ประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุดในโลก ก็อย่างที่เรารู้กัน อดีตคือญี่ปุ่น วันนี้ไม่ใช่!
จีนใช้เวลา 25 ปีในการโค่นซามูไร!
สัดส่วนในการผลิตรถยนต์ ปี 1998 ญี่ปุ่น No.1 โลก กวาดไป 21.6% ส่วนจีนแค่เศษ 1.4%
ปีที่แล้ว ปรากฏว่าจีน No.1 กินไปถึง 38.4% แซงญี่ปุ่นที่หดเหลือ 11.4%
มันเกิดขึ้นได้ยังไง คงไม่ต้องบอกกล่าวแล้วกระมัง
จีนขี่กระแส EV พุ่งขึ้นพรวดพราด
ถ้าไม่มี EV ... เรื่องราวก็ไม่เป็นเช่นนี้แน่
(*น่าคิด เทคโนโลยี EV มาก่อนในแดนตะวันตก แต่ทำไมอดีตผู้ผลิตรถ No.2 & No.3 อย่างอเมริกากับเยอรมัน กลับเอื่อยเฉื่อย ปล่อยให้จีนโฉบไปดื้อๆ ต่อหน้าต่อตา)
ส่วนที่เมืองไทย น่าสนใจว่า ใน 5 ปีนี้ (2019-2024) ยี่ห้อรถที่เพิ่มสัดส่วนในการผลิต มากที่สุด ตกเป็นของ "โตโยต้า"!!! เพิ่มเกิน 7%
ขนาด "BYD" ที่ว่าแน่ๆ ยังรองลงมาเป็นอันดับ 2 (เพิ่มเกิน 5%)
นี่คือดูอัตราเติบโต (growth)
แต่ถ้าเทียบขนาดที่ตัวสัดส่วนเลย โตโยต้ายังกินขาด ครองอันดับ 1 เหนียวแน่น และอันดับ 2 อันดับ 3 ก็ ฮอนด้า อีซูซุ (ซึ่งถ้าดู growth จะพบว่า ฮอนด้าและอีซูซุ "ติดลบ" หดตัวทั้งคู่)
ซึ่งอีก 5 ปีถัดไป ภาพน่าจะเปลี่ยนพลิกโฉมพอควร
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพในไทย ในอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตใหญ่ของรถยนต์แบบดั้งเดิม (รถเติมน้ำมัน) มัน lagging โลก
ซึ่งถ้าโลกรถกำลังอยู่ในช่วง "เปลี่ยนผ่าน" (transition) จริงๆ ... เราจะลำบากไม่ใช่น้อย
(เห็นข่าวทีวีแว้บๆ ไม่กี่วันก่อน ... อนิจจา เรายังดีใจอยู่เลยว่าสงครามการค้าอาจทำให้การผลิต "ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์" ของเรายิ่งเติบโต เอ่อ มันน่าดีใจไหม เราโตในตลาดที่เทรนด์เลือนราง???)
ที่ว่ามาทั้งหมด คือ สัดส่วนการผลิต (มองในแง่อุตสาหกรรม ; ซึ่งไม่ใช่แค่เขา เพราะมันผูกกับเราที่เป็นฐานด้วย)
แต่ถ้าว่ากันถึง "ส่วนแบ่งตลาด" (ก็ยอดขายน่ะ เชิงพาณิชย์)
ญี่ปุ่นลดลงหลุดลุ่ย สวนทางกับจีนที่ดีดเด้ง
ในเวลา 5 ปี (2019-2024) ส่วนแบ่งตลาดรถจีนในบ้านเรา พุ่งเกิน 10% แต่ส่วนแบ่งตลาดรถญี่ปุ่น รูดลง 12%
เทรนด์นี้ ในอินโดฯ ก็ใช่ ในมาเลฯ ก็ใช่ ในสิงคโปร์ก็ใช่
และในจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ยิ่งวิ่งยิ่งใช่
ปัญหาของค่ายรถญี่ปุ่นและยุโรป ที่เคยเป็นเอกในรถแบบเติมน้ำมัน คือ มุ่งไปทาง EV ไม่พอ (หรือจริงๆ ต้องใช้คำว่า "ไม่ทัน" ต่างหาก)
นั่นทำให้ยอดขายหดลง
(ยิ่งถ้าอนาคต EV adoption ยิ่งแรงๆ ก็จะยิ่งหดหนักเข้าไปอีก)
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และนับวันก็จะยิ่งชัดขึ้น
ญี่ปุ่นเสียท่าให้จีนในระยะยาวแล้ว สำหรับตลาดรถยนต์
ที่มา : เพจเดือดทะลักจุดแตก
ญี่ปุ่นเสียท่าให้จีนในระยะยาว สำหรับตลาดรถยนต์
จีนใช้เวลา 25 ปีในการโค่นซามูไร!
สัดส่วนในการผลิตรถยนต์ ปี 1998 ญี่ปุ่น No.1 โลก กวาดไป 21.6% ส่วนจีนแค่เศษ 1.4%
ปีที่แล้ว ปรากฏว่าจีน No.1 กินไปถึง 38.4% แซงญี่ปุ่นที่หดเหลือ 11.4%
มันเกิดขึ้นได้ยังไง คงไม่ต้องบอกกล่าวแล้วกระมัง
จีนขี่กระแส EV พุ่งขึ้นพรวดพราด
ถ้าไม่มี EV ... เรื่องราวก็ไม่เป็นเช่นนี้แน่
(*น่าคิด เทคโนโลยี EV มาก่อนในแดนตะวันตก แต่ทำไมอดีตผู้ผลิตรถ No.2 & No.3 อย่างอเมริกากับเยอรมัน กลับเอื่อยเฉื่อย ปล่อยให้จีนโฉบไปดื้อๆ ต่อหน้าต่อตา)
ส่วนที่เมืองไทย น่าสนใจว่า ใน 5 ปีนี้ (2019-2024) ยี่ห้อรถที่เพิ่มสัดส่วนในการผลิต มากที่สุด ตกเป็นของ "โตโยต้า"!!! เพิ่มเกิน 7%
ขนาด "BYD" ที่ว่าแน่ๆ ยังรองลงมาเป็นอันดับ 2 (เพิ่มเกิน 5%)
นี่คือดูอัตราเติบโต (growth)
แต่ถ้าเทียบขนาดที่ตัวสัดส่วนเลย โตโยต้ายังกินขาด ครองอันดับ 1 เหนียวแน่น และอันดับ 2 อันดับ 3 ก็ ฮอนด้า อีซูซุ (ซึ่งถ้าดู growth จะพบว่า ฮอนด้าและอีซูซุ "ติดลบ" หดตัวทั้งคู่)
ซึ่งอีก 5 ปีถัดไป ภาพน่าจะเปลี่ยนพลิกโฉมพอควร
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพในไทย ในอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตใหญ่ของรถยนต์แบบดั้งเดิม (รถเติมน้ำมัน) มัน lagging โลก
ซึ่งถ้าโลกรถกำลังอยู่ในช่วง "เปลี่ยนผ่าน" (transition) จริงๆ ... เราจะลำบากไม่ใช่น้อย
(เห็นข่าวทีวีแว้บๆ ไม่กี่วันก่อน ... อนิจจา เรายังดีใจอยู่เลยว่าสงครามการค้าอาจทำให้การผลิต "ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์" ของเรายิ่งเติบโต เอ่อ มันน่าดีใจไหม เราโตในตลาดที่เทรนด์เลือนราง???)
ที่ว่ามาทั้งหมด คือ สัดส่วนการผลิต (มองในแง่อุตสาหกรรม ; ซึ่งไม่ใช่แค่เขา เพราะมันผูกกับเราที่เป็นฐานด้วย)
แต่ถ้าว่ากันถึง "ส่วนแบ่งตลาด" (ก็ยอดขายน่ะ เชิงพาณิชย์)
ญี่ปุ่นลดลงหลุดลุ่ย สวนทางกับจีนที่ดีดเด้ง
ในเวลา 5 ปี (2019-2024) ส่วนแบ่งตลาดรถจีนในบ้านเรา พุ่งเกิน 10% แต่ส่วนแบ่งตลาดรถญี่ปุ่น รูดลง 12%
เทรนด์นี้ ในอินโดฯ ก็ใช่ ในมาเลฯ ก็ใช่ ในสิงคโปร์ก็ใช่
และในจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ยิ่งวิ่งยิ่งใช่
ปัญหาของค่ายรถญี่ปุ่นและยุโรป ที่เคยเป็นเอกในรถแบบเติมน้ำมัน คือ มุ่งไปทาง EV ไม่พอ (หรือจริงๆ ต้องใช้คำว่า "ไม่ทัน" ต่างหาก)
นั่นทำให้ยอดขายหดลง
(ยิ่งถ้าอนาคต EV adoption ยิ่งแรงๆ ก็จะยิ่งหดหนักเข้าไปอีก)
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และนับวันก็จะยิ่งชัดขึ้น
ญี่ปุ่นเสียท่าให้จีนในระยะยาวแล้ว สำหรับตลาดรถยนต์
ที่มา : เพจเดือดทะลักจุดแตก