยรู้ตัวว่าโดนธนาคารไทยพาณิชย์เล่นงานเข้าแล้ว ธนาคารไม่เคยแจ้งให้รู้เลยว่าสัญญาใหม่ที่เซ็นปรับดอกเพิ่มมา2-3เท่าตัว ไม่เคยเลยสักครั้ง และได้มีการชี้แจงว่าธนาคารได้ทำการช่วยเหลือลูกค้าโดยการลดค่างวดให้ลูกค้านะคะ ผมถามกลับไปว่าช่วยด้วยการปรับเพิ่มดอกเบี้ย2-3เท่านี่นะ แล้วทำไมไม่บอกผมสักคำเลย แค่แจ้งมาไม่กี่คำไม่ยากเลย ถ้าผมรู้จะเซ็นไปเพื่อให้ตัวเองเดือดร้อนเหรอ ทั้งที่ก่อนหน้าผมจ่ายดอกเบี้ยแค่สองพัน ถ้าผมชำระสามพันมันก็พอทั้งต้นและดอกเบี้ยอยู่แล้ว และเงินต้นในใบเสร็จก็คือเงินที่ชำระเข้ามาทุกครั้งจะตัดเป็นเงินต้นก่อน5% ที่เหลือเป็นดอกเบี้ย และเงินที่ชำระเข้ามาทุกเดือนไม่พอดอกเบี้ย ทำให้มีหนี้สะสมและนำมาทบดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก(สัญญาใหม่ดอกเบี้ยอย่างเดียว4,600บาทต่อเดือน) เท่ากับผมติดลบเดือนละ1,500บาท ตลอดเป็นระยะเวลา5ปีเลย
ผมมั่นใจเลยว่าธนาคารออกแบบสัญญาใหม่มาอย่างดี ทั้งทำใบเสร็จที่โชว์เงินต้นให้ลูกค้าตายใจว่าตัดต้นทุกเดือนทั้งที่ยอดชำระไม่พอดอกเบี้ยเลย และสัญญาคงครอบคลุมทางกฎหมายแน่นอน ยากที่ผมจะปฎิเสธหนี้ก้อนนี้ได้ แต่ผมจะดำเนินการร้องเรียนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือในเคสผมและไม่ให้ธนาคารทำเรื่องเลวๆแบบนี้กับลูกค้าคนอื่นอีก ผมจึงนำเรื่องนี้มาเตือนทุกๆคนให้ระวังธนาคารนี้ให้ดีๆครับ