เราพึ่งรู้ตัวว่าเราเป็นคน toxic ก็ตอนที่เพื่อนเตือน ฉะนั้น เมื่อรู้ตัวเราจึงแก้ไข
เลยตั้งใจว่า เริ่มต้นตั้งแต่ปีใหม่ คือจะคิดดี พูดดี ทำดี
แต่เรื่องมีอยู่ว่า เราตั้งใจจะปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ให้เป็นคนที่ดีกว่าเดิม พัฒนาตัวเองให้ไม่แย่ลง ทั้งความคิด จิตใจ การกระทำ
แต่มันก็มีสิ่งยั่วยุ คือ ที่ทำงานจะมีเราและพี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่อายุห่างกันเป็นรอบ ซึ่งเราคิดว่า ทั้งเราและพี่ผู้หญิงคนนี้ น่าจะรู้สึกดีกับผู้ชายคนเดียวกัน ซึ่งผู้ชายคนนี้อายุน้อยกว่าเรา และอยู่แผนกเดียวกับเรา
นิสัยของพี่ผู้หญิงคนนี้ เรามองว่าเค้าเป็นคนอยู่เป็น เอาตัวรอดเก่ง ฉลาด มองคนออก
นิสัยของเค้าเวลาทำกับคนอื่น แบบว่าเวลาคุยต่อหน้าก็พูดคุยดี แต่พอวางสายหรือไม่ได้อยู่ต่อหน้า ถ้าเค้ารู้สึกไม่โอเคก็จะมีบ่นๆบ้าง เราเลยมองว่า คนนี้เค้าอยู่เป็นนะ แต่เราไม่สนใจเพราะคิดว่า เราไม่ใช่ผู้ถูกกระทำแบบนี้ แต่ถ้าเราเป็นผู้ถูกกระทำ เราก็ไม่โอเคหรอก ดูไม่จริงใจอะ
บางทีเวลาเราติดต่อเรื่องงานกับพี่เค้า เค้าก็มีมองด้วยสายตาไม่โอเคและคำพูดที่ดูไม่น่าฟังบ้าง แต่เราเบือกที่จะปล่อย ช่างมัน
แต่เปิดปีใหม่มา เราโดนเค้ากระทำด่วยนิสัยเหมือนที่กล่าวมาข้างบน 3 ครั้งในเวลาใกล้เคียงกัน
ยกตัวอย่างคือ วันนั้นมีผู้ใหญ่เข้ามาประชุมรวม แล้วเราต้องดูพวกเครื่องดื่ม น้ำเปล่า กาแฟ คอยเทคแคร์เค้า ตอนเช้าเราเลยไปถามพี่เค้าที่แผนกว่า มีกาแฟดำมั้ยคะ เค้าก็หันมาตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงแบบไม่ค่อยอยากคุยด้วย เราก็ไม่ได้อะไร ทำหน้าที่เราต่อไป พอมาช่วงบ่าย พี่เค้าขึ้นมาที่แผนกเรา เค้าจะมาขอไฟล์รายชื่อสมาชิกในที่ทำงาน แต่สีหน้าและน้ำเสียงต่างจากที่เราไปหาเค้าเมื่อเช้าโดยสิ้นเชิง หน้ายิ้มเข้ามาเลย แล้วน้ำเสียงก็คนละฟิลกับเมื่อเช้าเลย เพราะมีน้องผู้ชายคนที่เราทั้งคู่รู้สึกดีด้วย นั่งทำงานอยู่ในห้อง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่เค้าทำแบบนี้กับเรา คือ เวลาอยู่กัน 2 คน เราถามเค้า เค้าจะสีหน้าและน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจหรือไม่อยากคุยกัยเรา แต่ถ้ามีบุคคลที่ 3 4 ขึ้นมา ฟิลจะเป็นอีกฟิลเลย ตอนนั้นเราก็เลยตอบด้วยน้ำเสียงที่ปกติมาก ไม่ได้คะขาอะไร คืออยากให้รู้ไงว่า ทำไมเราถึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแบบนี้กับเค้า
ทีนี้ เรารู้สึกไม่โอเคเลย แต่เราไม่สู้คน เราก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่เราคิดแค่ว่า กับคนๆนี้ เรามีให้ได้แค่เพื่อนร่วมงาน เราไม่ให้ใจกับคนแบบนี้แน่นอน เรื่องส่วนตัวก็จะไม่คุยด้วย เรื่องงานเท่านั้นพอ
เรารู้สึกอึดอัดใจ แต่เราไม่สามารถคุยกับใครได้เลยในที่ทำงาน เพราะไม่รู้จะไว้ใจใครได้ เราเลบโทรปรึกษาคนที่บ้าน ก็เล่าเหตุการณ์ให้คนที่บ้านฟังทางโทรศัพท์ พอคุยเสร็จ เราก็ได้รู้ว่า ในห้องประชุมที่เราคุยโทรศัพท์กับคนที่บ้าน ไม่ได้มีเราอยู่ในห้องนั้นคนเดียว มีผู้ใหญ่คนนึงนอนอยู่ แต่อยู่อีกฝั่งนึงของห้อง ซึ่งเค้าได้ยินทุกคำพูดของเราแน่นอน และตั้งแต่วันนั้นมาเราไม่รู้ว่าเรื่องที่ผู้ใหญ่คนนั้นได้ยินตอนเราคุยกับที่บ้าน มันจะกระจายไปถึงไหนแล้ว ซึ่งนิสัยพี่ผู้หญิงคนนี้เค้าเข้ากับคนง่าย ใครให้ช่วยทำอะไรก็ทำ คือประมาณว่า ภาษีก็คงดีกว่าเรา เพราะเค้าเข้างานมาก่อน แต่เราเป็นคนไม่เคยนินทาใคร ไม่เคยผสมโรงเวลาที่คนอื่นเค้าเม้ามอยถึงบุคคลที่ 345 เวลาใครพูดหรือปรึกษาอะไร เราก็บอกเค้าตรงๆเลยว่า รับฟังได้นะ แต่ขอไม่ออกความเห็น เราพูดคุยดีกับทุกคนหมด หลังจากวันที่เกิดเรื่อง เรารู้สึกว่าบางคนพฤติกรรมเปลี่ยนไป อาจจะรู้เรื่องนี้หรือป่าวเราก็ไม่รู้ แต่เราก็ทำตัวเฉยๆ เจอใครทักทายเค้าปกติ ถ้าใครไม่อยากทักทาย เราก็เฉยๆ แต่เราคิดว่า เราไม่ได้ผิดอะไร เพราะสิ่งที่เราปรึกษาคนที่บ้านเป็นสิ่งที่เราถูกกระทำ นิสัยเราไม่ได้เป็นคน
ไม่ได้เป็นคนชอบสร้างเรื่อง แต่เราโดนมาแบบนี้จริงๆ เราเลยยืนหยัดและไม่ได้สนใจว่าใครจะมองเรายังไง เพราะคนอื่นอาจจะไม่ได้เจอเหมือนแบบที่เราเจอ แต่เราก็ผิดตรงที่ เอาเรื่องของคนที่ทำงานมาพูดในที่ทำงาน ซึ่งมันก็ไม่สมควร กับคนอื่นใครจะมองเรายังไงเราไม่แคร์เลย แต่คนที่เราแคร์คือน้องในแผนกที่เรารู้สึกดีด้วย เพราะเค้าก็ดูเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ทำงานในรุ่นเดียวกันเล่าอะไรให้ฟังหรือป่าว เค้าก็เปลี่ยนไป แต่ด้วยความที่ทำงานแผนกเดียวกันเค้าก็ต้องคุยงานกับเรา เราว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ผิดอะ แต่ผิดตรงที่เราไม่ระวัฃตัวที่ไม่เอาเรื่องแบบนี้คุยที่บ้าน เราคิดว่าคนส่วนมากเป็นแบบนี้ สมมุดว่า a เล่าเรื่องนึงที่ b ทำตัวไม่ถูกต้อง ให้คนอื่นฟัง แล้วคนอื่นก็ตัดสิน b จากคำพูดของ a ไปเลย โดนที่ไม่ฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงทำแบบนี้ โดยที่ b เค้าอาจจะมีเหตุผล หรืออาจจะไม่ได้ทำแบบที่ a กล่าวหาก็ได้ b เลยกลายเป็นคนที่ดูไม่ดีในสายตาคนอื่นไปเลย
เราจะทำยังไงดี เมื่อคนอื่นเข้าใจและมองเราไม่ดี จากสิ่งที่เราทำ แต่เราเป็นผู้ถูกกระทำ
เลยตั้งใจว่า เริ่มต้นตั้งแต่ปีใหม่ คือจะคิดดี พูดดี ทำดี
แต่เรื่องมีอยู่ว่า เราตั้งใจจะปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ให้เป็นคนที่ดีกว่าเดิม พัฒนาตัวเองให้ไม่แย่ลง ทั้งความคิด จิตใจ การกระทำ
แต่มันก็มีสิ่งยั่วยุ คือ ที่ทำงานจะมีเราและพี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่อายุห่างกันเป็นรอบ ซึ่งเราคิดว่า ทั้งเราและพี่ผู้หญิงคนนี้ น่าจะรู้สึกดีกับผู้ชายคนเดียวกัน ซึ่งผู้ชายคนนี้อายุน้อยกว่าเรา และอยู่แผนกเดียวกับเรา
นิสัยของพี่ผู้หญิงคนนี้ เรามองว่าเค้าเป็นคนอยู่เป็น เอาตัวรอดเก่ง ฉลาด มองคนออก
นิสัยของเค้าเวลาทำกับคนอื่น แบบว่าเวลาคุยต่อหน้าก็พูดคุยดี แต่พอวางสายหรือไม่ได้อยู่ต่อหน้า ถ้าเค้ารู้สึกไม่โอเคก็จะมีบ่นๆบ้าง เราเลยมองว่า คนนี้เค้าอยู่เป็นนะ แต่เราไม่สนใจเพราะคิดว่า เราไม่ใช่ผู้ถูกกระทำแบบนี้ แต่ถ้าเราเป็นผู้ถูกกระทำ เราก็ไม่โอเคหรอก ดูไม่จริงใจอะ
บางทีเวลาเราติดต่อเรื่องงานกับพี่เค้า เค้าก็มีมองด้วยสายตาไม่โอเคและคำพูดที่ดูไม่น่าฟังบ้าง แต่เราเบือกที่จะปล่อย ช่างมัน
แต่เปิดปีใหม่มา เราโดนเค้ากระทำด่วยนิสัยเหมือนที่กล่าวมาข้างบน 3 ครั้งในเวลาใกล้เคียงกัน
ยกตัวอย่างคือ วันนั้นมีผู้ใหญ่เข้ามาประชุมรวม แล้วเราต้องดูพวกเครื่องดื่ม น้ำเปล่า กาแฟ คอยเทคแคร์เค้า ตอนเช้าเราเลยไปถามพี่เค้าที่แผนกว่า มีกาแฟดำมั้ยคะ เค้าก็หันมาตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงแบบไม่ค่อยอยากคุยด้วย เราก็ไม่ได้อะไร ทำหน้าที่เราต่อไป พอมาช่วงบ่าย พี่เค้าขึ้นมาที่แผนกเรา เค้าจะมาขอไฟล์รายชื่อสมาชิกในที่ทำงาน แต่สีหน้าและน้ำเสียงต่างจากที่เราไปหาเค้าเมื่อเช้าโดยสิ้นเชิง หน้ายิ้มเข้ามาเลย แล้วน้ำเสียงก็คนละฟิลกับเมื่อเช้าเลย เพราะมีน้องผู้ชายคนที่เราทั้งคู่รู้สึกดีด้วย นั่งทำงานอยู่ในห้อง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่เค้าทำแบบนี้กับเรา คือ เวลาอยู่กัน 2 คน เราถามเค้า เค้าจะสีหน้าและน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจหรือไม่อยากคุยกัยเรา แต่ถ้ามีบุคคลที่ 3 4 ขึ้นมา ฟิลจะเป็นอีกฟิลเลย ตอนนั้นเราก็เลยตอบด้วยน้ำเสียงที่ปกติมาก ไม่ได้คะขาอะไร คืออยากให้รู้ไงว่า ทำไมเราถึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแบบนี้กับเค้า
ทีนี้ เรารู้สึกไม่โอเคเลย แต่เราไม่สู้คน เราก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่เราคิดแค่ว่า กับคนๆนี้ เรามีให้ได้แค่เพื่อนร่วมงาน เราไม่ให้ใจกับคนแบบนี้แน่นอน เรื่องส่วนตัวก็จะไม่คุยด้วย เรื่องงานเท่านั้นพอ
เรารู้สึกอึดอัดใจ แต่เราไม่สามารถคุยกับใครได้เลยในที่ทำงาน เพราะไม่รู้จะไว้ใจใครได้ เราเลบโทรปรึกษาคนที่บ้าน ก็เล่าเหตุการณ์ให้คนที่บ้านฟังทางโทรศัพท์ พอคุยเสร็จ เราก็ได้รู้ว่า ในห้องประชุมที่เราคุยโทรศัพท์กับคนที่บ้าน ไม่ได้มีเราอยู่ในห้องนั้นคนเดียว มีผู้ใหญ่คนนึงนอนอยู่ แต่อยู่อีกฝั่งนึงของห้อง ซึ่งเค้าได้ยินทุกคำพูดของเราแน่นอน และตั้งแต่วันนั้นมาเราไม่รู้ว่าเรื่องที่ผู้ใหญ่คนนั้นได้ยินตอนเราคุยกับที่บ้าน มันจะกระจายไปถึงไหนแล้ว ซึ่งนิสัยพี่ผู้หญิงคนนี้เค้าเข้ากับคนง่าย ใครให้ช่วยทำอะไรก็ทำ คือประมาณว่า ภาษีก็คงดีกว่าเรา เพราะเค้าเข้างานมาก่อน แต่เราเป็นคนไม่เคยนินทาใคร ไม่เคยผสมโรงเวลาที่คนอื่นเค้าเม้ามอยถึงบุคคลที่ 345 เวลาใครพูดหรือปรึกษาอะไร เราก็บอกเค้าตรงๆเลยว่า รับฟังได้นะ แต่ขอไม่ออกความเห็น เราพูดคุยดีกับทุกคนหมด หลังจากวันที่เกิดเรื่อง เรารู้สึกว่าบางคนพฤติกรรมเปลี่ยนไป อาจจะรู้เรื่องนี้หรือป่าวเราก็ไม่รู้ แต่เราก็ทำตัวเฉยๆ เจอใครทักทายเค้าปกติ ถ้าใครไม่อยากทักทาย เราก็เฉยๆ แต่เราคิดว่า เราไม่ได้ผิดอะไร เพราะสิ่งที่เราปรึกษาคนที่บ้านเป็นสิ่งที่เราถูกกระทำ นิสัยเราไม่ได้เป็นคน ไม่ได้เป็นคนชอบสร้างเรื่อง แต่เราโดนมาแบบนี้จริงๆ เราเลยยืนหยัดและไม่ได้สนใจว่าใครจะมองเรายังไง เพราะคนอื่นอาจจะไม่ได้เจอเหมือนแบบที่เราเจอ แต่เราก็ผิดตรงที่ เอาเรื่องของคนที่ทำงานมาพูดในที่ทำงาน ซึ่งมันก็ไม่สมควร กับคนอื่นใครจะมองเรายังไงเราไม่แคร์เลย แต่คนที่เราแคร์คือน้องในแผนกที่เรารู้สึกดีด้วย เพราะเค้าก็ดูเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ทำงานในรุ่นเดียวกันเล่าอะไรให้ฟังหรือป่าว เค้าก็เปลี่ยนไป แต่ด้วยความที่ทำงานแผนกเดียวกันเค้าก็ต้องคุยงานกับเรา เราว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ผิดอะ แต่ผิดตรงที่เราไม่ระวัฃตัวที่ไม่เอาเรื่องแบบนี้คุยที่บ้าน เราคิดว่าคนส่วนมากเป็นแบบนี้ สมมุดว่า a เล่าเรื่องนึงที่ b ทำตัวไม่ถูกต้อง ให้คนอื่นฟัง แล้วคนอื่นก็ตัดสิน b จากคำพูดของ a ไปเลย โดนที่ไม่ฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงทำแบบนี้ โดยที่ b เค้าอาจจะมีเหตุผล หรืออาจจะไม่ได้ทำแบบที่ a กล่าวหาก็ได้ b เลยกลายเป็นคนที่ดูไม่ดีในสายตาคนอื่นไปเลย