พอดีได้ดูยูทูปรีวิวเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับบัตรเครดิต และได้ไอเดียว่าอยากแชร์ประสบการณ์การใช้บริการกับธนาคารที่ตัวเองได้ใช้บริการอยู่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน (พ.ย. 67) เพื่อให้สมาชิกได้อ่านกัน
1. สมัครบัตรเครดิตผ่านแอปมือถือ KBANK VS BBL
KBANK
เนื่องจากรายการเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากส่วนใหญ่อยู่ในธนาคารนี้ ตอนต้นปีจึงได้ลองสมัครบัตรเครดิต Shopee ผ่านมือถือ ได้ทำตามขั้นตอนตามที่แอประบุ หลังนั้นอีกสองสามวัน มีข้อความแจ้งให้ถ่ายเอกสารหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งไป อีกสองวันทราบว่าธนาคารได้อนุมัติบัตรเรียบร้อย อาทิตย์ต่อมาจึงได้รับบัตรมาใช้ในวงเงินตัวเลข 6 หลัก
BBL
เนื่องจากแต่เดิมมี M Visa ของ SCB (เดอะมอลล์) ต่อมาในปีนี้ได้เปลี่ยนผู้ให้บริการบัตรเป็น BBL ส่วนตัวได้เปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารนี้ไม่น้อยกว่าสามสิบปี (เลขที่บัญชีเดียวมาตลอด) ตอนที่ทำงานประจำเงินเดือนก็เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ และมีบัตรเครดิต Visa อยู่หนึ่งใบ จึงได้ลองสมัครบัตร M Live ของ BBL ผ่านมือถือในวันเดียวกันกับวันที่สมัครบัตร Shopee ของ KBANK (ต้นเดือน ก.พ. 67) ปรากฏว่าผ่านไปเดือนกว่าก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จนต้องโทรไปยกเลิกการสมัครบัตรเครดิต
ปล. หลังจากนั้นอีกหลายเดือนจึงสมัครบัตร M Live โดยใช้วงเงินเดียวกับบัตร Visa ที่มีอยู่ เพราะขี้เกียจยื่นเอกสารใหม่ โดยไปสมัครที่สาขาและต้องไปรอคิวเกือบสองชั่วโมง
สรุปผล KBANK ได้ใจไป ไม่เสียเวลา ไม่เสียความรู้สึก
2. เปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ KBANK VS BBL โดยเปิดบัญชีผ่าน Mobile Banking
KBANK
กลางปี 66 ได้เปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์กับ KBANK จากที่ไม่ค่อยเข้าใจอะไร ก็ทำตามที่แอปขึ้นข้อความมา และทำครั้งเดียวก็เสร็จและได้ใช้งานจนถึงทุกวันนี้
BBL
ในปีนี้ได้เปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์กับ BBL เนื่องจากลูกค้าใช้บริการกับธนาคารนี้ โดยคิดว่าปีก่อนได้เปิดบัญชีกับ KBANK แล้วไม่พบปัญหาอะไร ธนาคารอื่นก็คงไม่น่ามีปัญหาเช่นกัน ปรากฏว่า ทำธุรกรรมไปสามรอบ ยังไงก็ไม่ผ่าน จนผ่านระยะเวลาไปสักเกือบเดือนจึงติดต่อที่สาขา (เพิ่งว่าง) ได้ทำการแคปหน้าจอให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่ก็ไม่ทราบสาเหตุ จนตอนหลังเจ้าหน้าที่เสนอให้เปิดบัญชีเป็นเล่มแทน แล้วค่อยแอดบัญชีเข้าในแอปมือถืออีกที
(ปล. ตอนหลังทราบมาว่า Error Code ที่ได้รับ มีความหมายคือ มีความเสี่ยงที่เป็นมิจฉาชีพ ทำให้ไม่สามารถเปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ได้ ต้องเปิดเป็นเล่มเท่านั้น เฮ้อ!)
สรุปผล KBANK ชนะไปอีกยก
3. ขอเพิ่มวงเงินถาวรบัตรเครดิตกับ CardX
เนื่องจากใช้บัตร Family Plus อยู่ ซึ่งบัตรใบนี้ได้มาโดยที่ธนาคารส่งมาให้ใช้เองในปีแรกที่ออกผลิตภัณฑ์ หน้าบัตรจะเขียนไว้ว่า FOUNDER MEMBER ซึ่งโดยส่วนตัวจะใช้บัตรใบนี้เป็นหลัก โดยเห็นว่ามีผลประโยชน์จากการใช้บัตรนี้มากกว่าบัตรอื่น (คิดแบบง่าย ๆ คือ ได้เงินคืน 1% ตลอดทุกเดือน) จนกระทั่งว่าปีนี้อยากจะเพิ่มวงเงินถาวร เพราะ shopping online เยอะมาก ๆ จึงได้ติดต่อกับสาขาเพื่อสอบถามข้อมูล ประกอบกับในปีนี้ก็ได้รับบัตรต่ออายุมาใหม่ แต่เป็นของ CardX ไม่ใช่ของธนาคารไทยพาณิชย์อีกต่อไป (การจ่ายชำระบัตรเครดิต จ่ายเต็มจำนวนทุกเดือน ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้)
ขั้นตอนแรก ได้ติดต่อที่สาขาเพื่อขอข้อมูล
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมเอกสารส่งให้สาขา รวมถึง Statement ต่าง ๆ และสาขาได้รับเอกสารไปเพื่อส่งให้ฝ่ายพิจารณาบัตรเครดิต
อีกสองสัปดาห์ต่อมา จึงได้โทรสอบถาม Call Center เพื่อสอบถามผลการพิจารณา ได้รับแจ้งว่ายังไม่ได้เอกสาร และ Call Center ติดต่อประสานงานจนทำให้ทราบว่าพนักงานที่สาขาลืมนำส่งเอกสาร สักครู่ได้รับสายจากพนักงานธนาคารเพื่อโทรมาขอโทษ และได้รีบส่งเอกสารไปที่ฝ่ายพิจารณาบัตรเครดิต
อีกหนึ่งสัปดาห์เอกสารถึงฝ่ายพิจารณาบัตรเครดิต (ทราบเพราะโทรสอบถามเป็นระยะ) และได้รับแจ้งผลในสัปดาห์ถัดไปว่าเอกสารถูกตีกลับ เนื่องจากเอกสารได้ขีดคร่อมและระบุเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งจะต้องระบุเป็น CardX
อีกหนึ่งสัปดาห์ได้รับแจ้งจากสาขาให้มาติดต่อยื่นเอกสารใหม่ แต่ที่เพิ่มเติมมาคือ ขอสำเนาด้านหลังบัตรประชาชนด้วย เพื่อต้องการทราบ Laser ID ในการสืบค้นข้อมูล แต่ผมยืนยันไม่ถ่ายให้ พนักงานแจ้งว่าอาจจะพิจารณาไม่ผ่าน เนื่องจากเคยมีกรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้ว โดยส่วนตัวมองว่า Laser ID เป็นความลับที่ไม่ควรเปิดเผย จึงบอกว่าหากไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร
หลังจากยื่นเอกสารให้พนักงานไปแล้ว หนึ่งสัปดาห์ต่อมาได้รับแจ้งว่า เรื่องด้านหลังบัตรประชาชนไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่...
1. ให้เขียนแผนที่ระบุที่อยู่ว่าอยู่ที่ใด (อยู่ที่เดิมไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีแล้ว และได้อัพเดทข้อมูลกับธนาคารไว้แล้ว)
2. ขอ Bank Statement เพิ่ม เนื่องจากนับแต่วันแรกที่ยื่นเอกสารจนถึงปัจจุบันใช้ระยะเวลา 1 เดือนกว่า ๆ จึงต้องขอข้อมูลเพิ่มส่วนของระยะเวลาที่เสียไป
หากผมจะต้องเตรียมเอกสารแสดงว่าผมก็ต้องเสียเวลาออกไปธนาคารอีก ซึ่งผมได้ออกไปหลายครั้งแล้ว ผมจึงแจ้งไปว่า ขอยกเลิกการขอเพิ่มวงเงินถาวรและขอให้คืนเอกสารทั้งหมดกลับมา
ทั้งนี้ผมไม่รู้ว่าเพราะบริการบัตรเครดิตถูกเปลี่ยนมือหรือเปล่า จึงทำให้การให้บริการกับลูกค้าสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกติดลบได้ขนาดนี้ เนื่องจากผมได้ลองเปรียบเทียบกับการขอบัตรเครดิตใบใหม่กับ KBANK ผมยอมรับว่าได้เจอพนักงานธนาคาร KBANK แค่ครั้งเดียวตอนที่ขอแผ่นพับรายละเอียดบัตรเครดิต จากนั้นก็อยู่บ้านทำรายการเพียงสองครั้งคือ กรอกใบสมัครในครั้งแรก ครั้งที่สองคือถ่ายหลักฐานส่งไปทางมือถือ แล้วก็รอรับบัตร แต่ขณะที่ SCB มีข้อมูลเดิมของผมอยู่แล้ว และผมแค่เพียงขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต แต่ทำไมต้องขอแผนที่อีกทั้ง ๆ ที่มีข้อมูลผมมานานมากแล้ว และข้อมูลผมก็เป็นปัจจุบัน หากเปรียบเทียบก็คือ SCB รู้จักผมมานานกว่า KBANK อีก ในขณะที่ KBANK ผมได้ใช้บริการเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และการขอบัตรเครดิต KBANK ก็ไม่ขอแผนที่จากผมเลย แต่สามารถทำธุรกรรมได้ง่ายมาก ๆ
จากประสบการณ์ที่ได้รับทั้งหมดข้างต้น ส่วนตัวผมจึงชอบใช้บริการ KBANK มากที่สุด จะได้ใช้บริการของพนักงานสาขาตอนที่เปลี่ยนสมุดเท่านั้นจึงจะได้เจอกับพนักงานตัวเป็น ๆ ที่เหลือก็ใช้เครื่องหน้าสาขาและมือถือทำธุรกรรมด้วยตัวเอง
ปล. ส่วนตัวผมคิดว่า การให้บริการของพนักงานสาขาในแต่ละธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีทุกธนาคาร แต่สิ่งที่ผมมองว่าทำให้เกิดปัญหาคือบริการหลังบ้านมากกว่า แต่คนที่รับหน้าคือพนักงานสาขา ในกรณีที่เกิดขึ้นผมจึงไม่ได้หมายความว่าการให้บริการของพนักงานสาขาไม่ดีแต่อย่างใด อาจจะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยแต่ส่วนตัวผมมองว่าสามารถยอมรับได้ และพนักงานมีความพยายามในการช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในฐานะคนกลางแก่ลูกค้าเป็นอย่างดี
Update : 3 ธ.ค. 67
วันที่ 24 พ.ย. 67 ได้โทรติดต่อสาขาของธนาคารยูโอบีในห้างแถวบ้าน โทรเวลา 18.25 น. (ดูจาก log ในมือถือ) ได้ความว่าสาขาปิดเวลา 19.30 น. จึงได้เดินทางออกจากบ้าน ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงสาขาโดยที่ไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรไป (ไปแต่ตัว) ไปถึงสาขาใช้เวลารอไม่เกิน 5 นาทีก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่ ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการจนเสร็จ ผมแค่เพียงลงนามและเขียนข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีก็เรียบร้อยก่อนสาขาจะปิดทำการในวันนั้น ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี
ปล. ตอนที่คุยกับเจ้าหน้าที่จะติดปัญหาเล็กน้อยตรงที่เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าผมเป็นลูกค้าจากซิตี้ ซึ่งในกรณีนี้จะต้องยื่นเอกสารใหม่ทั้งหมด แต่ก็ได้อธิบายว่าผมถือบัตรยูโอบีมาก่อนหน้านี้แล้ว (น่าจะ 20 ปีได้ สมัยที่ยังทำงานประจำ) ก็เลยไม่ได้ติดปัญหาอะไร
วันที่ 2 ธ.ค. 67 ได้รับ SMS แจ้งว่าธนาคารได้อนุมัติบัตรให้เรียบร้อยแล้ว ก็รอรับบัตรต่อไป (ใช้เวลา 1 สัปดาห์ และในแอปธนาคารมีบัตรขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 67 รอเพียงรับบัตรและเปิดใช้งาน)
ปล. ผมไม่มีเงินฝากหรือผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากบัตรเครดิตกับธนาคารยูโอบี ดังนั้นทางธนาคารจะไม่ทราบรายการเคลื่อนไหวอะไรเลย นอกจากเงินโอนเข้าเพื่อจ่ายบัตรเครดิตเท่านั้น แต่ก็ยังสมัครบัตรเพิ่มได้โดยสะดวกและได้รับบริการที่ดี
วันที่ 3 ธ.ค. 67 วันนี้ผมได้ตรวจสอบว่าค่าไฟฟ้าและน้ำประปาได้หักบัญชีในบัตรของ KBANK แล้ว หลังจากที่มีปัญหาตามที่เล่าให้ฟังข้างต้น จากนั้นได้ชำระยอดในบัตร Visa และ Master ทั้งจำนวนตามปกติ แล้วโทรไปยัง Call Center (เวลา 1.41 น.) เพื่อยกเลิกบัตร Visa ซึ่งได้เคยใช้ในการหักค่าไฟฟ้าและน้ำประปาของที่บ้านมานานมาก ได้รับแจ้งว่า จะต้องให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องเกี่ยวกับการยกเลิกบัตรจะทำงานในเวลาทำการ และได้สอบถามเหตุผลในการยกเลิกบัตร ก็เลยพูดไปสั้น ๆ เพราะไปอยากไปรื้อฟื้นใหม่
ระหว่างที่พิมพ์อยู่นี้ คิดแล้วก็แปลกใจตรงที่ ผมพยายามที่จะใช้บริการกับบัตรเครดิตที่ผมใช้มานานมาก ๆ โดยต้องการเพียงแค่เพิ่มวงเงิน เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมกับบัตรนี้ให้มากขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม อย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้น พอดีผมซื้อของออนไลน์บ่อยมาก หากเป็นของชิ้นใหญ่ก็มักจะซื้อจากลาซาด้า ส่วน Shopee จะได้ของชิ้นเล็ก ๆ หรือของใช้ส่วนตัว ในเมื่อผมมี KBANK - Shopee ผมจึงตัดสินใจสมัคร UOB - Lazada ที่ผ่านมาผมก็ใช้แต่ Family Plus เป็นหลักมาตลอด แต่เมื่อผมลองสมัครบัตรกับ KBANK (บัตรใหม่) และ UOB (เพิ่มบัตรใหม่ในวงเงินเดิม) ได้รับความสะดวก รวดเร็วแล้ว ผมก็แค่ใช้บริการจากบัตรใหม่เพิ่มขึ้น และในอนาคต หากมีบัตรที่มีสิทธิประโยชน์ใกล้เคียงหรือดีกว่าบัตร Family Plus ผมก็ปิดบัตรใบนี้ต่อไปก็แค่นั้นเอง
ความประทับใจในใช้การบริการเกี่ยวกับบัตรเครดิตและเปิดบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์
1. สมัครบัตรเครดิตผ่านแอปมือถือ KBANK VS BBL
KBANK
เนื่องจากรายการเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากส่วนใหญ่อยู่ในธนาคารนี้ ตอนต้นปีจึงได้ลองสมัครบัตรเครดิต Shopee ผ่านมือถือ ได้ทำตามขั้นตอนตามที่แอประบุ หลังนั้นอีกสองสามวัน มีข้อความแจ้งให้ถ่ายเอกสารหนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งไป อีกสองวันทราบว่าธนาคารได้อนุมัติบัตรเรียบร้อย อาทิตย์ต่อมาจึงได้รับบัตรมาใช้ในวงเงินตัวเลข 6 หลัก
BBL
เนื่องจากแต่เดิมมี M Visa ของ SCB (เดอะมอลล์) ต่อมาในปีนี้ได้เปลี่ยนผู้ให้บริการบัตรเป็น BBL ส่วนตัวได้เปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารนี้ไม่น้อยกว่าสามสิบปี (เลขที่บัญชีเดียวมาตลอด) ตอนที่ทำงานประจำเงินเดือนก็เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ และมีบัตรเครดิต Visa อยู่หนึ่งใบ จึงได้ลองสมัครบัตร M Live ของ BBL ผ่านมือถือในวันเดียวกันกับวันที่สมัครบัตร Shopee ของ KBANK (ต้นเดือน ก.พ. 67) ปรากฏว่าผ่านไปเดือนกว่าก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จนต้องโทรไปยกเลิกการสมัครบัตรเครดิต
ปล. หลังจากนั้นอีกหลายเดือนจึงสมัครบัตร M Live โดยใช้วงเงินเดียวกับบัตร Visa ที่มีอยู่ เพราะขี้เกียจยื่นเอกสารใหม่ โดยไปสมัครที่สาขาและต้องไปรอคิวเกือบสองชั่วโมง
สรุปผล KBANK ได้ใจไป ไม่เสียเวลา ไม่เสียความรู้สึก
2. เปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ KBANK VS BBL โดยเปิดบัญชีผ่าน Mobile Banking
KBANK
กลางปี 66 ได้เปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์กับ KBANK จากที่ไม่ค่อยเข้าใจอะไร ก็ทำตามที่แอปขึ้นข้อความมา และทำครั้งเดียวก็เสร็จและได้ใช้งานจนถึงทุกวันนี้
BBL
ในปีนี้ได้เปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์กับ BBL เนื่องจากลูกค้าใช้บริการกับธนาคารนี้ โดยคิดว่าปีก่อนได้เปิดบัญชีกับ KBANK แล้วไม่พบปัญหาอะไร ธนาคารอื่นก็คงไม่น่ามีปัญหาเช่นกัน ปรากฏว่า ทำธุรกรรมไปสามรอบ ยังไงก็ไม่ผ่าน จนผ่านระยะเวลาไปสักเกือบเดือนจึงติดต่อที่สาขา (เพิ่งว่าง) ได้ทำการแคปหน้าจอให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่ก็ไม่ทราบสาเหตุ จนตอนหลังเจ้าหน้าที่เสนอให้เปิดบัญชีเป็นเล่มแทน แล้วค่อยแอดบัญชีเข้าในแอปมือถืออีกที
(ปล. ตอนหลังทราบมาว่า Error Code ที่ได้รับ มีความหมายคือ มีความเสี่ยงที่เป็นมิจฉาชีพ ทำให้ไม่สามารถเปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ได้ ต้องเปิดเป็นเล่มเท่านั้น เฮ้อ!)
สรุปผล KBANK ชนะไปอีกยก
3. ขอเพิ่มวงเงินถาวรบัตรเครดิตกับ CardX
เนื่องจากใช้บัตร Family Plus อยู่ ซึ่งบัตรใบนี้ได้มาโดยที่ธนาคารส่งมาให้ใช้เองในปีแรกที่ออกผลิตภัณฑ์ หน้าบัตรจะเขียนไว้ว่า FOUNDER MEMBER ซึ่งโดยส่วนตัวจะใช้บัตรใบนี้เป็นหลัก โดยเห็นว่ามีผลประโยชน์จากการใช้บัตรนี้มากกว่าบัตรอื่น (คิดแบบง่าย ๆ คือ ได้เงินคืน 1% ตลอดทุกเดือน) จนกระทั่งว่าปีนี้อยากจะเพิ่มวงเงินถาวร เพราะ shopping online เยอะมาก ๆ จึงได้ติดต่อกับสาขาเพื่อสอบถามข้อมูล ประกอบกับในปีนี้ก็ได้รับบัตรต่ออายุมาใหม่ แต่เป็นของ CardX ไม่ใช่ของธนาคารไทยพาณิชย์อีกต่อไป (การจ่ายชำระบัตรเครดิต จ่ายเต็มจำนวนทุกเดือน ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้)
ขั้นตอนแรก ได้ติดต่อที่สาขาเพื่อขอข้อมูล
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมเอกสารส่งให้สาขา รวมถึง Statement ต่าง ๆ และสาขาได้รับเอกสารไปเพื่อส่งให้ฝ่ายพิจารณาบัตรเครดิต
อีกสองสัปดาห์ต่อมา จึงได้โทรสอบถาม Call Center เพื่อสอบถามผลการพิจารณา ได้รับแจ้งว่ายังไม่ได้เอกสาร และ Call Center ติดต่อประสานงานจนทำให้ทราบว่าพนักงานที่สาขาลืมนำส่งเอกสาร สักครู่ได้รับสายจากพนักงานธนาคารเพื่อโทรมาขอโทษ และได้รีบส่งเอกสารไปที่ฝ่ายพิจารณาบัตรเครดิต
อีกหนึ่งสัปดาห์เอกสารถึงฝ่ายพิจารณาบัตรเครดิต (ทราบเพราะโทรสอบถามเป็นระยะ) และได้รับแจ้งผลในสัปดาห์ถัดไปว่าเอกสารถูกตีกลับ เนื่องจากเอกสารได้ขีดคร่อมและระบุเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งจะต้องระบุเป็น CardX
อีกหนึ่งสัปดาห์ได้รับแจ้งจากสาขาให้มาติดต่อยื่นเอกสารใหม่ แต่ที่เพิ่มเติมมาคือ ขอสำเนาด้านหลังบัตรประชาชนด้วย เพื่อต้องการทราบ Laser ID ในการสืบค้นข้อมูล แต่ผมยืนยันไม่ถ่ายให้ พนักงานแจ้งว่าอาจจะพิจารณาไม่ผ่าน เนื่องจากเคยมีกรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้ว โดยส่วนตัวมองว่า Laser ID เป็นความลับที่ไม่ควรเปิดเผย จึงบอกว่าหากไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร
หลังจากยื่นเอกสารให้พนักงานไปแล้ว หนึ่งสัปดาห์ต่อมาได้รับแจ้งว่า เรื่องด้านหลังบัตรประชาชนไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่...
1. ให้เขียนแผนที่ระบุที่อยู่ว่าอยู่ที่ใด (อยู่ที่เดิมไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีแล้ว และได้อัพเดทข้อมูลกับธนาคารไว้แล้ว)
2. ขอ Bank Statement เพิ่ม เนื่องจากนับแต่วันแรกที่ยื่นเอกสารจนถึงปัจจุบันใช้ระยะเวลา 1 เดือนกว่า ๆ จึงต้องขอข้อมูลเพิ่มส่วนของระยะเวลาที่เสียไป
หากผมจะต้องเตรียมเอกสารแสดงว่าผมก็ต้องเสียเวลาออกไปธนาคารอีก ซึ่งผมได้ออกไปหลายครั้งแล้ว ผมจึงแจ้งไปว่า ขอยกเลิกการขอเพิ่มวงเงินถาวรและขอให้คืนเอกสารทั้งหมดกลับมา
ทั้งนี้ผมไม่รู้ว่าเพราะบริการบัตรเครดิตถูกเปลี่ยนมือหรือเปล่า จึงทำให้การให้บริการกับลูกค้าสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกติดลบได้ขนาดนี้ เนื่องจากผมได้ลองเปรียบเทียบกับการขอบัตรเครดิตใบใหม่กับ KBANK ผมยอมรับว่าได้เจอพนักงานธนาคาร KBANK แค่ครั้งเดียวตอนที่ขอแผ่นพับรายละเอียดบัตรเครดิต จากนั้นก็อยู่บ้านทำรายการเพียงสองครั้งคือ กรอกใบสมัครในครั้งแรก ครั้งที่สองคือถ่ายหลักฐานส่งไปทางมือถือ แล้วก็รอรับบัตร แต่ขณะที่ SCB มีข้อมูลเดิมของผมอยู่แล้ว และผมแค่เพียงขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต แต่ทำไมต้องขอแผนที่อีกทั้ง ๆ ที่มีข้อมูลผมมานานมากแล้ว และข้อมูลผมก็เป็นปัจจุบัน หากเปรียบเทียบก็คือ SCB รู้จักผมมานานกว่า KBANK อีก ในขณะที่ KBANK ผมได้ใช้บริการเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และการขอบัตรเครดิต KBANK ก็ไม่ขอแผนที่จากผมเลย แต่สามารถทำธุรกรรมได้ง่ายมาก ๆ
จากประสบการณ์ที่ได้รับทั้งหมดข้างต้น ส่วนตัวผมจึงชอบใช้บริการ KBANK มากที่สุด จะได้ใช้บริการของพนักงานสาขาตอนที่เปลี่ยนสมุดเท่านั้นจึงจะได้เจอกับพนักงานตัวเป็น ๆ ที่เหลือก็ใช้เครื่องหน้าสาขาและมือถือทำธุรกรรมด้วยตัวเอง
ปล. ส่วนตัวผมคิดว่า การให้บริการของพนักงานสาขาในแต่ละธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีทุกธนาคาร แต่สิ่งที่ผมมองว่าทำให้เกิดปัญหาคือบริการหลังบ้านมากกว่า แต่คนที่รับหน้าคือพนักงานสาขา ในกรณีที่เกิดขึ้นผมจึงไม่ได้หมายความว่าการให้บริการของพนักงานสาขาไม่ดีแต่อย่างใด อาจจะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยแต่ส่วนตัวผมมองว่าสามารถยอมรับได้ และพนักงานมีความพยายามในการช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในฐานะคนกลางแก่ลูกค้าเป็นอย่างดี
Update : 3 ธ.ค. 67
วันที่ 24 พ.ย. 67 ได้โทรติดต่อสาขาของธนาคารยูโอบีในห้างแถวบ้าน โทรเวลา 18.25 น. (ดูจาก log ในมือถือ) ได้ความว่าสาขาปิดเวลา 19.30 น. จึงได้เดินทางออกจากบ้าน ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงสาขาโดยที่ไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรไป (ไปแต่ตัว) ไปถึงสาขาใช้เวลารอไม่เกิน 5 นาทีก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่ ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการจนเสร็จ ผมแค่เพียงลงนามและเขียนข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีก็เรียบร้อยก่อนสาขาจะปิดทำการในวันนั้น ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี
ปล. ตอนที่คุยกับเจ้าหน้าที่จะติดปัญหาเล็กน้อยตรงที่เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าผมเป็นลูกค้าจากซิตี้ ซึ่งในกรณีนี้จะต้องยื่นเอกสารใหม่ทั้งหมด แต่ก็ได้อธิบายว่าผมถือบัตรยูโอบีมาก่อนหน้านี้แล้ว (น่าจะ 20 ปีได้ สมัยที่ยังทำงานประจำ) ก็เลยไม่ได้ติดปัญหาอะไร
วันที่ 2 ธ.ค. 67 ได้รับ SMS แจ้งว่าธนาคารได้อนุมัติบัตรให้เรียบร้อยแล้ว ก็รอรับบัตรต่อไป (ใช้เวลา 1 สัปดาห์ และในแอปธนาคารมีบัตรขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 67 รอเพียงรับบัตรและเปิดใช้งาน)
ปล. ผมไม่มีเงินฝากหรือผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากบัตรเครดิตกับธนาคารยูโอบี ดังนั้นทางธนาคารจะไม่ทราบรายการเคลื่อนไหวอะไรเลย นอกจากเงินโอนเข้าเพื่อจ่ายบัตรเครดิตเท่านั้น แต่ก็ยังสมัครบัตรเพิ่มได้โดยสะดวกและได้รับบริการที่ดี
วันที่ 3 ธ.ค. 67 วันนี้ผมได้ตรวจสอบว่าค่าไฟฟ้าและน้ำประปาได้หักบัญชีในบัตรของ KBANK แล้ว หลังจากที่มีปัญหาตามที่เล่าให้ฟังข้างต้น จากนั้นได้ชำระยอดในบัตร Visa และ Master ทั้งจำนวนตามปกติ แล้วโทรไปยัง Call Center (เวลา 1.41 น.) เพื่อยกเลิกบัตร Visa ซึ่งได้เคยใช้ในการหักค่าไฟฟ้าและน้ำประปาของที่บ้านมานานมาก ได้รับแจ้งว่า จะต้องให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องเกี่ยวกับการยกเลิกบัตรจะทำงานในเวลาทำการ และได้สอบถามเหตุผลในการยกเลิกบัตร ก็เลยพูดไปสั้น ๆ เพราะไปอยากไปรื้อฟื้นใหม่
ระหว่างที่พิมพ์อยู่นี้ คิดแล้วก็แปลกใจตรงที่ ผมพยายามที่จะใช้บริการกับบัตรเครดิตที่ผมใช้มานานมาก ๆ โดยต้องการเพียงแค่เพิ่มวงเงิน เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมกับบัตรนี้ให้มากขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม อย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้น พอดีผมซื้อของออนไลน์บ่อยมาก หากเป็นของชิ้นใหญ่ก็มักจะซื้อจากลาซาด้า ส่วน Shopee จะได้ของชิ้นเล็ก ๆ หรือของใช้ส่วนตัว ในเมื่อผมมี KBANK - Shopee ผมจึงตัดสินใจสมัคร UOB - Lazada ที่ผ่านมาผมก็ใช้แต่ Family Plus เป็นหลักมาตลอด แต่เมื่อผมลองสมัครบัตรกับ KBANK (บัตรใหม่) และ UOB (เพิ่มบัตรใหม่ในวงเงินเดิม) ได้รับความสะดวก รวดเร็วแล้ว ผมก็แค่ใช้บริการจากบัตรใหม่เพิ่มขึ้น และในอนาคต หากมีบัตรที่มีสิทธิประโยชน์ใกล้เคียงหรือดีกว่าบัตร Family Plus ผมก็ปิดบัตรใบนี้ต่อไปก็แค่นั้นเอง