ความทรงจำ ภาวะอ้วน ของเซลล์ไขมัน



แนวคิดที่ว่าเซลล์ไขมันมี “ความทรงจำ” ของโรคอ้วน เป็นแนวคิดใหม่ที่ช่วยอธิบายว่าทำไมการรักษาน้ำหนักที่ลดลงให้คงที่จึงเป็นเรื่องที่ยาก งานวิจัยพบว่าเซลล์ไขมัน (adipocytes) มีการเปลี่ยนแปลงใน อีพิจีโนม (epigenome) หรือการปรับแต่งทางเคมีบน DNA ซึ่งมีผลต่อการแสดงออกของยีนในช่วงที่ร่างกายมีภาวะอ้วน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ยังคงอยู่แม้จะลดน้ำหนักแล้ว ส่งผลต่อการทำงานและพฤติกรรมของเซลล์ไขมัน ทำให้มีแนวโน้มที่จะกลับมาอ้วนได้ง่ายขึ้น

ประเด็นสำคัญจากงานวิจัย:

    1.    การเปลี่ยนแปลงอีพิจีเนติกในเซลล์ไขมัน
    •    ภาวะอ้วนเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอีพิจีโนมของเซลล์ไขมัน โดยปรับเปลี่ยนการแสดงออกของยีนโดยไม่เปลี่ยนแปลงลำดับ DNA เดิม
    •    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงกระบวนการเมทิลเลชันของ DNA (DNA methylation) และการปรับแต่งฮิสโตน (histone modifications) ซึ่งยังคงอยู่แม้หลังจากลดน้ำหนักแล้ว
    2.    การทำงานของเซลล์ไขมันที่แย่ลง
    •    ความทรงจำของภาวะอ้วนในเซลล์ไขมันอาจนำไปสู่การลดประสิทธิภาพการทำงาน เช่น:
    •    ความสามารถในการเก็บและปล่อยพลังงานลดลง
    •    เพิ่มการอักเสบและการตอบสนองต่อความเครียดในเนื้อเยื่อไขมัน
    •    ความผิดปกติเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดโรคเมตาบอลิก (metabolic disorders) และทำให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับน้ำหนักที่ลดลงได้ยาก
    3.    กลไกที่ทำให้กลับมาอ้วน
    •    “ความทรงจำ” ของโรคอ้วนทำให้เซลล์ไขมันมีแนวโน้มที่จะสะสมไขมันอีกครั้งเมื่อปริมาณแคลอรีเพิ่มขึ้นหลังจากการลดน้ำหนัก
    •    สิ่งนี้อธิบายปรากฏการณ์ที่เรียกว่า โยโย่เอฟเฟกต์ (weight cycling) ซึ่งผู้ที่ลดน้ำหนักมักกลับมาอ้วนใหม่ในเวลาต่อมา

ผลกระทบต่อแนวทางการรักษา:

    1.    การบำบัดอีพิจีเนติก:
    •    การรักษาที่มุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงอีพิจีโนมในเซลล์ไขมันอาจช่วยพัฒนาวิธีการรักษาที่ทำให้น้ำหนักที่ลดลงคงที่ได้ยาวนานขึ้น
    •    ยาที่สามารถปรับแต่งอีพิจีโนมอาจช่วยรีเซ็ตเซลล์ไขมันให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ
    2.    การดูแลรักษาน้ำหนักแบบองค์รวม:
    •    การเข้าใจว่าเซลล์ไขมันมีความทรงจำของภาวะอ้วนเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาว เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการกินอาหารที่สมดุล เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการกลับมาอ้วน
    •    การสนับสนุนด้านพฤติกรรมและจิตวิทยายังเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยจัดการน้ำหนักในระยะยาว
    3.    การแพทย์เฉพาะบุคคล:
    •    การตรวจวิเคราะห์อีพิจีโนมในเซลล์ไขมันอาจช่วยพัฒนาการรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยปรับการดูแลให้เหมาะสมกับการตอบสนองเฉพาะตัวของผู้ป่วยต่อภาวะอ้วนและการลดน้ำหนัก

งานวิจัยนี้เน้นให้เห็นว่าภาวะอ้วนเป็นภาวะเรื้อรังที่ซับซ้อน และการรักษาต้องมุ่งเน้นไปมากกว่าการพึ่งพาความตั้งใจหรือการปรับพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว กลไกทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การจัดการน้ำหนักมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่การลดน้ำหนัก จึงเป็นเรื่องที่ยากและมีอุปสรรคมากมาย ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มุ่งมั่นในการลดน้ำหนัก ให้กลับมามีสุขภาพแข็งแรงกันคะ

#หมอกัลแบ่งปันสุขภาพดี

Reference :
Hinte, L. C. et al. Nature https://doi.org/10.1038/s41586-024-08165-7 (2024).
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่