สลด! ท่วมใต้ดับ 29 ราย ปภ. สั่งระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4936660
สลด! ท่วมใต้ 5 จว.ดับ 29 ราย ปภ. สั่งระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือปชช.
เมื่อวันทึ่ 4 ธันวาคม นาย
ภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. – 4 ธ.ค.เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง
ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 29 ราย ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่
1. นครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.ชะอวด อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.พระพรหม อ.เมืองฯ อ.ปากพนัง อ.หัวไทร และอ.เชียรใหญ่ รวม 68 ตำบล 535 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 48,331 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันคลองท่าดีมีระดับน้ำลดลง
2. พัทลุง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.ควนขนุน อ.ปากพะยูน อ.บางแก้ว และอ.เขาชัยสน รวม 18 ตำบล 71 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,707 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ปัจจุบันลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาระดับน้ำลดลง
3. สงขลา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ระโนด อ.สิงหนคร อ.กระแสสินธุ์ และสทิงพระ รวม 36 ตำบล 221 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,643 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 10 ราย ปัจจุบันลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาระดับน้ำลดลง
4. ปัตตานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.มายอ อ.ทุ่งยางแดง อ.หนองจิก อ.ยะรัง อ.เมืองฯ อ.สายบุรี และอ.กะพ้อ รวม 41 ตำบล 216 หมู่บ้าน
ประชาชนได้รับผลกระทบ 65,769 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 7 ราย ปัจจุบันแม่น้ำปัตตานีระดับน้ำลดลง 5.นราธิวาส เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ
ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.สุไหงโก-ลก และอ.ตากใบ รวม 16 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,444 ครัวเรือน ปัจจุบันแม่น้ำสายบุรีมีระดับน้ำลดลง
นาย
ภาสกรกล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำระยะไกล รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันละบรรเทา
สาธารณภัย KA 32 พร้อมด้วย The Guardian Team เข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย นอกจากนี้ ได้กำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ประสานจังหวัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง
ประชาชนสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์ข่าวสารสาธารณภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
และ X@DDPMNews ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัยได้ทางแอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” ทั้งระบบ IOS และ Android และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์“ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ชาวประมงร้อง กมธ.มั่นคง ปมเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย โรมจ่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง 13 ธ.ค.นี้.
https://www.matichon.co.th/local/news_4937009
ชาวประมงร้อง กมธ.มั่นคง ปมเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย โรมจ่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง 13 ธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ รับยื่นหนังสือ จากประชาชนจ.พังงา เรื่องเรือประมงไทยโดนเรือรบทหารเมียนมายิง
ตัวแทนชาวประมง กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ การยิงเตือนควรจะยิงขึ้นฟ้า หรือลงน้ำไม่ใช่ยิงใส่เรือโดยตรง ชาวประมงออกเรือไปหาปลา ไม่ใช่ไปรบกับใคร จึงอยากให้ทาง กมธ.มั่นคงตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว
ด้านนาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 ประเด็น คือเรื่องการล้ำเขตแดน และ การกระทำดังกล่าวเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ต้องไปพิสูจน์กันอีกที แต่ประเด็นสำคัญคือในเรื่องของความเกินกว่าเหตุ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่แต่ไม่น่าจะร้ายแรงถึงขนาดที่จะมีการยิงกันแบบนี้ หากเรือประมงเป็นของไทย เป็นเรือโจรสลัดก็เป็นอีกอย่างแต่ต้องยอมรับว่าการยิงเข้าไปที่ตัวเรือ โอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิต ดังนั้นการที่ใช้ความรุนแรงในระดับนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เราคาดหวังกับทางภาครัฐว่าจะเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแสดงท่าทีไปยังรัฐบาลทางเมียนมาเท่าที่ตามข่าวมีความรู้สึกว่าท่าทีของรัฐบาลประเทศไทยดูเบาไปแต่เมื่อเทียบกับความร้ายแรงที่เกิดขึ้น กมธ.มั่นคงมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้นในวันที่ 13 ธ.ค. ตนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิสภาความมั่นคงแห่งชาติ , กระทรวงการต่างประเทศ , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด , ผู้บัญชาการทหารเรือ , กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ , ทัพเรือภาคที่ 3 , เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล , และผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เพื่อที่จะพิจารณาเรื่องนี้ ทางกมธ.มั่นคง หวังว่าจะได้ข้อเท็จจริงนะที่เป็นประโยชน์ รวมไปถึงได้รับรับทราบแนวทางอย่างเป็นทางการของรัฐบาลว่าจะดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร
“
แน่นอนว่าเราไม่สามารถที่จะแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่การป้องกัน และการแสดงท่าทีของประเทศไทยมีความสำคัญอย่างมากเราเป็นรัฐเอกราช เราก็คงไม่ได้อยากจะทำแบบเดียวกัน หากมีบางประเทศอาจจะมารุกล้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือดิน เราคงไม่ใช่จะเริ่มต้นการยิงเลย” นาย
รังสิมันต์กล่าว
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ตนเห็นใจต่อผู้ที่สูญเสีย และหวังว่าผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 4 รายจะถูกปล่อยมากลับสู่มาตุภูมิ ทางกมธ. จะติดตามอย่างจริงจัง ส่วนของการเยียวยาจะมีการดูแลกันอย่างไรต่อไปก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเรารับทราบตลอดว่ารัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมามีความใกล้ชิดกัน ควรใช้ความใกล้ชิดนั้นในการที่ให้ปล่อยตัวประกัน ในส่วนของเรื่องการที่จะต้องแสดงท่าที ตนคิดว่าต้องต้องหาความเหมาะสมในการที่จะแสดงท่าทีเพื่อให้ทางเมียนมารได้รับรู้ว่ามันคือเรื่องที่ร้ายแรง และเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
สส.ปชน. ร้องกมธ. สอบปมครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กในสถานสงเคราะห์ จี้พม.แก้ทั้งระบบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9534457
สส.พรรคประชาชน ร้องกมธ.กิจการเด็กฯ สอบปมครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กในสถานสงเคราะห์ ปูดมีทุจริตเบิกจ่ายเงินในมูลนิธิ ถามเด็กในคลิปตอนนี้อยู่ไหน ลั่นต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 4 ธ.ค.2567 ที่รัฐสภา นาย
ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมน.ส.
พุธิตา ชัยอนันต์ สส.เชียงใหม่ และน.ส.
เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน (ปชน.) ยื่นหนังสือถึงน.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)
กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่
นาย
ปารมี กล่าวว่า มีคลิปเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ซึ่งเป็นคลิปที่เด็ก หวีดร้องด้วยความหวาดกลัว รวมถึงเป็นรูปที่เด็กถูกทำร้าย ภาพบาดแผลที่เกิดจากถูกครูพี่เลี้ยง บังคับให้กินพริกเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นแผลในปาก เมื่อตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาจึงได้ประสานไปยังน.ส.
เพชรรัตน์ และน.ส.
พุธิตา เพื่อเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนเคยนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับสถานสงเคราะห์ต่างๆ ไปยังรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ไปแล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ฟาง และอยากให้มีการแก้ไขทั้งโครงสร้างไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้
น.ส.
เพชรรัตน์ กล่าวว่า เมื่อปี 2566 เด็กในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครพิงค์ เนื่องจากมีรอยฟกซ้ำ หายใจไม่ออก ทางแพทย์ผู้รักษาจึงติดต่อสถานสงเคราะห์แห่งนั้น เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังฝ่ายสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาล แต่สถานสงเคราะห์แห่งนั้นกลับขอไว้ เพื่อเคลียร์ปัญหาภายในก่อน
เหตุการณ์นั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็มีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นอีกคือการบังคับให้เด็กที่อยู่ในมูลนิธิกินพริก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในสังคม ฉะนั้น จึงคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการแก้ไขทั้งระบบ จึงอยากเรียกร้องไปยังรมว.พม. นอกจากนี้ แหล่งข่าวตนยังแจ้งมาว่า มีการทุจริตเรื่องการเบิกจ่ายเงินในมูลนิธิแห่งนี้ จึงขอฝากให้ กมธ.ช่วยกันตรวจสอบและติดตาม
ขณะที่ น.ส.
พุธิตา กล่าวว่า ตนได้เข้าไปพบกับพม.จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้ทราบว่า เด็กที่อยู่ในมูลนิธิขณะนี้เป็นเด็กคนละกลุ่มกับเด็กที่เคยอยู่ในปี 2566 และเด็กที่อยู่ปัจจุบันถูกคุ้มครองชั่วคราวจากสถานสงเคราะห์ของรัฐ โดยมีสหวิชาชีพคอยดูแล คำถามคือเด็กกลุ่มเดิมที่อยู่ในคลิปนั้น ตอนนี้อยู่ไหน ซึ่งพม.จังหวัดก็ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ส่วนเรื่องข้อมูลของคดี ตอนนี้ก็อยู่ในชั้นของพนักงานสอบสวน ซึ่งต้องมีการติดตามกันต่อไป
น.ส.
ภัสริน กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไว้และจะนำเข้าบรรจุวาระพิจารณาเพื่อให้มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป โดยมองว่าควรจะมีระบบคัดกรองผู้ที่ดูแลเด็ก และสถานที่ดูแลเด็กควรมีสภาพแวดล้อมที่สร้างความปลอดภัยให้เด็กและผู้ปกครอง รวมถึงควรมีระบบดูแลเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่าจะเชิญหน่วยงานใดเข้ามาชี้แจง น.ส.
ภัสริน กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องเชิญกระทรวงพม. เข้ามาชี้แจง เพราะเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการดูแลเด็ก รวมถึงมูลนิธิดังกล่าวด้วย โดยเราจะมีการหารือเรื่องหน่วยงานที่จะเชิญเข้ามาชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้.
JJNY : สลด! ท่วมใต้ดับ 29 ราย│ชาวประมงร้อง กมธ.มั่นคง│สส.ปชน.ร้องกมธ. สอบ│ไต้หวันเปิด ‘สายด่วน’ สำหรับนักท่องเที่ยวในจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4936660
สลด! ท่วมใต้ 5 จว.ดับ 29 ราย ปภ. สั่งระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือปชช.
เมื่อวันทึ่ 4 ธันวาคม นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. – 4 ธ.ค.เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง
ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 29 ราย ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่
1. นครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.ชะอวด อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.พระพรหม อ.เมืองฯ อ.ปากพนัง อ.หัวไทร และอ.เชียรใหญ่ รวม 68 ตำบล 535 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 48,331 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันคลองท่าดีมีระดับน้ำลดลง
2. พัทลุง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.ควนขนุน อ.ปากพะยูน อ.บางแก้ว และอ.เขาชัยสน รวม 18 ตำบล 71 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,707 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ปัจจุบันลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาระดับน้ำลดลง
3. สงขลา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ระโนด อ.สิงหนคร อ.กระแสสินธุ์ และสทิงพระ รวม 36 ตำบล 221 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,643 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 10 ราย ปัจจุบันลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาระดับน้ำลดลง
4. ปัตตานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.มายอ อ.ทุ่งยางแดง อ.หนองจิก อ.ยะรัง อ.เมืองฯ อ.สายบุรี และอ.กะพ้อ รวม 41 ตำบล 216 หมู่บ้าน
ประชาชนได้รับผลกระทบ 65,769 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 7 ราย ปัจจุบันแม่น้ำปัตตานีระดับน้ำลดลง 5.นราธิวาส เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ
ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.สุไหงโก-ลก และอ.ตากใบ รวม 16 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,444 ครัวเรือน ปัจจุบันแม่น้ำสายบุรีมีระดับน้ำลดลง
นายภาสกรกล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำระยะไกล รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันละบรรเทา
สาธารณภัย KA 32 พร้อมด้วย The Guardian Team เข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย นอกจากนี้ ได้กำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ประสานจังหวัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง
ประชาชนสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์ข่าวสารสาธารณภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
และ X@DDPMNews ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัยได้ทางแอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” ทั้งระบบ IOS และ Android และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์“ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ชาวประมงร้อง กมธ.มั่นคง ปมเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย โรมจ่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง 13 ธ.ค.นี้.
https://www.matichon.co.th/local/news_4937009
ชาวประมงร้อง กมธ.มั่นคง ปมเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย โรมจ่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง 13 ธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ รับยื่นหนังสือ จากประชาชนจ.พังงา เรื่องเรือประมงไทยโดนเรือรบทหารเมียนมายิง
ตัวแทนชาวประมง กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ การยิงเตือนควรจะยิงขึ้นฟ้า หรือลงน้ำไม่ใช่ยิงใส่เรือโดยตรง ชาวประมงออกเรือไปหาปลา ไม่ใช่ไปรบกับใคร จึงอยากให้ทาง กมธ.มั่นคงตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 ประเด็น คือเรื่องการล้ำเขตแดน และ การกระทำดังกล่าวเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ต้องไปพิสูจน์กันอีกที แต่ประเด็นสำคัญคือในเรื่องของความเกินกว่าเหตุ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่แต่ไม่น่าจะร้ายแรงถึงขนาดที่จะมีการยิงกันแบบนี้ หากเรือประมงเป็นของไทย เป็นเรือโจรสลัดก็เป็นอีกอย่างแต่ต้องยอมรับว่าการยิงเข้าไปที่ตัวเรือ โอกาสที่จะมีผู้เสียชีวิต ดังนั้นการที่ใช้ความรุนแรงในระดับนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราคาดหวังกับทางภาครัฐว่าจะเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแสดงท่าทีไปยังรัฐบาลทางเมียนมาเท่าที่ตามข่าวมีความรู้สึกว่าท่าทีของรัฐบาลประเทศไทยดูเบาไปแต่เมื่อเทียบกับความร้ายแรงที่เกิดขึ้น กมธ.มั่นคงมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้นในวันที่ 13 ธ.ค. ตนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิสภาความมั่นคงแห่งชาติ , กระทรวงการต่างประเทศ , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด , ผู้บัญชาการทหารเรือ , กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ , ทัพเรือภาคที่ 3 , เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล , และผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เพื่อที่จะพิจารณาเรื่องนี้ ทางกมธ.มั่นคง หวังว่าจะได้ข้อเท็จจริงนะที่เป็นประโยชน์ รวมไปถึงได้รับรับทราบแนวทางอย่างเป็นทางการของรัฐบาลว่าจะดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร
“แน่นอนว่าเราไม่สามารถที่จะแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่การป้องกัน และการแสดงท่าทีของประเทศไทยมีความสำคัญอย่างมากเราเป็นรัฐเอกราช เราก็คงไม่ได้อยากจะทำแบบเดียวกัน หากมีบางประเทศอาจจะมารุกล้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือดิน เราคงไม่ใช่จะเริ่มต้นการยิงเลย” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนเห็นใจต่อผู้ที่สูญเสีย และหวังว่าผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 4 รายจะถูกปล่อยมากลับสู่มาตุภูมิ ทางกมธ. จะติดตามอย่างจริงจัง ส่วนของการเยียวยาจะมีการดูแลกันอย่างไรต่อไปก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเรารับทราบตลอดว่ารัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมามีความใกล้ชิดกัน ควรใช้ความใกล้ชิดนั้นในการที่ให้ปล่อยตัวประกัน ในส่วนของเรื่องการที่จะต้องแสดงท่าที ตนคิดว่าต้องต้องหาความเหมาะสมในการที่จะแสดงท่าทีเพื่อให้ทางเมียนมารได้รับรู้ว่ามันคือเรื่องที่ร้ายแรง และเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
สส.ปชน. ร้องกมธ. สอบปมครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กในสถานสงเคราะห์ จี้พม.แก้ทั้งระบบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9534457
สส.พรรคประชาชน ร้องกมธ.กิจการเด็กฯ สอบปมครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กในสถานสงเคราะห์ ปูดมีทุจริตเบิกจ่ายเงินในมูลนิธิ ถามเด็กในคลิปตอนนี้อยู่ไหน ลั่นต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 4 ธ.ค.2567 ที่รัฐสภา นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมน.ส.พุธิตา ชัยอนันต์ สส.เชียงใหม่ และน.ส.เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน (ปชน.) ยื่นหนังสือถึงน.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)
กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่
นายปารมี กล่าวว่า มีคลิปเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ซึ่งเป็นคลิปที่เด็ก หวีดร้องด้วยความหวาดกลัว รวมถึงเป็นรูปที่เด็กถูกทำร้าย ภาพบาดแผลที่เกิดจากถูกครูพี่เลี้ยง บังคับให้กินพริกเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นแผลในปาก เมื่อตนได้รับเรื่องร้องเรียนมาจึงได้ประสานไปยังน.ส.เพชรรัตน์ และน.ส.พุธิตา เพื่อเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนเคยนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับสถานสงเคราะห์ต่างๆ ไปยังรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ไปแล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ฟาง และอยากให้มีการแก้ไขทั้งโครงสร้างไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้
น.ส.เพชรรัตน์ กล่าวว่า เมื่อปี 2566 เด็กในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครพิงค์ เนื่องจากมีรอยฟกซ้ำ หายใจไม่ออก ทางแพทย์ผู้รักษาจึงติดต่อสถานสงเคราะห์แห่งนั้น เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังฝ่ายสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาล แต่สถานสงเคราะห์แห่งนั้นกลับขอไว้ เพื่อเคลียร์ปัญหาภายในก่อน
เหตุการณ์นั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็มีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นอีกคือการบังคับให้เด็กที่อยู่ในมูลนิธิกินพริก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในสังคม ฉะนั้น จึงคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการแก้ไขทั้งระบบ จึงอยากเรียกร้องไปยังรมว.พม. นอกจากนี้ แหล่งข่าวตนยังแจ้งมาว่า มีการทุจริตเรื่องการเบิกจ่ายเงินในมูลนิธิแห่งนี้ จึงขอฝากให้ กมธ.ช่วยกันตรวจสอบและติดตาม
ขณะที่ น.ส.พุธิตา กล่าวว่า ตนได้เข้าไปพบกับพม.จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้ทราบว่า เด็กที่อยู่ในมูลนิธิขณะนี้เป็นเด็กคนละกลุ่มกับเด็กที่เคยอยู่ในปี 2566 และเด็กที่อยู่ปัจจุบันถูกคุ้มครองชั่วคราวจากสถานสงเคราะห์ของรัฐ โดยมีสหวิชาชีพคอยดูแล คำถามคือเด็กกลุ่มเดิมที่อยู่ในคลิปนั้น ตอนนี้อยู่ไหน ซึ่งพม.จังหวัดก็ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ส่วนเรื่องข้อมูลของคดี ตอนนี้ก็อยู่ในชั้นของพนักงานสอบสวน ซึ่งต้องมีการติดตามกันต่อไป
น.ส.ภัสริน กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไว้และจะนำเข้าบรรจุวาระพิจารณาเพื่อให้มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป โดยมองว่าควรจะมีระบบคัดกรองผู้ที่ดูแลเด็ก และสถานที่ดูแลเด็กควรมีสภาพแวดล้อมที่สร้างความปลอดภัยให้เด็กและผู้ปกครอง รวมถึงควรมีระบบดูแลเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่าจะเชิญหน่วยงานใดเข้ามาชี้แจง น.ส.ภัสริน กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องเชิญกระทรวงพม. เข้ามาชี้แจง เพราะเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการดูแลเด็ก รวมถึงมูลนิธิดังกล่าวด้วย โดยเราจะมีการหารือเรื่องหน่วยงานที่จะเชิญเข้ามาชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้.