จิตเกิด จิตดับ
ก็คือ การที่จิตได้รับอารมณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น ก็เรียกว่าจิตเกิด เกิดอยู่กับอารมณ์นั้น
และที่ว่าจิตดับก็คือ จิตดับจากอารมณ์นั้นที่เขาคิดอยู่ ก็เรียกว่ามันดับ
จริงๆแล้วจะคิดมากมายหลายอารมณ์ ก็เลยนับว่าจิตมีหลายดวง ที่จริงมีดวงเดียวนี่แหละ
เรื่องจะดับตามขั้นตอนตามวาระของมันที่จะวางอารมณ์นั้น สั้นยาวแล้วแต่ ต่างเหตุผลของมัน
พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
จิตนี้เป็นตัวยืน โดยปกติจิตก็มีดวงเดียว จิตจะเป็นต่างๆ ก็เพราะมีเจตสิก แปลว่ามีธรรมที่มีในใจ
มีเจตสิกอย่างไร จิตก็เป็นอย่างนั้นเจตสิกเป็นสิ่งที่ผสมอยู่ในจิต เทียบเหมือนดั่งว่าน้ำกับสีที่ผสมอยู่ในน้ำ น้ำโดยปกติก็เป็นอย่างเดียวแต่เมื่อใส่สีลงไปในน้ำจึงเป็นน้ำสีนั้น น้ำสีนี้
ฉะนั้น พระอภิรรมที่แจกจิตไว้ถึง ๘๙ ดวงก็ด้วยอำนาจของเจตสิกนี้เอง ยกเจตสิกออกแล้ว จิตก็เป็นดวงเดียวท่านั้น แจกออกไปเป็นอย่างไรมิได้
แต่ว่าทั้งจิตและเจตสิกก็อาศัยอยู่กับรูป รูปที่อาศัยของจิตและเจตสิก จะเทียบก็เหมือนอย่างว่าน้ำที่อาศัยอยู่ในขวดน้ำ ถ้าหากว่ารูปตกทำลาย จิตก็สิ้นที่อาศัยเหมือนอย่างว่าขวดน้ำแตก น้ำก็หมดที่อาศัย และนิพพานนั้นก็เป็นธรรมที่สุดในเมื่อจิตได้ปฏิบัติจิตสูงขึ้นโดยลำดับ
เบื้องต้นก็เป็นกามวจรจิต จิตที่ท่องเที่ยวไปหรือหยั่งลงในกาม เป็นรูปาวจรจิต จิตที่หยั่งลงในรูปหรือรูปฌาน อรูปวจรจิตจิตที่หยั่งลงในอรูปฌาณ
โลกุตตรจิต จิตที่เป็นโลกุตตรคือมรรคผลก็บรรลุนิพพานเป็นที่สุด
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
จิตเกิด จิตดับ
ก็คือ การที่จิตได้รับอารมณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น ก็เรียกว่าจิตเกิด เกิดอยู่กับอารมณ์นั้น
และที่ว่าจิตดับก็คือ จิตดับจากอารมณ์นั้นที่เขาคิดอยู่ ก็เรียกว่ามันดับ
จริงๆแล้วจะคิดมากมายหลายอารมณ์ ก็เลยนับว่าจิตมีหลายดวง ที่จริงมีดวงเดียวนี่แหละ
เรื่องจะดับตามขั้นตอนตามวาระของมันที่จะวางอารมณ์นั้น สั้นยาวแล้วแต่ ต่างเหตุผลของมัน
พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
จิตนี้เป็นตัวยืน โดยปกติจิตก็มีดวงเดียว จิตจะเป็นต่างๆ ก็เพราะมีเจตสิก แปลว่ามีธรรมที่มีในใจ
มีเจตสิกอย่างไร จิตก็เป็นอย่างนั้นเจตสิกเป็นสิ่งที่ผสมอยู่ในจิต เทียบเหมือนดั่งว่าน้ำกับสีที่ผสมอยู่ในน้ำ น้ำโดยปกติก็เป็นอย่างเดียวแต่เมื่อใส่สีลงไปในน้ำจึงเป็นน้ำสีนั้น น้ำสีนี้
ฉะนั้น พระอภิรรมที่แจกจิตไว้ถึง ๘๙ ดวงก็ด้วยอำนาจของเจตสิกนี้เอง ยกเจตสิกออกแล้ว จิตก็เป็นดวงเดียวท่านั้น แจกออกไปเป็นอย่างไรมิได้
แต่ว่าทั้งจิตและเจตสิกก็อาศัยอยู่กับรูป รูปที่อาศัยของจิตและเจตสิก จะเทียบก็เหมือนอย่างว่าน้ำที่อาศัยอยู่ในขวดน้ำ ถ้าหากว่ารูปตกทำลาย จิตก็สิ้นที่อาศัยเหมือนอย่างว่าขวดน้ำแตก น้ำก็หมดที่อาศัย และนิพพานนั้นก็เป็นธรรมที่สุดในเมื่อจิตได้ปฏิบัติจิตสูงขึ้นโดยลำดับ
เบื้องต้นก็เป็นกามวจรจิต จิตที่ท่องเที่ยวไปหรือหยั่งลงในกาม เป็นรูปาวจรจิต จิตที่หยั่งลงในรูปหรือรูปฌาน อรูปวจรจิตจิตที่หยั่งลงในอรูปฌาณ
โลกุตตรจิต จิตที่เป็นโลกุตตรคือมรรคผลก็บรรลุนิพพานเป็นที่สุด
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร