JJNY : สลด! ท่วมใต้ดับ 29 ราย│ชาวประมงร้อง กมธ.มั่นคง│สส.ปชน.ร้องกมธ. สอบ│ไต้หวันเปิด ‘สายด่วน’ สำหรับนักท่องเที่ยวในจีน

สลด! ท่วมใต้ดับ 29 ราย ปภ. สั่งระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4936660

สลด! ท่วมใต้ 5 จว.ดับ 29 ราย ปภ. สั่งระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือปชช.
 
เมื่อวันทึ่ 4 ธันวาคม นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. – 4 ธ.ค.เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง
 ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 29 ราย ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ 

1. นครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.ชะอวด อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.พระพรหม อ.เมืองฯ อ.ปากพนัง อ.หัวไทร และอ.เชียรใหญ่ รวม 68 ตำบล 535 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 48,331 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันคลองท่าดีมีระดับน้ำลดลง

2. พัทลุง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.ควนขนุน อ.ปากพะยูน อ.บางแก้ว และอ.เขาชัยสน รวม 18 ตำบล 71 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,707 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ปัจจุบันลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาระดับน้ำลดลง 

3. สงขลา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ระโนด อ.สิงหนคร อ.กระแสสินธุ์ และสทิงพระ รวม 36 ตำบล 221 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,643 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 10 ราย ปัจจุบันลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาระดับน้ำลดลง

4. ปัตตานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.มายอ อ.ทุ่งยางแดง อ.หนองจิก อ.ยะรัง อ.เมืองฯ อ.สายบุรี และอ.กะพ้อ รวม 41 ตำบล 216 หมู่บ้าน
 ประชาชนได้รับผลกระทบ 65,769 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 7 ราย ปัจจุบันแม่น้ำปัตตานีระดับน้ำลดลง 5.นราธิวาส เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ
ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.สุไหงโก-ลก และอ.ตากใบ รวม 16 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,444 ครัวเรือน ปัจจุบันแม่น้ำสายบุรีมีระดับน้ำลดลง

นายภาสกรกล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำระยะไกล รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันละบรรเทา
สาธารณภัย KA 32 พร้อมด้วย The Guardian Team เข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย นอกจากนี้ ได้กำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ประสานจังหวัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง
 
ประชาชนสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์ข่าวสารสาธารณภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM 
และ X@DDPMNews ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัยได้ทางแอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” ทั้งระบบ IOS และ Android และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์“ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง


 
ชาวประมงร้อง กมธ.มั่นคง ปมเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย โรมจ่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง 13 ธ.ค.นี้.
https://www.matichon.co.th/local/news_4937009

ชาวประมงร้อง กมธ.มั่นคง ปมเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย โรมจ่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง 13 ธ.ค.นี้
 
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ รับยื่นหนังสือ จากประชาชนจ.พังงา เรื่องเรือประมงไทยโดนเรือรบทหารเมียนมายิง
ตัวแทนชาวประมง กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ การยิงเตือนควรจะยิงขึ้นฟ้า หรือลงน้ำไม่ใช่ยิงใส่เรือโดยตรง ชาวประมงออกเรือไปหาปลา ไม่ใช่ไปรบกับใคร จึงอยากให้ทาง กมธ.มั่นคงตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว
 
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 ประเด็น คือเรื่องการล้ำเขตแดน และ การกระทำดังกล่าวเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ต้องไปพิสูจน์กันอีกที แต่ประเด็นสำคัญคือในเรื่องของความเกินกว่าเหตุ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่แต่ไม่น่าจะร้ายแรงถึงขนาดที่จะมีการยิงกันแบบนี้ หากเรือประมงเป็นของไทย เป็นเรือโจรสลัดก็เป็นอีกอย่างแต่ต้องยอมรับว่าการยิงเข้าไปที่ตัวเรือ โอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิต ดังนั้นการที่ใช้ความรุนแรงในระดับนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราคาดหวังกับทางภาครัฐว่าจะเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแสดงท่าทีไปยังรัฐบาลทางเมียนมาเท่าที่ตามข่าวมีความรู้สึกว่าท่าทีของรัฐบาลประเทศไทยดูเบาไปแต่เมื่อเทียบกับความร้ายแรงที่เกิดขึ้น กมธ.มั่นคงมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้นในวันที่ 13 ธ.ค. ตนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิสภาความมั่นคงแห่งชาติ , กระทรวงการต่างประเทศ , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด , ผู้บัญชาการทหารเรือ , กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ , ทัพเรือภาคที่ 3 , เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล , และผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เพื่อที่จะพิจารณาเรื่องนี้ ทางกมธ.มั่นคง หวังว่าจะได้ข้อเท็จจริงนะที่เป็นประโยชน์ รวมไปถึงได้รับรับทราบแนวทางอย่างเป็นทางการของรัฐบาลว่าจะดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร
 
แน่นอนว่าเราไม่สามารถที่จะแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่การป้องกัน และการแสดงท่าทีของประเทศไทยมีความสำคัญอย่างมากเราเป็นรัฐเอกราช เราก็คงไม่ได้อยากจะทำแบบเดียวกัน หากมีบางประเทศอาจจะมารุกล้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือดิน เราคงไม่ใช่จะเริ่มต้นการยิงเลย” นายรังสิมันต์กล่าว
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนเห็นใจต่อผู้ที่สูญเสีย และหวังว่าผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 4 รายจะถูกปล่อยมากลับสู่มาตุภูมิ ทางกมธ. จะติดตามอย่างจริงจัง ส่วนของการเยียวยาจะมีการดูแลกันอย่างไรต่อไปก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเรารับทราบตลอดว่ารัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมามีความใกล้ชิดกัน ควรใช้ความใกล้ชิดนั้นในการที่ให้ปล่อยตัวประกัน ในส่วนของเรื่องการที่จะต้องแสดงท่าที ตนคิดว่าต้องต้องหาความเหมาะสมในการที่จะแสดงท่าทีเพื่อให้ทางเมียนมารได้รับรู้ว่ามันคือเรื่องที่ร้ายแรง และเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก


สส.ปชน. ร้องกมธ. สอบปมครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กในสถานสงเคราะห์ จี้พม.แก้ทั้งระบบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9534457

สส.พรรคประชาชน ร้องกมธ.กิจการเด็กฯ สอบปมครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กในสถานสงเคราะห์ ปูดมีทุจริตเบิกจ่ายเงินในมูลนิธิ ถามเด็กในคลิปตอนนี้อยู่ไหน ลั่นต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ
 
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 4 ธ.ค.2567 ที่รัฐสภา นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมน.ส.พุธิตา ชัยอนันต์ สส.เชียงใหม่ และน.ส.เพชรรัตน์  ใหม่ชมภู สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน (ปชน.) ยื่นหนังสือถึงน.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) 
กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่
 
นายปารมี กล่าวว่า มีคลิปเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ซึ่งเป็นคลิปที่เด็ก หวีดร้องด้วยความหวาดกลัว รวมถึงเป็นรูปที่เด็กถูกทำร้าย ภาพบาดแผลที่เกิดจากถูกครูพี่เลี้ยง บังคับให้กินพริกเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นแผลในปาก เมื่อตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาจึงได้ประสานไปยังน.ส.เพชรรัตน์ และน.ส.พุธิตา เพื่อเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ ตนเคยนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับสถานสงเคราะห์ต่างๆ ไปยังรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ไปแล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ฟาง และอยากให้มีการแก้ไขทั้งโครงสร้างไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้
 
น.ส.เพชรรัตน์ กล่าวว่า เมื่อปี 2566 เด็กในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครพิงค์ เนื่องจากมีรอยฟกซ้ำ หายใจไม่ออก ทางแพทย์ผู้รักษาจึงติดต่อสถานสงเคราะห์แห่งนั้น เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังฝ่ายสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาล แต่สถานสงเคราะห์แห่งนั้นกลับขอไว้ เพื่อเคลียร์ปัญหาภายในก่อน

เหตุการณ์นั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็มีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นอีกคือการบังคับให้เด็กที่อยู่ในมูลนิธิกินพริก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในสังคม ฉะนั้น จึงคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการแก้ไขทั้งระบบ จึงอยากเรียกร้องไปยังรมว.พม. นอกจากนี้ แหล่งข่าวตนยังแจ้งมาว่า มีการทุจริตเรื่องการเบิกจ่ายเงินในมูลนิธิแห่งนี้ จึงขอฝากให้ กมธ.ช่วยกันตรวจสอบและติดตาม

ขณะที่ น.ส.พุธิตา กล่าวว่า ตนได้เข้าไปพบกับพม.จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้ทราบว่า เด็กที่อยู่ในมูลนิธิขณะนี้เป็นเด็กคนละกลุ่มกับเด็กที่เคยอยู่ในปี 2566 และเด็กที่อยู่ปัจจุบันถูกคุ้มครองชั่วคราวจากสถานสงเคราะห์ของรัฐ โดยมีสหวิชาชีพคอยดูแล คำถามคือเด็กกลุ่มเดิมที่อยู่ในคลิปนั้น ตอนนี้อยู่ไหน ซึ่งพม.จังหวัดก็ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ส่วนเรื่องข้อมูลของคดี ตอนนี้ก็อยู่ในชั้นของพนักงานสอบสวน ซึ่งต้องมีการติดตามกันต่อไป
น.ส.ภัสริน กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไว้และจะนำเข้าบรรจุวาระพิจารณาเพื่อให้มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป โดยมองว่าควรจะมีระบบคัดกรองผู้ที่ดูแลเด็ก และสถานที่ดูแลเด็กควรมีสภาพแวดล้อมที่สร้างความปลอดภัยให้เด็กและผู้ปกครอง รวมถึงควรมีระบบดูแลเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่าจะเชิญหน่วยงานใดเข้ามาชี้แจง น.ส.ภัสริน กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องเชิญกระทรวงพม. เข้ามาชี้แจง เพราะเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการดูแลเด็ก รวมถึงมูลนิธิดังกล่าวด้วย โดยเราจะมีการหารือเรื่องหน่วยงานที่จะเชิญเข้ามาชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่