กระทู้ภาคต่อ --- เขียนถึงผู้หญิงต้นแบบของดิฉันและวิธีดีลกับความรัก ความสัมพันธ์ และตัวตนของพวกเธอ ---  ภาค 2

กระทู้แรกเขียนไว้เมื่อ 7 ปีครึ่งที่แล้ว 
https://ppantip.com/topic/36468185
กว่าภาค 2 จะคลอดออกมา ก็เกือบแปดปี  ระยะเวลาประมาณเด็กคนหนึ่งเรียนอนุบาล แล้วต่อประถมจนจบแล้ว 

555

 
ต้องบอกไว้ก่อนว่า กระทู้นี้ไม่สนุก  อาจจะติดเครียดนิดหน่อย และค่อนข้างยาวค่ะ
ไม่ชอบก็ผ่านเลยนะคะ อย่ามาทวง 20 นาทีคืนจากดิฉันทีหลังนะคะ

เม่าเซย์โน
 
ในกระทู้นั้น เราเคยเขียนถึงคุณสมบัติของผู้หญิงต้นแบบเราเอาไว้เจ็ดแปดข้อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนี้ เราก็ยังไม่เปลี่ยนความคิดนะคะ แต่เพิ่มเติมคือ มีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ทำให้เรา ทึ่ง นับถือ และยอมใจผู้หญิงต้นแบบของเราอย่างยอมศิโรราบเพิ่มเติมอีก 2 ข้อคือ

1. ความล้มแล้วลุกได้ ยืดหยุ่นอย่างมีหลักการกับชีวิต
2. ความกล้าเผชิญกับความจริง และยอมรับความจริงค่ะ
 
เราเคยเขียนกระทู้ต่าง ๆ ถึงผู้หญิงในวัย “โตเต็มวัย” หลายกระทู้แล้ว ทั้งในประเด็นเรื่องสังคม ความรับผิดชอบต่อชีวิต ต่อครอบครัว และการกลับมาดูแลตัวเอง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
สิ่งหนึ่งที่เราพบ ได้สัมผัสและเรียนรู้จากผู้หญิงที่เราชื่นชมคือ เราพบว่า เราไม่ได้แค่ชื่นชมคนเก่ง คนดี คนมีเมตตา  แต่เรายังมีความชื่นชม ปรบมือ และเป็นกำลังใจให้เสมอกับคนที่สะดุดล้มในชีวิต ไม่ว่าจะด้วยความผิดพลาด ด้วยโชคชะตา หรือด้วยความก้าวพลาดของตัวเอง แล้วสามารถ
 ล้มแล้วลุกได้ ปรับตัวได้ ปรับตัวไว และยอมรับกับ “สิ่งที่มี” ไม่ใช่ “สิ่งที่หวัง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด” อย่างที่ในเพลง Live and Learn ว่าไว้นี่แหละ

คุณสมบัติแบบนี้ คงเป็นอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า resilient คือ ล้มแล้วลุกได้  

 
วันนี้ ขอมาแชร์สองคนนะคะ

ผู้หญิงสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน อีกคนเป็นรุ่นน้อง ทั้งสองคนมีจุดสะดุดในชีวิตที่ทำให้หล่นลงมาและอยู่ในจุดที่คนอื่นหรือสังคมมองว่า “ล้มเหลว”  แต่ทั้งสองคนก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างสง่างาม มีคุณค่า ที่สำคัญยังสามารถรักษา mindset ได้ดีเลิศ  ยังมองเห็นสิ่งสวยงามในตัวคนอื่น ให้เกียรติคนอื่น เปิดใจให้กับกิจกรรมและมิตรภาพที่ดี ๆ ไม่นึกเปรียบเทียบ เย้ยหยันชีวิตหรือโชคชะตาใด ๆ เลย
 
คนแรกเป็นเพื่อนสมัยมหาลัย ตอนนั้น เราไม่ได้สนิทกันเลย เห็นกันห่าง ๆ ยิ้มกันบาง ๆ แล้วก็คุ้น ๆ กันแค่นั้น 
เราต่างไม่เคยคุยกันหรือทักกันก่อน  ต้องบอกว่า เรามีนิสัยประหลาดอย่างหนึ่ง คือ ไม่ชอบเข้าไปทำความรู้จักหรือตีสนิทกับคนเด่น คนดัง คนสวย คนรวย  คือ ไม่ถึงขนาดเลี่ยงนะคะ เพราะถ้าเลี่ยงจริง ๆ เราคงไม่มีเพื่อนเลย เพราะคนรอบตัวเราก็รวย สวย เก่ง กันทั้งนั้น
 
เพื่อนเราคนนี้เป็นอดีตรองนางงามของเวทีที่ประวัติเก่าแก่ที่สุดของประเทศนี้ค่ะ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เราบังเอิญเข้าร่วมสัมมนากับเพื่อนคนนี้แถวสุขุมวิท  เพื่อนเดินเข้ามาทักเราก่อนว่า “เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหมคะ ?”

เราเลยถามกลับไปว่า “เธอใช่คนที่ชื่อ....... ไหม”  พอเพื่อนตอบรับแบบประหลาดใจว่า  “ใช่ รู้ได้ไง”  เราเลยหัวเราะกัน เพราะชื่ออย่างเป็นทางการของเธอตอนนี้เป็นชื่อฝรั่งแล้ว อ้อ... ขออธิบายเสริมว่า เพราะเธอเป็นลูกครึ่ง ชื่อไทยนามสกุลไทย เป็นชื่อที่ใช้ประกวดเฉย ๆ แล้วตอนนี้เธอก็ไม่ได้จะต้องการได้ความสนใจอะไรเพิ่มเติมกับชื่อเก่าที่ใช้ในวงการนางงามแล้ว

 
เราพบว่า เพื่อนเราคนนี้น่าสนใจมาก เรามักจะใช้คำบรรยายเธอว่า เธอเป็น triple b สำหรับเรา คือ มีทั้ง beauty brain และ benevolence คือ มีทั้งความงาม ความฉลาด และความเมตตาปรานี

เธอเล่าให้เราฟังว่า เธอประกวดเพราะอยากหาเงินไปเรียนต่อเมืองนอก  พอทำงานได้ปีนึง มีเงินตั้งต้นแล้วเธอก็ไปเลย  เธอจบวิชาชีพเฉพาะทางสาขาหนึ่งจากเมกา และได้ใบประกอบวิชาชีพของที่นั่น ตอนกลับมาเมืองไทย เธอยังได้ทำงานกับบริษัทต่างชาติ ผ่านงานสำคัญมาพอสมควร และหนึ่งในนั้นคือดูแลเอกสารการควบรวมกิจการระดับพันล้านเหรียญ  ต่อมาก็แต่งงานกับสามี มีลูกที่น่ารัก ชีวิตเหมือนจะลงตัว 

แต่ภายหลังก็จบด้วยการแยกทาง

 
ด้วยความที่ออกจากวงการมาเลี้ยงลูกเต็มเวลาอยู่หลายปี ตอนนี้จะให้กลับไปทำงานแบบเดิม อะไร ๆ ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
ไม่ใช่แค่สถานะสมรสที่เปลี่ยน

ไม่ใช่แค่ต้องต่อสู้กับความสั่นคลอน ความรู้สึกล้มเหลว ความผิดหวัง ความกลัวอนาคต ความรู้สึกว่า “ไม่มีตัวตน” 

กระทั่ง สิ่งที่จับต้องได้ชัดเจนก็เปลี่ยนไป จากเคยอยู่บ้านยี่สิบล้านต้องมาอยู่คอนโดไม่กี่สิบตารางเมตร  จากเคยขับรถยุโรป ก็หดลงมาเป็นรถญี่ปุ่นขนาดเล็ก และต้องบริหารจัดการสินสมรสหลังการหย่าร้างเพื่อให้แน่ใจว่า “พอ” สำหรับการใช้ชีวิต 

แต่เรายังพบว่า เธอยังมีพลังงานเหลือเฟือ และมีจิตใจที่ดีงามผ่องใส เธอเริ่มเรียนปริญญาโทออนไลน์ในอีกวิชาชีพหนึ่งซึ่งท้าทายมากเช่นกัน เขียนเปเปอร์ ค้นคว้า เข้าสัมมนา และยังแบ่งเวลามาทำงานเพื่อสังคม เธอเป็นอาสาสมัครสอนภาษาอังกฤษให้ชุมชนด้อยโอกาส 

ทุกครั้งที่เราเจอกัน เธอคงมีทัศนคติที่ดีงามเสมอ เราแชร์กันสารพัดเรื่องตั้งแต่นินทาลูกปั๋ว หัวข้อสนทนาใน reddit   
ความเป็นsandwich generation ของวัยอย่างพวกเรา  การต้อง reinvent identity ของเราใหม่ในวัย 50 หลังจาก รับบทหลังบ้านผู้อดทนมานานจนไม่แน่ใจว่า ตัวตนจริง ๆ ของเรามีอะไรที่นอกเหนือไปจากลูกปั๋วบ้าง  รวมถึงประเด็นทางสังคมต่าง ๆ จนถึงสารพัดงานวิจัยทางสังคมวิทยา จิตวิทยาที่เธอไปอ่านมาแบบ update และเบิกเนตรเราสุด ๆ

เราถามเธอว่า เสียใจไหมที่เลิก และรู้สึกยังไงที่สามีมีคนใหม่แล้ว  เธอหัวเราะเบา ๆ แบบเข้าใจและบอกว่า 
“ก็ดีแล้วล่ะที่เลิก  มันก็ต้องอย่างนี้แหละ เค้าก็หาคนใหม่ที่สาวกว่า เข้ากันได้มากกว่า ตอบโจทย์เค้ามากกว่า”

เรามองตาเธอแล้วเรารู้สึกว่า เธอตอบอย่างซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ 

แต่ไม่ว่า เธอจะผ่านอะไรมา หรือเจอการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง  เรายังเห็นความสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติในทุกอิริยาบท ทุกคำพูดจา ไม่ว่าเธอจะอยู่ในชุดแบบไหน ขับรถอะไร หรือนั่ง BTS มา และเธอยังน่ารัก มั่นใจ และทัศนคติดี ไม่จมเศร้า ไม่มองโลก ไม่วิจารณ์คนอื่นหรือตัวเองด้วยความขมขื่น  อ่อนโยน แต่ก็ตรงไปตรงมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มองเห็นสิ่งดี ๆ ในตัวผู้อื่นเสมอ

ทุกครั้งที่เราเจอกัน เธอจะมองหาข้อดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรา และชมอย่างจริงใจ  เช่น วันนี้ ชุดเธอน่ารักจัง  วันนี้เธอดู bright มาก ไปทำอะไรมา วันนี้ ไอ้นั่นน่ารัก ไอ้นี่เก๋ 
เราผู้ซึ่งไม่เคยมั่นใจในรูปลักษณ์ตัวเองและเคยโดนคนที่คบด้วยแอบเบ้ปากเรื่องรูปลักษณ์ของเรา      ถึงกับขำเบา ๆ และขอบคุณเธออย่างจริงใจว่า “เธอรู้ไหมว่า การได้รับคำชมตรง ๆ จากนางงามตัวจริงนี่ boost ความนับถือตัวเองเรามากเลยนะ”

 
เพื่อนคนนี้ เป็นผู้หญิงที่ทำให้เรานึกถึงคำของเฮมิงเวย์ว่า 

Men can be destroyed but not defeated.
เธออาจจะเคยผ่านประสบการณ์กินยาต้านเศร้ามาเป็นปี ทุกข์กับคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอ จนกระทั่งเธอสงสัยในความหมายชีวิตของตัวเอง  และ voila วันนี้ เธอก็สามารถยืนหยัด ปรับตัว เริ่มหาสิ่งใหม่ ๆ ดี ๆ ทำ อยู่บนลำแข้งตัวเองอย่างเข้มแข็ง  สิ่งภายนอกที่เปลี่ยนไป ไม่สามารถลดคุณค่าอะไรในตัวเธอได้เลย
 

เขียนยาวเฟื้อยเลย  เกิน 20 นาทีสำหรับอ่านรึยังคะ ?
ยังไม่ทันได้เล่าถีงเพื่อนรุ่นน้องอีกคนเลย 

เดี๋ยวมาเขียนเล่าต่อนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่