“อตัมมยตา” ความมีจิตที่อะไรๆปรุงแต่งไม่ได้
.
….. “ จะพูดอีกสักคำซึ่งกำลังเป็นปัญหา คือ จะมี“อตัมมยตา”
คำนี้ไม่รู้จักใช่ไหม? อตัมมยตา คือ ภาวะแห่งจิตใจที่อะไรๆจะปรุงแต่งไม่ได้
บาปอกุศลก็ปรุงแต่งจิตนี้ไม่ได้ บุญหรือกุศลก็ปรุงแต่งจิตนี้ไม่ได้
ปัจจัยอะไรทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ปรุงแต่งไม่ได้
โลกธรรมฝ่ายดีก็ปรุงแต่งไม่ได้ ฝ่ายชั่วก็ปรุงแต่งไม่ได้
จิตที่อยู่ในสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อย่างนี้เรียกว่า “อตัมมยตา”
ไม่สำเร็จมาแต่สิ่งปรุงแต่งนั้น เดี๋ยวนี้อะไรมันก็ปรุงแต่งได้
เพราะมันมีได้ทั้งสองทางนี้ ทางบวกทางลบ ปรุงแต่งกันเรื่อยไม่หยุด
ถ้าอยู่เหนือความเป็นบวกเป็นลบแล้วอะไรจะปรุงแต่งได้
ก็เรียกว่ามี อตัมมยตา ก็ปรุงแต่งไม่ได้
เพราะไม่มีกิเลส เพราะมันก็สิ้นกิเลสนั้นแหละจึงจะปรุงแต่งไม่ได้
….. ดังนั้น ความมีอตัมมยตามันก็เป็นพระอรหันต์
ความหมายแห่งความเป็นพระอรหันต์
ถ้าปรุงแต่งได้ก็เป็นบุถุชน
ปรุงแต่งน้อยเข้าๆก็เป็นพระอริยเจ้า
ไม่ปรุงแต่งเลยมันก็เป็นพระอรหันต์
เดี๋ยวนี้จะมีภาวะของจิตที่อะไรๆปรุงแต่งไม่ได้ก็เรียกว่าอตัมมยตา
….. มันตกค้างอยู่ในพระไตรปิฎก
ไม่มีใครจะเอามาพูด พออาตมาเอามาพูดเขาก็ว่าเอามาหลอกคน
เอาอะไรไม่รู้มาหลอกคน ย้อมแมวขาย ที่จริงเป็นเรื่องตกค้าง
อยู่ในพระไตรปิฎก มีอยู่หลายแห่งแต่ไม่ได้เอามาพูดกัน
ควรจะได้ยินเสียด้วยว่า “อตัมมยตา”
ความที่อะไรๆปรุงแต่งจิตนี้ไม่ได้อีกต่อไป
มันมาจากการปฏิบัติธรรมสูงสุดมาแล้วตามลำดับๆ มีปรมัตถธรรมที่เห็นมาแล้วตามลำดับ
คือเห็น อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา
แล้วก็เห็น ธัมมัฏฐิตตา ธัมมนิยามตา อิทัปปัจจยตา แล้วก็เห็น สุญญตา ตถาตา แล้วก็ อตัมมยตา
มันเป็นอันดับสุดท้ายของความเห็นที่ถูกต้อง
เห็นจนไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร
…..
ภาวะที่ปรุงแต่งไม่ได้นี้เรียกว่า“อตัมมยตา”
จะเกิดกิเลสอีกก็ไม่ได้ เกิดความรู้สึกในบวกในลบอีกไม่ได้
ไม่หลงดีหลงชั่ว หลงบาปหลงบุญ ไม่หลงในอะไรหมด
….. นี่..สบายเท่าไหร่ล่ะ “อตัมมยตา” คือความที่อะไรๆปรุงแต่งจิตไม่ได้
ผู้ใดมีอตัมมยตาผู้นั้นเป็น “อตัมมโย”
คือเป็นพระอรหันต์ เมื่อถึงที่สุดแห่งปรมัตถธรรมแล้วอตัมมยตาก็มีขึ้นมา
มันก็เป็น “อตัมมโย” คือ พระอรหันต์…”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายแก่คณะสมาธิภาวนา ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๓๔ ที่หน้ากุฏิ สวนโมกขพลาราม จากหนังสือธรรมบรรยาย “ปรมัตถธรรมสำหรับดำเนินชีวิต หน้า ๑๗๖ - ๑๗๗
# ท. ส. ปัญญาวุฑโฒ - รวบรวม. #
จัมมยตา คืออะไรอธิบายโดยท่านพระพุทธทาส
.
….. “ จะพูดอีกสักคำซึ่งกำลังเป็นปัญหา คือ จะมี“อตัมมยตา”
คำนี้ไม่รู้จักใช่ไหม? อตัมมยตา คือ ภาวะแห่งจิตใจที่อะไรๆจะปรุงแต่งไม่ได้
บาปอกุศลก็ปรุงแต่งจิตนี้ไม่ได้ บุญหรือกุศลก็ปรุงแต่งจิตนี้ไม่ได้
ปัจจัยอะไรทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ปรุงแต่งไม่ได้
โลกธรรมฝ่ายดีก็ปรุงแต่งไม่ได้ ฝ่ายชั่วก็ปรุงแต่งไม่ได้
จิตที่อยู่ในสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อย่างนี้เรียกว่า “อตัมมยตา”
ไม่สำเร็จมาแต่สิ่งปรุงแต่งนั้น เดี๋ยวนี้อะไรมันก็ปรุงแต่งได้
เพราะมันมีได้ทั้งสองทางนี้ ทางบวกทางลบ ปรุงแต่งกันเรื่อยไม่หยุด
ถ้าอยู่เหนือความเป็นบวกเป็นลบแล้วอะไรจะปรุงแต่งได้
ก็เรียกว่ามี อตัมมยตา ก็ปรุงแต่งไม่ได้
เพราะไม่มีกิเลส เพราะมันก็สิ้นกิเลสนั้นแหละจึงจะปรุงแต่งไม่ได้
….. ดังนั้น ความมีอตัมมยตามันก็เป็นพระอรหันต์
ความหมายแห่งความเป็นพระอรหันต์
ถ้าปรุงแต่งได้ก็เป็นบุถุชน
ปรุงแต่งน้อยเข้าๆก็เป็นพระอริยเจ้า
ไม่ปรุงแต่งเลยมันก็เป็นพระอรหันต์
เดี๋ยวนี้จะมีภาวะของจิตที่อะไรๆปรุงแต่งไม่ได้ก็เรียกว่าอตัมมยตา
….. มันตกค้างอยู่ในพระไตรปิฎก
ไม่มีใครจะเอามาพูด พออาตมาเอามาพูดเขาก็ว่าเอามาหลอกคน
เอาอะไรไม่รู้มาหลอกคน ย้อมแมวขาย ที่จริงเป็นเรื่องตกค้าง
อยู่ในพระไตรปิฎก มีอยู่หลายแห่งแต่ไม่ได้เอามาพูดกัน
ควรจะได้ยินเสียด้วยว่า “อตัมมยตา”
ความที่อะไรๆปรุงแต่งจิตนี้ไม่ได้อีกต่อไป
มันมาจากการปฏิบัติธรรมสูงสุดมาแล้วตามลำดับๆ มีปรมัตถธรรมที่เห็นมาแล้วตามลำดับ
คือเห็น อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา
แล้วก็เห็น ธัมมัฏฐิตตา ธัมมนิยามตา อิทัปปัจจยตา แล้วก็เห็น สุญญตา ตถาตา แล้วก็ อตัมมยตา
มันเป็นอันดับสุดท้ายของความเห็นที่ถูกต้อง
เห็นจนไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร
…..
ภาวะที่ปรุงแต่งไม่ได้นี้เรียกว่า“อตัมมยตา”
จะเกิดกิเลสอีกก็ไม่ได้ เกิดความรู้สึกในบวกในลบอีกไม่ได้
ไม่หลงดีหลงชั่ว หลงบาปหลงบุญ ไม่หลงในอะไรหมด
….. นี่..สบายเท่าไหร่ล่ะ “อตัมมยตา” คือความที่อะไรๆปรุงแต่งจิตไม่ได้
ผู้ใดมีอตัมมยตาผู้นั้นเป็น “อตัมมโย”
คือเป็นพระอรหันต์ เมื่อถึงที่สุดแห่งปรมัตถธรรมแล้วอตัมมยตาก็มีขึ้นมา
มันก็เป็น “อตัมมโย” คือ พระอรหันต์…”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายแก่คณะสมาธิภาวนา ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๓๔ ที่หน้ากุฏิ สวนโมกขพลาราม จากหนังสือธรรมบรรยาย “ปรมัตถธรรมสำหรับดำเนินชีวิต หน้า ๑๗๖ - ๑๗๗
# ท. ส. ปัญญาวุฑโฒ - รวบรวม. #