นักบุญฟรานเซสแห่งโรม เป็นหนึ่งในรหัสนิก (Mystic) ผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 15 ท่านเกิดในกรุงโรมในตระกูลขุนนางเมื่อปีค.ศ. 1384 และเสียชีวิตในกรุงโรมเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1440 บิดา-มารดาของท่านมีฐานะร่ำรวยมาก
ท่านตั้งใจจะเข้าอารามตั้งแต่อายุ 11 ขวบ แต่เพื่อเป็นการเชื่อฟังบิดา-มารดาของท่าน เธอจึงแต่งงานตอนอายุ 12 ขวบกับขุนนางหนุ่มที่มีชื่อว่า “ลอเรนโซ ปอนซิอานี (Lorenzo Ponziani)” ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทหารของพระสันตะปาปาแห่งโรมและเป็นสมาชิกของตระกูลที่ร่ำรวยมาก
แม้ว่าการแต่งงานจะได้รับการจัดเตรียมไว้แล้ว แต่ก็เป็นการแต่งงานที่มีความสุขยาวนานถึง 40 ปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลอเรนโซชื่นชมในตัวภรรยาของเขา และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาต้องไปทำสงครามที่ต่างแดนบ่อยครั้ง
นักบุญฟรานเซสเป็นภรรยาและแม่บ้านที่ดี และเป็นแม่ของลูก 3 คน นักบุญฟรานเซสต้องประสบกับความโศกเศร้ามากมายระหว่างการแต่งงานของท่านกับลอเรนโซ พวกเขาสูญเสียลูกไป 2 คนจากโรคระบาด ประสบการณ์นี้ทำให้พวกเขาตระหนักถึงความต้องการของคนยากจน
ลอเรนโซเดินทางไปปกป้องพระสันตะปาปาในกรุงโรม และต่อต้านผู้ที่แอบอ้างตนเป็นพระสันตะปาปา (Anti-Popes) เกิดการสังฆเภทครั้งใหญ่ของนิกายคาทอลิก (Great Schism of the Catholic Church) ในขณะที่เขาไม่อยู่ ทรัพย์สินและที่ดินของเขาถูกทำลาย ลอเรนโซได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ และเสียชีวิตในปีค.ศ. 1436 นักบุญฟรานเซสดูแลเขาตลอดชีวิตที่เหลือ
นักบุญฟรานเซสมีพระพรในการทำอัศจรรย์และความปิติยินดี ถึงแม้ว่า ท่านจะเป็นรหัสนิก แต่ท่านก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นจริงและสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก นักบุญฟรานเซสสวดภาวนา , เยี่ยมกับดูแลคนป่วย และโน้มน้าวให้ผู้หญิงที่ร่ำรวยในเมืองทำเช่นเดียวกัน ท่านได้เปลี่ยนที่ดินส่วนหนึ่งของท่านให้เป็นโรงพยาบาล
นักบุญฟรานเซสเป็นที่รู้จักจากกิจเมตตาเพื่อคนยากจนและความกระตือรือร้นในการช่วยเหลือผู้อื่น นักบุญฟรานเซสเดูแลเหยื่อของโรคระบาด (เนื่องจากสูญเสียลูก 2 คนจากโรคระบาด) และสงคราม (เนื่องจากสามีของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส) เหตุการณ์ทั้ง 2 อย่างนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในศตวรรษที่ 15 นักบุญฟรานเซสเขายทรัพย์สินทั้งหมดของท่านเพื่อหาเงินมาดูแลคนป่วย นักบุญฟรานเซสยอมรับความสูญเสียของท่านว่า เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และถวายพระพรแด่พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ในวันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ (Feast of the Assumption of Mary) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1425 นักบุญฟรานเซสได้ก่อตั้งกลุ่ม “โอเบลตแห่งพระแม่มารีย์ (Oblates of Mary)” ซึ่งเป็นกลุ่มสตรีใจศรัทธาที่สังกัดอยู่ในวัดซานตา มารีอา โนวา (Church of Santa Maria Nova) ในกรุงโรม โดยพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังหรือผูกมัดด้วยคำปฏิญาณอย่างเป็นทางการ แต่พวกเขาสามารถทำตามแบบอย่างของพระแม่มารีย์ในการสวดภาวนา พร้อมกับตอบสนองความต้องการของสังคม
วันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ (Feast of the Assumption of Mary) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1425 นักบุญฟรานเชสแห่งโรม (Saint Frances of Rome) ได้ก่อตั้งกลุ่ม “โอเบลตแห่งพระแม่มารีย์ (Oblates of Mary)” ซึ่งเป็นกลุ่มสตรีใจศรัทธาที่สังกัดอยู่ในวัดซานตา มารีอา โนวา (Church of Santa Maria Nova) ในกรุงโรม
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1433 ท่านได้ก่อตั้งอารามขึ้นเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มซึ่งรู้สึกสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ อารามแห่งนี้ยังคงเป็นบ้านเพียงแห่งเดียวของกลุ่ม และเรียกว่า “โอเบลตแห่งนักบุญฟรานเซสแห่งโรม (Oblates of Saint Frances of Rome)”
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1433 นักบุญฟรานเชสแห่งโรม (Saint Frances of Rome) ได้ก่อตั้งอารามขึ้นเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มซึ่งรู้สึกสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ อารามแห่งนี้ยังคงเป็นบ้านเพียงแห่งเดียวของกลุ่ม และเรียกว่า “โอเบลตแห่งนักบุญฟรานเซสแห่งโรม (Oblates of Saint Frances of Rome)”
เมื่อสามีของนักบุญฟรานเซสเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1436 ท่านจึงย้ายไปอยู่ในอารามและกลายเป็นประธานกลุ่ม นักบุญฟรานเซสเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1440 และถูกฝังไว้ในวัดแห่งนั้น เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1608 ท่านได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปอล ที่ 5 (Pope Paul V) และในทศวรรษต่อมา ได้มีการค้นหาร่างของท่านอย่างจริงจัง ซึ่งร่างของท่านถูกซ่อนไว้เนื่องจากท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ร่างของท่านถูกพบเมื่อวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 1638 และฝังใหม่อีกครั้งในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1649 ซึ่งกลายเป็นวันฉลองของเธอด้วย
พระสันตะปาปาปอล ที่ 5 (Pope Paul V) ประกาศให้นักบุญฟรานเชสแห่งโรม (Saint Frances of Rome) เป็นนักบุญ
ในปีค.ศ. 1925 พระสันตะปาปาปิอุส ที่ 11 (Pope Pius XI) ทรงประกาศให้นักบุญฟรานเซสเป็นนักบุญผู้คุ้มครองผู้ขับขี่ยานพาหนะ เนื่องด้วยมีตำนานเล่าว่า มีทูตสวรรค์เคยส่องไฟถนนเบื้องหน้านักบุญฟรานเซสด้วยโคมไฟ เพื่อปกป้องท่านจากอันตราย
พระสันตะปาปาปิอุส ที่ 11 (Pope Pius XI) ทรงประกาศให้นักบุญฟรานเซสเป็นนักบุญผู้คุ้มครองผู้ขับขี่ยานพาหนะ ในปีค.ศ. 1925 เนื่องด้วยมีตำนานเล่าว่า มีทูตสวรรค์เคยส่องไฟถนนเบื้องหน้านักบุญฟรานเซสด้วยโคมไฟ เพื่อปกป้องท่านจากอันตราย
ปล. หากมีการแปลผิดพลาดประการใด หรือข้อมูลผิดพลาด แอดมินก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญฟรานเชสแห่งโรม #รหัสนิก #คณะเบเนดิกติน #เบเนดิกติน #กรุงโรม #โรม #ประเทศอิตาลี #อิตาลี #โอเบลตแห่งพระแม่มารีย์ #โอเบลตแห่งนักบุญฟรานเซส #catholic #SaintFrancesOfRome #mystic #benedictine #OSB #rome #italy #OblatesOfMary #OblatesOfSaintFrances #SantaFrancescaRomana
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/15sRjUwGj8/
ชีวประวัติ นักบุญฟรานเชสแห่งโรม (Saint Frances of Rome - Santa Francesca Romana)
นักบุญฟรานเซสแห่งโรม เป็นหนึ่งในรหัสนิก (Mystic) ผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 15 ท่านเกิดในกรุงโรมในตระกูลขุนนางเมื่อปีค.ศ. 1384 และเสียชีวิตในกรุงโรมเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1440 บิดา-มารดาของท่านมีฐานะร่ำรวยมาก
ท่านตั้งใจจะเข้าอารามตั้งแต่อายุ 11 ขวบ แต่เพื่อเป็นการเชื่อฟังบิดา-มารดาของท่าน เธอจึงแต่งงานตอนอายุ 12 ขวบกับขุนนางหนุ่มที่มีชื่อว่า “ลอเรนโซ ปอนซิอานี (Lorenzo Ponziani)” ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทหารของพระสันตะปาปาแห่งโรมและเป็นสมาชิกของตระกูลที่ร่ำรวยมาก
แม้ว่าการแต่งงานจะได้รับการจัดเตรียมไว้แล้ว แต่ก็เป็นการแต่งงานที่มีความสุขยาวนานถึง 40 ปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลอเรนโซชื่นชมในตัวภรรยาของเขา และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาต้องไปทำสงครามที่ต่างแดนบ่อยครั้ง
นักบุญฟรานเซสเป็นภรรยาและแม่บ้านที่ดี และเป็นแม่ของลูก 3 คน นักบุญฟรานเซสต้องประสบกับความโศกเศร้ามากมายระหว่างการแต่งงานของท่านกับลอเรนโซ พวกเขาสูญเสียลูกไป 2 คนจากโรคระบาด ประสบการณ์นี้ทำให้พวกเขาตระหนักถึงความต้องการของคนยากจน
ลอเรนโซเดินทางไปปกป้องพระสันตะปาปาในกรุงโรม และต่อต้านผู้ที่แอบอ้างตนเป็นพระสันตะปาปา (Anti-Popes) เกิดการสังฆเภทครั้งใหญ่ของนิกายคาทอลิก (Great Schism of the Catholic Church) ในขณะที่เขาไม่อยู่ ทรัพย์สินและที่ดินของเขาถูกทำลาย ลอเรนโซได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ และเสียชีวิตในปีค.ศ. 1436 นักบุญฟรานเซสดูแลเขาตลอดชีวิตที่เหลือ
นักบุญฟรานเซสมีพระพรในการทำอัศจรรย์และความปิติยินดี ถึงแม้ว่า ท่านจะเป็นรหัสนิก แต่ท่านก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นจริงและสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก นักบุญฟรานเซสสวดภาวนา , เยี่ยมกับดูแลคนป่วย และโน้มน้าวให้ผู้หญิงที่ร่ำรวยในเมืองทำเช่นเดียวกัน ท่านได้เปลี่ยนที่ดินส่วนหนึ่งของท่านให้เป็นโรงพยาบาล
นักบุญฟรานเซสเป็นที่รู้จักจากกิจเมตตาเพื่อคนยากจนและความกระตือรือร้นในการช่วยเหลือผู้อื่น นักบุญฟรานเซสเดูแลเหยื่อของโรคระบาด (เนื่องจากสูญเสียลูก 2 คนจากโรคระบาด) และสงคราม (เนื่องจากสามีของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส) เหตุการณ์ทั้ง 2 อย่างนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในศตวรรษที่ 15 นักบุญฟรานเซสเขายทรัพย์สินทั้งหมดของท่านเพื่อหาเงินมาดูแลคนป่วย นักบุญฟรานเซสยอมรับความสูญเสียของท่านว่า เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และถวายพระพรแด่พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ในวันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ (Feast of the Assumption of Mary) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1425 นักบุญฟรานเซสได้ก่อตั้งกลุ่ม “โอเบลตแห่งพระแม่มารีย์ (Oblates of Mary)” ซึ่งเป็นกลุ่มสตรีใจศรัทธาที่สังกัดอยู่ในวัดซานตา มารีอา โนวา (Church of Santa Maria Nova) ในกรุงโรม โดยพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังหรือผูกมัดด้วยคำปฏิญาณอย่างเป็นทางการ แต่พวกเขาสามารถทำตามแบบอย่างของพระแม่มารีย์ในการสวดภาวนา พร้อมกับตอบสนองความต้องการของสังคม
วันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ (Feast of the Assumption of Mary) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1425 นักบุญฟรานเชสแห่งโรม (Saint Frances of Rome) ได้ก่อตั้งกลุ่ม “โอเบลตแห่งพระแม่มารีย์ (Oblates of Mary)” ซึ่งเป็นกลุ่มสตรีใจศรัทธาที่สังกัดอยู่ในวัดซานตา มารีอา โนวา (Church of Santa Maria Nova) ในกรุงโรม
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1433 ท่านได้ก่อตั้งอารามขึ้นเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มซึ่งรู้สึกสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ อารามแห่งนี้ยังคงเป็นบ้านเพียงแห่งเดียวของกลุ่ม และเรียกว่า “โอเบลตแห่งนักบุญฟรานเซสแห่งโรม (Oblates of Saint Frances of Rome)”
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1433 นักบุญฟรานเชสแห่งโรม (Saint Frances of Rome) ได้ก่อตั้งอารามขึ้นเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มซึ่งรู้สึกสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ อารามแห่งนี้ยังคงเป็นบ้านเพียงแห่งเดียวของกลุ่ม และเรียกว่า “โอเบลตแห่งนักบุญฟรานเซสแห่งโรม (Oblates of Saint Frances of Rome)”
เมื่อสามีของนักบุญฟรานเซสเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1436 ท่านจึงย้ายไปอยู่ในอารามและกลายเป็นประธานกลุ่ม นักบุญฟรานเซสเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1440 และถูกฝังไว้ในวัดแห่งนั้น เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1608 ท่านได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญโดยพระสันตะปาปาปอล ที่ 5 (Pope Paul V) และในทศวรรษต่อมา ได้มีการค้นหาร่างของท่านอย่างจริงจัง ซึ่งร่างของท่านถูกซ่อนไว้เนื่องจากท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ร่างของท่านถูกพบเมื่อวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 1638 และฝังใหม่อีกครั้งในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1649 ซึ่งกลายเป็นวันฉลองของเธอด้วย
พระสันตะปาปาปอล ที่ 5 (Pope Paul V) ประกาศให้นักบุญฟรานเชสแห่งโรม (Saint Frances of Rome) เป็นนักบุญ
ในปีค.ศ. 1925 พระสันตะปาปาปิอุส ที่ 11 (Pope Pius XI) ทรงประกาศให้นักบุญฟรานเซสเป็นนักบุญผู้คุ้มครองผู้ขับขี่ยานพาหนะ เนื่องด้วยมีตำนานเล่าว่า มีทูตสวรรค์เคยส่องไฟถนนเบื้องหน้านักบุญฟรานเซสด้วยโคมไฟ เพื่อปกป้องท่านจากอันตราย
พระสันตะปาปาปิอุส ที่ 11 (Pope Pius XI) ทรงประกาศให้นักบุญฟรานเซสเป็นนักบุญผู้คุ้มครองผู้ขับขี่ยานพาหนะ ในปีค.ศ. 1925 เนื่องด้วยมีตำนานเล่าว่า มีทูตสวรรค์เคยส่องไฟถนนเบื้องหน้านักบุญฟรานเซสด้วยโคมไฟ เพื่อปกป้องท่านจากอันตราย
ปล. หากมีการแปลผิดพลาดประการใด หรือข้อมูลผิดพลาด แอดมินก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญฟรานเชสแห่งโรม #รหัสนิก #คณะเบเนดิกติน #เบเนดิกติน #กรุงโรม #โรม #ประเทศอิตาลี #อิตาลี #โอเบลตแห่งพระแม่มารีย์ #โอเบลตแห่งนักบุญฟรานเซส #catholic #SaintFrancesOfRome #mystic #benedictine #OSB #rome #italy #OblatesOfMary #OblatesOfSaintFrances #SantaFrancescaRomana
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/15sRjUwGj8/