กิน #ชาเย็น เสี่ยง #นิ่วในไต อันตรายจากน้ำตาล-ครีมเทียม น้ำชง-ชานมไข่มุก ก็ไม่รอด เสี่ยงสารพัดโรค แนะวิธีดื่มชาเย็นแบบใส่ใจสุขภาพ
“ชาไทยเย็น” หรือที่คนไทยเรียกว่า “ชาเย็น” หรือ Thai Iced Tea หนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทย โดยจากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร ปี 2564 ของกรมอนามัย พบว่า ประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไป บริโภคเครื่องดื่มชง (ชา กาแฟ น้ำหวาน ชานม) สูงถึง 26.3% และ กลุ่มอายุ 45-59 ปี ดื่มเครื่องดื่มชงมากที่สุด 34.8 %
ที่สำคัญ ชาไทยเย็น เคยได้รับการอันดับจากการสำรวจของเว็บไซต์ TasteAtLas.com ให้เป็นอันดับ 7 ของเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก จากการสำรวจทั้งหมด 100 อันดับทั่วโลก นั่นย่อมแปลว่าเมนูนี้กำลังโด่งดังในระดับโลกด้วย แต่ด้วยส่วนผสมต่างๆในเครื่องดื่มชาไทยเย็น รวมไปจนถึงชานมไข่มุก สามารถเพิ่มความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ โดยเฉพาะหากดื่มเป็นประจำทุกๆวัน
กรณีชาเย็นกับการเกิด “นิ่วในไต” กรมอนามัยเคยเตือนเรื่องนี้ไว้ว่า "ชานมเย็น หวาน ๆ ยังแอบแฝงอันตรายที่น่ากลัว นั่นก็คือ นิ่วในไต" ซึ่งเกิดจากการตกผลึกของแร่ธาตุต่างๆ ในปัสสาวะ จนรวมตัวกันเป็นก้อนแข็ง ๆ มีขนาดตั้งแต่เม็ดทรายยันลูก จะไปอุดตันทางเดินปัสสาวะ ทำให้อั้นฉี่ไม่ได้ ปวดท้องรุนแรง บางรายถึงขั้นไตวาย ขณะที่ ชานมหวาน มีสารอาหารที่เป็นตัวเร่งให้เกิดนิ่วในไต
กรมอนามัย ระบุด้วยว่า ในชาไทย หรือ ชาเย็น 1 แก้ว ปริมาณ 200 มิลลิตร ให้พลังงานประมาณ 430 กิโลแคลอรี ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละร้าน มีคาร์โบไฮเดรต 69 กรัม ไขมัน 15 กรัม น้ำตาล 53 กรัม หรือประมาณ 13 ช้อนชา ขณะที่แต่ละวัน ร่างกายไม่ควรได้รับน้ำตาลที่มากเกิน 6 ช้อนชา
ดังนั้น หากดื่มบ่อยหรือเป็นประจำทุกวัน จะทำให้เกิดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน หลอดเลือดสมองและหัวใจ มะเร็ง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนลงพุงได้
เริ่มจาก ไขมันในชาเย็น ซึ่งศูนย์วิจัยและประเมินความเสี่ยงด้านอาหารปลอดภัย สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เคยสุ่มเก็บตัวอย่างชาเย็น ในเขตกรุงเทพ จำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ร้านค้า เพื่อนำมาตรวจวิเคราะห์ปริมาณไขมัน
ไม่เพียงเท่านี้ ในชาเย็นบางสูตรมีการใส่ “ครีมเทียม” พญ.สายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวว่า ครีมเทียมเป็นแหล่งของไขมัน และมีส่วนประกอบที่เป็นสารให้ความหวานมากถึง 60 % รวมทั้งปริมาณที่ใช้ต่อการผสมในเครื่องดื่ม อาทิ ชา กาแฟ ค่อนข้างมาก
หากกินทุกวันเป็นเวลานาน โดยไม่มีการออกกำลังกาย ก็จะเกิดการสะสมไขมันตรงตับ ในรูปของไกลโคเจน ซึ่งถ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเกิดเป็นไขมันสะสม ส่งผลทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในที่สุด
วิธีดื่มชาเย็นแบบใส่ใจสุขภาพ
กรมอนามัย ได้แนะนำในวิธีดื่มชาเย็นแบบใส่ใจสุขภาพ ดังนี้
1. ไม่ควรดื่มเป็นประจำต่อเนื่องทุกวัน แนะนำสัปดาห์ละ 1 – 2 แก้วก็เพียงพอ
2. ลดหวาน สั่งแบบหวานน้อย หรือไม่ใส่น้ำตาลเลยยิ่งดี
3. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ น้ำเปล่าช่วยเจือจางปัสสาวะ ลดการตกผลึกของแร่ธาตุ
4. เลือกนมไขมันต่ำ นมพร่องมันเนยหรือนมถั่วเหลือง ช่วยลดปริมาณแคลเซียม
5. ทานผักผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย มะเขือเทศ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว
6. ควรหมั่นออกกำลังกาย เพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงานที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันด้วย
7. ขอความร่วมมือผู้ประกอบการพัฒนาสูตร ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคและยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น สูตรหวานน้อย สูตรไขมันต่ำ เป็นต้น
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
กิน #ชาเย็น เสี่ยง #นิ่วในไต เสี่ยงสารพัดโรค อันตรายจากน้ำตาล-ครีมเทียม น้ำชง-ชานมไข่มุก ก็ไม่รอด