เรื่องราวอาจจะยาวสักหน่อยนะคะ แต่รายละเอียดเยอะมากๆในการเข้ารพ.แต่ละครั้งค่ะ เราแบ่งพี่สาวเป็นพี่เอกับพี่บีนะคะมี 2 คน
- คุณแม่ของแฟนมีอาการปวดหลังมา 4-5 เดือนแต่ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาที่คลีนิคใกล้บ้าน โดยหมอก็จ่ายแต่ยาแก้ปวด ช่วงกลางเดือนธันวาคมอาการปวดไม่ได้ทุเลาลงเลยคุณแม่จึงขอร้องให้คุณหมอส่งตัวไปรักษาที่รพ. และได้ทำนัดใบส่งตัววันที่ 13 มกราคม 68 ค่ะ
-คุณแม่มีอาการปวดหลังมากจนนอนไม่ได้ ถ่ายไม่ออก มาโดยตลอดจนถึงวันที่ 7 มกรา 68 ปวดไม่ไหวไปหาหมอที่คลีนิคแต่ที่คลีนิคไม่มียาแก้ปวดฉีดให้ส่งตัวต่อไปรพ.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งตรงอนุสาวรีย์ตามสิทธิแต่พอไปถึงรพ.กลับแจ้งว่าไม่มีคุณหมอแล้ว ให้กลับบ้านไปและกลับมาใหม่ในพรุ่งนี้สามารถใช้ใบส่งตัวมายื่นได้เลย
-ระหว่างนั้นทางพี่เอของแฟนได้แนะนำให้คุณแม่ไปฉีดสเตียรอยด์ที่คลีนิคแห่งหนึ่งซึ่งดังมากเรื่องการปวดข้อแต่คุณแม่บอกว่าพรุ่งนี้ได้หาหมอแล้วแต่พี่สาวแฟนจึงได้ทำนัดให้วันที่ 10 มกราคม
- วันที่ 8 มกราคม เราเดินทางไป รพ.นั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าใบส่งตัวนั้นใช้ไม่ได้เพราะเป็นของเมื่อวานถ้าจะหาหมอวันนี้ต้องจ่ายเงินเอง เราจึงตกลงเพราะคุณแม่ไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่พอขึ้นไปถึงแผนกกระดูก พยาบาลที่เคาท์เตอร์แจ้งว่าวันนี้หมอสันหลังไม่เข้าถ้าจะหาหมอสันหลังต้องมาตามในใบนัดคุณแม่วันที่ 13 เราแจ้งว่าคุณแม่ปวดหลังไม่ไหวจริงๆ พยาบาลจึงบอกให้เราลงไปหาหมออายุรกรรแทนให้เขาฉีดยาแก้ปวดให้ ซึ่งตอนนั้นในใจเราร้อนรนมากๆเพราะคุณแม่ปวดไม่ไหว เราเลยตั้งสติโทรหารพ.ทุกรพ.ที่ใกล้ๆเพื่อที่จะได้พาคุณแม่ไปหาหมอกระดูกจนได้หาหมอที่รพ.ใกล้เคียง คุณแม่ได้เอ็กซเรย์ดูกสันหลังแต่ตอนนั้นคุณแม่นอนราบไม่ได้เลยค่ะต้องยืนเอกซเรย์แบบที่เราเอกซเรย์ปอดกันอ่ะค่ะ จากผลตรวจพบว่าสันหลังเสื่อมและกระดูกพรุนมากๆค่ะ ซึ่งหมอแจ้งว่าไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัดแต่ต้องกายภาพบำบัดบวกกับทานวิตามินเสริมเพื่อไม่ให้กระดูกแย่ไปมากกว่านี้ ทางเราจึงบอกคุณแหมอว่าคุณแม่มีนัดตามสิทธิ์ในวันที่ 13 มกราคา คุณหมอได้จ่ายยาแก้ปวดและฉีดยาแก้ปวดและนัดครั้งต่อไป และเราได้สอบถามคุณหมอถ้าจะไปคลีนิคที่พี่เอนัดให้วันที่ 10 เพื่อแก้ปวดให้คุณแม่ระหว่างนี้สามารถทำได้ไหม คุณหมอแจ้งว่าทำไม่ได้นะครับคนไข้ปวดที่หลังการที่ฉีดสเตียรอยเข้าเส้นช่วยได้ไม่นานก็จะปวดอีกครับถ้าอยากจะให้หายปวดต้องฉีดเข้าที่สันหลังตรงข้อที่เป็นปัญหาซึ่งการที่จะทำแบบนั้นได้ต้อง MRI ดูว่าจะฉีดเข้าข้อไหนได้ครับ ซึ่งเย็นวันนั้นคุณแม่จึงให้พี่เอยกเลิกนัดหมอที่คลีนิคไปค่ะ
-คุณแม่เริ่มมีอาการปวดหลังมากจนแทบจะทำทุกอย่างลำบากไปหมดได้นอนเฉยๆอยู่บนห้องจนถึงวันที่ 12 มกรา ปวดจนไม่ไหวและตอนนั้นจึงได้โทรตามพี่บีมาพาไปหาหมอที่ รพ.เอกชนชื่อดังแถวรามคำแหง คุณหมอขอเอ็กซเรย์เพื่อตรวจสอบดูอาการเบื้องต้น ครั้งนี้อาจจะเพราะเป็นรพ.เอกชนมีผู้ช่วยหลายคนคุณแม่จึงสามารถนอนเอ็กซเรย์ได้ค่ะ
-ผลการตรวจ 12 มกราคม คุณหมอแจ้งว่าสันหลังคุณแม่เสื่อมมากพรุนมากๆเหมือนกับคุณหมอท่านแรกที่ได้พบ แต่ได้ตรวจพบค้ลายกับเป็นอาการติดเชื้อที่กระดูกส่วนบนเพราะจากผลกระดูกส่วนนั้นมองไม่เห็นค่ะ หมอแจ้งว่าเป็น 3 อย่าง 1.ติดเชื้อ(คุณหมอเน้นหนักไปทางนี้มากที่สุด) 2.ก้อนเนื้อปกติ 3.ก้อนเนื้อร้าย หมอจะขอ MRI เพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง แต่ตอนนั้นเนื่องจากเราไม่มีเงินมากพอด้วยและพี่บีก็ไม่แสดงความต้องการที่จะให้คุณแม่ทำ MRI จึงได้แจ้งคุณหมอว่าจะขอไปหาตามสิทธิในวันพรุ่งนี้ เราจึงขอผลวินิจฉัยกับผลเอ็กซเรย์กับทางรพ.เพื่อนำไปหาหมอในวันพรุ่งนี้ค่ะ
-วันที่ 13 มกรา คุณแม่ได้พบหมอที่รพ.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งตรงอนุสาวรีย์ตามสิทธิ คุณหมอแจ้งเหมือนกันค่ะแต่เห็นต่างตรงกระดูกที่มองไม่เห็นว่ากระดูกไม่ได้ติดเชื้อแต่มันแค่บางมากจนมองไม่เห็นคุณหมอได้ส่งคุณแม่ตรวจทุกอย่าง และจากการยกมือไว้ขอร้องทุกๆแผนกที่คุณหมอส่งตรวจเลยได้คิวที่ไวที่สุดมากๆมาค่ะ คือ MRI วันที่ 13 กุมภา แล้วหลังจากนั้นก็ได้ฉีดยาแก้ปวดและจ่ายยาตามนัดหมอค่ะ
-วันที่ 15 มกราคม คุณแม่ปวดหลังจนตัวสั่นตัวเกร็งไปหมดเลยไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย ขยับไม่ได้เลย แฟนเราเลยโทรหาพี่บีเพื่อที่จะพาคุณแม่ไป MRI ที่รพ.เอกชน ค่าใช้จ่ายหาร 3 และได้มีการคาดคะเนค่าใช้จ่ายกันว่าประมาณ 30,000 บาท รวม MRI ฉีดสี ค่าหมออ่าน ค่ารถพยาบาล ค่าฉีดยาแก้ปวด แพอถึงรพ.คุณแม่ปวดจนไข้ขึ้น คุณหมอจึงแจ้งว่าต้องให้คุณแม่แอดมิด เราได้สอบถามคุณหมอว่าถ้าจะไม่นอนแล้วให้คุณหมอฉีดสเตียรอยแก้ปวดแบบนั้นให้คุณแม่แทนได้ไหม คุณหมอถึงขั้นบอกว่าใครบอกเรื่องการฉีดสเตียรอยด์แก้ปวดรู้ไหมว่าการที่คุณแม่ติดเชื้อและถ้าไปฉีดสเตียรอยจะทำให้เชื้อลุกลามและคุณแม่อาจจะเสียชีวิตได้หมอไม่แนะนำเลยครับ การที่ให้คุณแม่แอดมินในคืนนี้เพื่อที่จะได้ใกล้มือหมอเพราะถ้าทำเรื่องส่งตัวไปวันนี้ไม่ทันแล้วและแต่ถ้าไม่มีผลการวินิจฉัยสุดท้ายที่รพ.ทางคุณแม่ก็ได้แค่ฉีดยาแก้ปวดและกลับบ้านเหมือนทุกครั้งที่เคยพบเจอมา เราเลยแจ้งว่าถ้าจะให้คุณแม่นอนที่นี่ 1 คืนและรอฟังผล MRI พรุ่งนี้ และจะขอให้ทางคุณหมอนั้นประสานไปยังรพ.ตามสิทธิ์เพื่อรับคุณแม่แบบนั้นได้ไหม คุณหมอแจ้งว่าได้เพราะจะมีการอ่านผลจาก MRI อาการป่วยจะแสดงชัดเจนมากขึ้น หมอจะสามารถเขียนผลการวินิฉัยเบื้องต้นเพื่อประสานไปยังรพ.ตามสิทธิ์ได้ เราจึงตกลงเพราะได้คุยกับทางรพ.แจ้งว่าค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 บาท แต่ยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เราจึงตกลงเพราะถึงจะเกินจากที่คุยไว้แต่หาร 3 น่าจะพอไหวเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ย้ายคุณแม่ไปรักษาตามสิทธิ์ เราจึงได้ใช้ไลน์คุณแม่ทักไปหาพี่เอว่าเราประมาณไว้ว่าตอนนี้คือ 40,000 บาท และเราก็ไลน์บอกแฟนเราเหมือนกัน สักพักพี่เอโทรเข้ามาเครื่องของคุณแม่เราจึงรับสายพี่เอบอกว่าคุณอาที่พี่เอได้ฝากเงินไว้ไม่ยอมโอนเงินให้ และยังบอกให้เราเอาคุณแม่ออกจากรพ.ทันทีแต่ตอนนั้นมันคือหลังจากที่เราได้ตกลงกับทางรพ.ไปเรียบร้อยหมดแล้วค่ะและคุณแม่กำลัง MRI อยู่ เราเลยบอกว่าให้พี่เอโทรไปคุยกับแฟนเรา เพราะเรามัวแต่วุ่นวายกับคุณแม่ที่รพ. มารู้อีกทีคือพี่เอกับพี่บีได้ทะเลาะกันรุนแรงมากๆกับแฟนเรา เนื่องจากเอาเรื่องเก่ามาทะเลาะกัน และได้มีการตัดพี่น้องซึ่ง ณ จุดนั้นเรางงมากๆแบบว่าอะไรกันแม่นอนป่วยอยู่รพ.ทั้งคนจะเป็นยังไงก็ไม่รู้แต่ลูกมานั่งขุดเรื่องเก่าทะเลาะกัน เราไม่ได้สนใจเลยเพราะจุดนั้นเรามองคนป่วยซึ่งเป็นคุณแม่สำคัญกว่า
-ระหว่างที่คุณแม่ MRI โทรศัพท์คุณแม่อยู่กับเรา พี่บีเค้าส่งข้อความาหาคุณแม่แต่เราไม่ได้เปิดอ่าน พอคุณแม่ออกมาจากห้อง MRI เลยให้เราอ่านให้คุณแม่ฟัง พี่บีได้ส่งข้อความมาหาคุณแม่ว่าได้ตัดพี่ตัดน้องกับแฟนเราแล้วและจะไม่ขอรับรู้อะไรอีก ถ้าแฟนเราเลี้ยงแม่ไม่ไหวก็ให้เอาคุณแม่มาส่งไว้ที่บ้านแล้วกัน พอคุณแม่ก็ร้องไห้โฮเลยค่ะ บอกว่านี่แม่ป่วยอยู่นะลูกๆทำไมเป็นกันแบบนี้ และหลังจากข้อความนั้นก็ไม่มีข้อความใดๆส่งมาอีกเลย คุณแม่ได้โทรหาทั้งพี่เอและพี่เอ(โทรไลน์)แต่ทางนั้นก็ไม่รับสายอีกเลย ตอนนี้คุณแม่คล้ายกับผู้ป่วยติดเตียงเลยค่ะเพราะไม่สามารถขยับได้เลยเพราะปวดหลังร้าวลงขาแล้ว
- วันที่ 16 ผล MRI แสดงชัดเจนว่ามีการติดเชื้อที่กระสันหลังตรงที่สาวนคุณหมอเคยแจ้งไว้อยู่จริงๆ คุณหมอได้ประสานส่งตัวไปยังรพ.ตามสิทธิ์ให้แล้วอยู่ระหว่างการทำเรื่องส่งต่ออยู่ ส่วนติดเชื้ออะไรนั้นไม่ทราบเพราะจะต้องตัดชิ้นเนื้อไปเพาะดูเชื้อซึ่งได้มีคุณหมอทางด้านติดเชื้อมาแจ้งคุณและสงสัยว่าเป็นวัณโรคกระดูกสอบถามถึงมีใครใกล้ชิดที่เคยเป็นวัณโรคปอดไหม ซึ่งพี่ชายของแฟนนั้นเคยเป็นวัณโรคปอดระยะแพร่เชื้อแต่เป็นมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งหมอติดเชื้อบอกว่าเป็นได้ว่าคุณแม่อาจจะไปรับเชื้อมาและเชื้อนั้นเป็นวัณโรคแฝงอยู่ในร่างกาย พอร่างกายตรงไหนอ่อนแอเชื้อตัวนี้ก็จะไปเกาะและทำลายส่วนนั้น อันนี้คือผลวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนจะทำการส่งตัวไปรพ.ตามสิทธิ์
- จากการประสานงานของทางรพ.คุณแม่ได้เตียงที่รพ.ตามสิทธิเพราะคนไข้ติดเชื้อไม่สามารถให้ออกจากรพ.ได้ และทางรพ.ตามสิทธิ์รับตัวไว้ ต้องขอบคุณการประสานงานของรพ.เอกชนแห่งนั้นมากๆค่ะ
- และตั้งแต่คุณแม่นอนรพ.ตั้งแต่วันที่ 15 คุณแม่ได้โทรหาพี่เอและพี่บี(โทรไลน์)แต่ทางพี่เอและพี่บีไม่รับสายคุณแม่เลยส่งข้อความอะไปก็ไม่ตอบ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะบล็อคไลน์คุณแม่ไปแล้ว เราสงสารคุณแม่มากๆเราถึงขั้นโทรเข้าเบอร์ส่วนตัวของพี่บีฝากข้อความอาการป่วยของคุณแม่ไว้ส่งข้อความถึงพี่บีด้วยค่ะแต่ก็ยังไม่มีการติดต่กลับมาหาคุณแม่เลย คุณแม่จึงให้เราโทรหาหลานสาวคนโตเราจึงได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดไปกับหลานสาวและบอกว่าถึงจะตัดพี่ตัดน้องกับแฟนเรา และคุณแม่อาจจะเป็นต้นเหตุให้พี่น้องทะเลาะแต่มันคือพี่น้องทะเลาะกันไม่เกี่ยวกับคุณแม่เลยสักนิดทำไมถึงได้ตัดการติดต่อไปเลย แต่หลังจากนั้นหลานสาวก็ได้โทรหาคุณแม่ทุกวันค่ะ แต่ส่วนพี่เอกับพี่บีนั้นไม่ติดต่ออะไรมาเลยค่ะ ส่วนตัวคุณแม่ก็เอาแต่ร้องไห้หาพี่เอ พี่บี หลานสาว และหลานชาย ซึ่งเราเองอ่ะน้อยใจมากๆนะทั้งที่เราก็ดูแลคุณแม่แต่คุณกลับร้องไห้หาคนที่ไม่รับสาย ไม่รับรู้อะไรแล้ว เหมือนกับว่าไม่ใช่แค่ตัดพี่ตัดน้องแต่เหมือนตัดแม่ไปด้วย
- และจนถึงวันนี้ 23 มกรา รพ.ตามสิทธิ์ของคุณแม่ก็ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้เลยค่ะว่าคุณแม่เป็นอะไร ช่วง 18 มีการเก็บเลือด เก็บเสมหะไปเพาะเชื้อผลก็ยังไม่ออก หมอต้องรอผลเพาะเชื้อที่หลังอย่างเดียวเลยค่ะ และมีการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติมวันที่ 21 มกราคม ต้องรอผลอีก 5-7 วันค่ะ สอบถามคุณหมอคือ 1.ติดเชื้อ 2.วัณโรคกระดูก 3.มะเร็งขั้นลุกลาม ซึ่งหนักไปทางข้อที่ 1 กับ 3 จึงต้อง CTScan วันที่ 26 เพื่อจะดูช่องท้องทั้งหมดว่าพบมะเร็งไหม
- ใครพอจะมีความรู้เรื่องโรคแบบนี้ไหม และเราควรจะทำยังไงต่อไปดีเพื่อให้คุณแม่ได้เจอกับลูกหลาน คือเราร้องไห้ตามน่าสงสารมากๆค่ะทั้งอาการป่วยทางใจและอาการป่วยทางกาย
แม่สามีเราป่วยเป็นโรคอะไรจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัดเลยใครพอจะมีความรู้บ้างคะ และเราอยากจะระบายความอัดอั้นด้วยค่ะ
- คุณแม่ของแฟนมีอาการปวดหลังมา 4-5 เดือนแต่ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาที่คลีนิคใกล้บ้าน โดยหมอก็จ่ายแต่ยาแก้ปวด ช่วงกลางเดือนธันวาคมอาการปวดไม่ได้ทุเลาลงเลยคุณแม่จึงขอร้องให้คุณหมอส่งตัวไปรักษาที่รพ. และได้ทำนัดใบส่งตัววันที่ 13 มกราคม 68 ค่ะ
-คุณแม่มีอาการปวดหลังมากจนนอนไม่ได้ ถ่ายไม่ออก มาโดยตลอดจนถึงวันที่ 7 มกรา 68 ปวดไม่ไหวไปหาหมอที่คลีนิคแต่ที่คลีนิคไม่มียาแก้ปวดฉีดให้ส่งตัวต่อไปรพ.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งตรงอนุสาวรีย์ตามสิทธิแต่พอไปถึงรพ.กลับแจ้งว่าไม่มีคุณหมอแล้ว ให้กลับบ้านไปและกลับมาใหม่ในพรุ่งนี้สามารถใช้ใบส่งตัวมายื่นได้เลย
-ระหว่างนั้นทางพี่เอของแฟนได้แนะนำให้คุณแม่ไปฉีดสเตียรอยด์ที่คลีนิคแห่งหนึ่งซึ่งดังมากเรื่องการปวดข้อแต่คุณแม่บอกว่าพรุ่งนี้ได้หาหมอแล้วแต่พี่สาวแฟนจึงได้ทำนัดให้วันที่ 10 มกราคม
- วันที่ 8 มกราคม เราเดินทางไป รพ.นั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าใบส่งตัวนั้นใช้ไม่ได้เพราะเป็นของเมื่อวานถ้าจะหาหมอวันนี้ต้องจ่ายเงินเอง เราจึงตกลงเพราะคุณแม่ไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่พอขึ้นไปถึงแผนกกระดูก พยาบาลที่เคาท์เตอร์แจ้งว่าวันนี้หมอสันหลังไม่เข้าถ้าจะหาหมอสันหลังต้องมาตามในใบนัดคุณแม่วันที่ 13 เราแจ้งว่าคุณแม่ปวดหลังไม่ไหวจริงๆ พยาบาลจึงบอกให้เราลงไปหาหมออายุรกรรแทนให้เขาฉีดยาแก้ปวดให้ ซึ่งตอนนั้นในใจเราร้อนรนมากๆเพราะคุณแม่ปวดไม่ไหว เราเลยตั้งสติโทรหารพ.ทุกรพ.ที่ใกล้ๆเพื่อที่จะได้พาคุณแม่ไปหาหมอกระดูกจนได้หาหมอที่รพ.ใกล้เคียง คุณแม่ได้เอ็กซเรย์ดูกสันหลังแต่ตอนนั้นคุณแม่นอนราบไม่ได้เลยค่ะต้องยืนเอกซเรย์แบบที่เราเอกซเรย์ปอดกันอ่ะค่ะ จากผลตรวจพบว่าสันหลังเสื่อมและกระดูกพรุนมากๆค่ะ ซึ่งหมอแจ้งว่าไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัดแต่ต้องกายภาพบำบัดบวกกับทานวิตามินเสริมเพื่อไม่ให้กระดูกแย่ไปมากกว่านี้ ทางเราจึงบอกคุณแหมอว่าคุณแม่มีนัดตามสิทธิ์ในวันที่ 13 มกราคา คุณหมอได้จ่ายยาแก้ปวดและฉีดยาแก้ปวดและนัดครั้งต่อไป และเราได้สอบถามคุณหมอถ้าจะไปคลีนิคที่พี่เอนัดให้วันที่ 10 เพื่อแก้ปวดให้คุณแม่ระหว่างนี้สามารถทำได้ไหม คุณหมอแจ้งว่าทำไม่ได้นะครับคนไข้ปวดที่หลังการที่ฉีดสเตียรอยเข้าเส้นช่วยได้ไม่นานก็จะปวดอีกครับถ้าอยากจะให้หายปวดต้องฉีดเข้าที่สันหลังตรงข้อที่เป็นปัญหาซึ่งการที่จะทำแบบนั้นได้ต้อง MRI ดูว่าจะฉีดเข้าข้อไหนได้ครับ ซึ่งเย็นวันนั้นคุณแม่จึงให้พี่เอยกเลิกนัดหมอที่คลีนิคไปค่ะ
-คุณแม่เริ่มมีอาการปวดหลังมากจนแทบจะทำทุกอย่างลำบากไปหมดได้นอนเฉยๆอยู่บนห้องจนถึงวันที่ 12 มกรา ปวดจนไม่ไหวและตอนนั้นจึงได้โทรตามพี่บีมาพาไปหาหมอที่ รพ.เอกชนชื่อดังแถวรามคำแหง คุณหมอขอเอ็กซเรย์เพื่อตรวจสอบดูอาการเบื้องต้น ครั้งนี้อาจจะเพราะเป็นรพ.เอกชนมีผู้ช่วยหลายคนคุณแม่จึงสามารถนอนเอ็กซเรย์ได้ค่ะ
-ผลการตรวจ 12 มกราคม คุณหมอแจ้งว่าสันหลังคุณแม่เสื่อมมากพรุนมากๆเหมือนกับคุณหมอท่านแรกที่ได้พบ แต่ได้ตรวจพบค้ลายกับเป็นอาการติดเชื้อที่กระดูกส่วนบนเพราะจากผลกระดูกส่วนนั้นมองไม่เห็นค่ะ หมอแจ้งว่าเป็น 3 อย่าง 1.ติดเชื้อ(คุณหมอเน้นหนักไปทางนี้มากที่สุด) 2.ก้อนเนื้อปกติ 3.ก้อนเนื้อร้าย หมอจะขอ MRI เพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง แต่ตอนนั้นเนื่องจากเราไม่มีเงินมากพอด้วยและพี่บีก็ไม่แสดงความต้องการที่จะให้คุณแม่ทำ MRI จึงได้แจ้งคุณหมอว่าจะขอไปหาตามสิทธิในวันพรุ่งนี้ เราจึงขอผลวินิจฉัยกับผลเอ็กซเรย์กับทางรพ.เพื่อนำไปหาหมอในวันพรุ่งนี้ค่ะ
-วันที่ 13 มกรา คุณแม่ได้พบหมอที่รพ.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งตรงอนุสาวรีย์ตามสิทธิ คุณหมอแจ้งเหมือนกันค่ะแต่เห็นต่างตรงกระดูกที่มองไม่เห็นว่ากระดูกไม่ได้ติดเชื้อแต่มันแค่บางมากจนมองไม่เห็นคุณหมอได้ส่งคุณแม่ตรวจทุกอย่าง และจากการยกมือไว้ขอร้องทุกๆแผนกที่คุณหมอส่งตรวจเลยได้คิวที่ไวที่สุดมากๆมาค่ะ คือ MRI วันที่ 13 กุมภา แล้วหลังจากนั้นก็ได้ฉีดยาแก้ปวดและจ่ายยาตามนัดหมอค่ะ
-วันที่ 15 มกราคม คุณแม่ปวดหลังจนตัวสั่นตัวเกร็งไปหมดเลยไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย ขยับไม่ได้เลย แฟนเราเลยโทรหาพี่บีเพื่อที่จะพาคุณแม่ไป MRI ที่รพ.เอกชน ค่าใช้จ่ายหาร 3 และได้มีการคาดคะเนค่าใช้จ่ายกันว่าประมาณ 30,000 บาท รวม MRI ฉีดสี ค่าหมออ่าน ค่ารถพยาบาล ค่าฉีดยาแก้ปวด แพอถึงรพ.คุณแม่ปวดจนไข้ขึ้น คุณหมอจึงแจ้งว่าต้องให้คุณแม่แอดมิด เราได้สอบถามคุณหมอว่าถ้าจะไม่นอนแล้วให้คุณหมอฉีดสเตียรอยแก้ปวดแบบนั้นให้คุณแม่แทนได้ไหม คุณหมอถึงขั้นบอกว่าใครบอกเรื่องการฉีดสเตียรอยด์แก้ปวดรู้ไหมว่าการที่คุณแม่ติดเชื้อและถ้าไปฉีดสเตียรอยจะทำให้เชื้อลุกลามและคุณแม่อาจจะเสียชีวิตได้หมอไม่แนะนำเลยครับ การที่ให้คุณแม่แอดมินในคืนนี้เพื่อที่จะได้ใกล้มือหมอเพราะถ้าทำเรื่องส่งตัวไปวันนี้ไม่ทันแล้วและแต่ถ้าไม่มีผลการวินิจฉัยสุดท้ายที่รพ.ทางคุณแม่ก็ได้แค่ฉีดยาแก้ปวดและกลับบ้านเหมือนทุกครั้งที่เคยพบเจอมา เราเลยแจ้งว่าถ้าจะให้คุณแม่นอนที่นี่ 1 คืนและรอฟังผล MRI พรุ่งนี้ และจะขอให้ทางคุณหมอนั้นประสานไปยังรพ.ตามสิทธิ์เพื่อรับคุณแม่แบบนั้นได้ไหม คุณหมอแจ้งว่าได้เพราะจะมีการอ่านผลจาก MRI อาการป่วยจะแสดงชัดเจนมากขึ้น หมอจะสามารถเขียนผลการวินิฉัยเบื้องต้นเพื่อประสานไปยังรพ.ตามสิทธิ์ได้ เราจึงตกลงเพราะได้คุยกับทางรพ.แจ้งว่าค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 บาท แต่ยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เราจึงตกลงเพราะถึงจะเกินจากที่คุยไว้แต่หาร 3 น่าจะพอไหวเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ย้ายคุณแม่ไปรักษาตามสิทธิ์ เราจึงได้ใช้ไลน์คุณแม่ทักไปหาพี่เอว่าเราประมาณไว้ว่าตอนนี้คือ 40,000 บาท และเราก็ไลน์บอกแฟนเราเหมือนกัน สักพักพี่เอโทรเข้ามาเครื่องของคุณแม่เราจึงรับสายพี่เอบอกว่าคุณอาที่พี่เอได้ฝากเงินไว้ไม่ยอมโอนเงินให้ และยังบอกให้เราเอาคุณแม่ออกจากรพ.ทันทีแต่ตอนนั้นมันคือหลังจากที่เราได้ตกลงกับทางรพ.ไปเรียบร้อยหมดแล้วค่ะและคุณแม่กำลัง MRI อยู่ เราเลยบอกว่าให้พี่เอโทรไปคุยกับแฟนเรา เพราะเรามัวแต่วุ่นวายกับคุณแม่ที่รพ. มารู้อีกทีคือพี่เอกับพี่บีได้ทะเลาะกันรุนแรงมากๆกับแฟนเรา เนื่องจากเอาเรื่องเก่ามาทะเลาะกัน และได้มีการตัดพี่น้องซึ่ง ณ จุดนั้นเรางงมากๆแบบว่าอะไรกันแม่นอนป่วยอยู่รพ.ทั้งคนจะเป็นยังไงก็ไม่รู้แต่ลูกมานั่งขุดเรื่องเก่าทะเลาะกัน เราไม่ได้สนใจเลยเพราะจุดนั้นเรามองคนป่วยซึ่งเป็นคุณแม่สำคัญกว่า
-ระหว่างที่คุณแม่ MRI โทรศัพท์คุณแม่อยู่กับเรา พี่บีเค้าส่งข้อความาหาคุณแม่แต่เราไม่ได้เปิดอ่าน พอคุณแม่ออกมาจากห้อง MRI เลยให้เราอ่านให้คุณแม่ฟัง พี่บีได้ส่งข้อความมาหาคุณแม่ว่าได้ตัดพี่ตัดน้องกับแฟนเราแล้วและจะไม่ขอรับรู้อะไรอีก ถ้าแฟนเราเลี้ยงแม่ไม่ไหวก็ให้เอาคุณแม่มาส่งไว้ที่บ้านแล้วกัน พอคุณแม่ก็ร้องไห้โฮเลยค่ะ บอกว่านี่แม่ป่วยอยู่นะลูกๆทำไมเป็นกันแบบนี้ และหลังจากข้อความนั้นก็ไม่มีข้อความใดๆส่งมาอีกเลย คุณแม่ได้โทรหาทั้งพี่เอและพี่เอ(โทรไลน์)แต่ทางนั้นก็ไม่รับสายอีกเลย ตอนนี้คุณแม่คล้ายกับผู้ป่วยติดเตียงเลยค่ะเพราะไม่สามารถขยับได้เลยเพราะปวดหลังร้าวลงขาแล้ว
- วันที่ 16 ผล MRI แสดงชัดเจนว่ามีการติดเชื้อที่กระสันหลังตรงที่สาวนคุณหมอเคยแจ้งไว้อยู่จริงๆ คุณหมอได้ประสานส่งตัวไปยังรพ.ตามสิทธิ์ให้แล้วอยู่ระหว่างการทำเรื่องส่งต่ออยู่ ส่วนติดเชื้ออะไรนั้นไม่ทราบเพราะจะต้องตัดชิ้นเนื้อไปเพาะดูเชื้อซึ่งได้มีคุณหมอทางด้านติดเชื้อมาแจ้งคุณและสงสัยว่าเป็นวัณโรคกระดูกสอบถามถึงมีใครใกล้ชิดที่เคยเป็นวัณโรคปอดไหม ซึ่งพี่ชายของแฟนนั้นเคยเป็นวัณโรคปอดระยะแพร่เชื้อแต่เป็นมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งหมอติดเชื้อบอกว่าเป็นได้ว่าคุณแม่อาจจะไปรับเชื้อมาและเชื้อนั้นเป็นวัณโรคแฝงอยู่ในร่างกาย พอร่างกายตรงไหนอ่อนแอเชื้อตัวนี้ก็จะไปเกาะและทำลายส่วนนั้น อันนี้คือผลวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนจะทำการส่งตัวไปรพ.ตามสิทธิ์
- จากการประสานงานของทางรพ.คุณแม่ได้เตียงที่รพ.ตามสิทธิเพราะคนไข้ติดเชื้อไม่สามารถให้ออกจากรพ.ได้ และทางรพ.ตามสิทธิ์รับตัวไว้ ต้องขอบคุณการประสานงานของรพ.เอกชนแห่งนั้นมากๆค่ะ
- และตั้งแต่คุณแม่นอนรพ.ตั้งแต่วันที่ 15 คุณแม่ได้โทรหาพี่เอและพี่บี(โทรไลน์)แต่ทางพี่เอและพี่บีไม่รับสายคุณแม่เลยส่งข้อความอะไปก็ไม่ตอบ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะบล็อคไลน์คุณแม่ไปแล้ว เราสงสารคุณแม่มากๆเราถึงขั้นโทรเข้าเบอร์ส่วนตัวของพี่บีฝากข้อความอาการป่วยของคุณแม่ไว้ส่งข้อความถึงพี่บีด้วยค่ะแต่ก็ยังไม่มีการติดต่กลับมาหาคุณแม่เลย คุณแม่จึงให้เราโทรหาหลานสาวคนโตเราจึงได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดไปกับหลานสาวและบอกว่าถึงจะตัดพี่ตัดน้องกับแฟนเรา และคุณแม่อาจจะเป็นต้นเหตุให้พี่น้องทะเลาะแต่มันคือพี่น้องทะเลาะกันไม่เกี่ยวกับคุณแม่เลยสักนิดทำไมถึงได้ตัดการติดต่อไปเลย แต่หลังจากนั้นหลานสาวก็ได้โทรหาคุณแม่ทุกวันค่ะ แต่ส่วนพี่เอกับพี่บีนั้นไม่ติดต่ออะไรมาเลยค่ะ ส่วนตัวคุณแม่ก็เอาแต่ร้องไห้หาพี่เอ พี่บี หลานสาว และหลานชาย ซึ่งเราเองอ่ะน้อยใจมากๆนะทั้งที่เราก็ดูแลคุณแม่แต่คุณกลับร้องไห้หาคนที่ไม่รับสาย ไม่รับรู้อะไรแล้ว เหมือนกับว่าไม่ใช่แค่ตัดพี่ตัดน้องแต่เหมือนตัดแม่ไปด้วย
- และจนถึงวันนี้ 23 มกรา รพ.ตามสิทธิ์ของคุณแม่ก็ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้เลยค่ะว่าคุณแม่เป็นอะไร ช่วง 18 มีการเก็บเลือด เก็บเสมหะไปเพาะเชื้อผลก็ยังไม่ออก หมอต้องรอผลเพาะเชื้อที่หลังอย่างเดียวเลยค่ะ และมีการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติมวันที่ 21 มกราคม ต้องรอผลอีก 5-7 วันค่ะ สอบถามคุณหมอคือ 1.ติดเชื้อ 2.วัณโรคกระดูก 3.มะเร็งขั้นลุกลาม ซึ่งหนักไปทางข้อที่ 1 กับ 3 จึงต้อง CTScan วันที่ 26 เพื่อจะดูช่องท้องทั้งหมดว่าพบมะเร็งไหม
- ใครพอจะมีความรู้เรื่องโรคแบบนี้ไหม และเราควรจะทำยังไงต่อไปดีเพื่อให้คุณแม่ได้เจอกับลูกหลาน คือเราร้องไห้ตามน่าสงสารมากๆค่ะทั้งอาการป่วยทางใจและอาการป่วยทางกาย