ควรถึงเวลาที่จะต้องพึ่งตนเองมากขึ้นแล้วสินะ^^

กระทู้นี้ ตั้งขึ้นเพื่อระบายความในใจ ,ตกตะกอนสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้ และ เราถึงความงี่เง่าของตัวเองด้วย..

คือในพักหลังมานี้ ผมกับแฟนที่มีความสัมพันธ์แบบ long distance relationship ที่เริ่มได้คุยกันน้อยลง แบบมันทำให้ผมรู้สึกนอยๆ งอลๆ อันนี้ก็เป็นความรู้สึกที่ผมเป็นประจำอยู่แล้วแหละ เอาง่ายๆว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัว เป็นคนขี้งอน555555

แต่สาเหตุที่ผมงอนในครั้งนี้ มันเป็นเพราะว่า.. แฟนของผมเขาให้เวลาผมน้อยลง ผมก็เข้าใจนะว่าเขาต้องเรียน เขาต้องติวหนังสือ เขาต้องหาความรู้ เขาทำเพื่ออนาคตตัวเอง ซึ่งในส่วนนี้ผมก็เข้าใจดี คนที่ผิดก็เป็นผมนี่แหละที่ขี้งอนเกินไป55555

ในช่วงเดือนแรกเราก็ยังไม่ได้โทรกัน ตอนนั้นยังเป็นแค่คนคุยอยู่

แต่พอเดือนที่ 2 เราก็เริ่มโทรกันบ้างแล้วคุยกันบ้างแล้ว แต่ก็แบบว่าคุยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ วันจันทร์ถึงศุกร์ทำงานหรือเรียนหนังสือ

แต่พอเข้าเดือนที่ 3 เดือนนี้เป็นเดือนที่เราทั้งสองปิดเทอมกัน เลยได้คุยกันทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน และพอเปิดเทอม

เข้าเดือนที่ 4 เราก็ยังคงคุยกันทุกวันเหมือนเดิม คุยกันทุกวันเลยอ่ะ อาจจะมีบางวันที่ผมเผลอหลับไปก่อน แต่นั่นแหละพอเปิดเทอม มันก็มีอะไรให้คิดมากขึ้น ทั้งเรื่องเรียนเรื่องติวหนังสือเรื่องอนาคตเรื่องจะเข้า มหาวิทยาลัยของแฟนผม  เลยทำให้เขามีเวลาให้น้อยลง วันนี้ผมก็เลยรู้สึกนอยๆ5555

แต่พอคิดไปคิดมาได้สักพักผมก็ทบทวนตัวเองได้ว่า..

"ผมก็มีเป้าหมายของผมเหมือนกันนี่ ทำไมไม่ทำ ในเมื่อแฟนเรา เขาเริ่มทำเป้าหมายอย่างจริงจังแล้ว ทำไมเรายังไม่ทำอย่างจริงจัง เราก็มีเป้าหมายที่จะทำธุรกิจทางบ้านให้มันเติบโตขึ้นกว่าเดิม ตั้งใจว่าจะไปเรียนสายอาชีพสาขาบัญชี เพื่อมาต่อยอดธุรกิจแท้ๆ แต่ทำไมทุกวันนี้เราถึงยังคงจมอยู่กับความรู้สึกติดแฟน ความรู้สึกที่เอาตัวเองไปผูกกับแฟนมากเกินไป ถ้าเราทำวันนี้ไม่ดี ในวันที่เรากับแฟนจะได้อยู่ด้วยกัน ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ความสัมพันธ์อยู่ห่างกันตั้ง 600-700 กิโลเมตร การคุยกันอาจจะเป็นคีย์หลักที่ทำให้ความสัมพันธ์ไปกันต่อและก็จริง แต่ที่สำคัญจริงๆคืออนาคตของเรา อนาคตของคนคนหนึ่ง ถ้าอนาคตของเรามันย่ำแย่ แต่ถ้าความสัมพันธ์ยังคงดีอยู่ ความสัมพันธ์นั้นก็คงจะอยู่ได้มานานเหมือนเดิม เพราะอนาคตของเรามันย่ำแย่  เมื่อเป็นคนที่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตไม่เก่งมากพอ ความรักก็คงเป็นเพียงแค่ลมปาก เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่กินไม่ได้ ความต้องการ 5 อย่างของมนุษย์คือ
1.ทางกายภาพ(อาหาร,การนอน)
2.ทางความปลอดภัย
3.ทางความรัก
4.ทางการได้รับการเคารพ
5.ทางการรู้จักตัวเอง

ความรักเป็นอันดับ 3 ซึ่งมันไม่ใช่อันดับ 1 หรืออันดับ 2 เลยเพราะ อันดับ 1 หรือ 2 นั้นเป็นการอยู่ที่สุขสบายทางกายและความปลอดภัย ซึ่งสิ่งที่จำเป็นสำหรับ 1 และ 2 นั้นคืออนาคตที่ดีหรือจะเรียกอีกอย่างว่าความมั่นคงทางการเงิน ความรักจึงจะตามมาซึ่งเป็นอันดับ 3 และอันดับ 4 และ 5 ก็จะตามตามกันมา

ฉะนั้นเราควรเปลี่ยนเวลาการคุยได้แล้ว คุยเสาร์ - อาทิตย์เหมือนแต่ก่อนจะดีกว่า จะทำให้อนาคตของเราดีขึ้น และความสัมพันธ์ของเราก็จะไปกันต่อได้^^ "

(ในวงเล็บนี้ เขียนใหม่ในวันที่9/12/67 นะ คือ.. ถึงจะบอกว่าคุยแค่ เสาร์อาทิตย์ ก็เถอะ แต่พอ อยู่กันไปสักพัก ก็กลับมาคุย แทบทุกวันเหมือนเดิม55555 แต่ว่า.. แบบ มีคนบ้าง ไม่คุยบ้าง ปนๆ กันไป แต่โดยรวม ก็ถือว่าดีนะ^^)

นี่คือสิ่งที่ผมตกผลึกออกมาได้จากการคิดมากในวันนี้ ทั้งนี้ที่มาลงกระทู้ ก็เพียงเพื่ออยากจะลงเพื่อเตือนสติตัวเอง ลงเพื่อระบาย ไม่อยากจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ

โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะคิดเยอะ,คิดไปเรื่อย สามารถจะพูดนั่นพูดนี่ได้ไปเรื่อยแต่ส่วนใหญ่ที่พูดจะมีสาระมากกว่า แล้วเวลาที่มีเรื่องอะไรแบบนี้ก็จะชอบก็มาเขียนหรือจะมาลงกระทู้แบบนี้แหละมันรู้สึกสบายใจมากกว่า คนอ่านอาจจะรู้สึกเสียเวลาที่มาอ่านก็ได้ แต่ใครที่อ่านจนมาถึงตรงนี้ผมก็ขอบคุณครับ ขอบคุณที่รับฟังเรื่องราวของผม ^^

ปล. ถ้ามีความคิดเห็นอะไรยังไงหรือจะแนะนำก็แนะนำได้ก็ดีนะครับ ผมรู้สึกต้องการคำแนะนำเล็กๆน้อยๆสำหรับคนที่เคยผ่านมาแล้ว ในความสัมพันธ์รูปแบบนี้ หรือในความสัมพันธ์อื่นๆก็ได้ครับ ด้วยความที่อันนี้เป็นรักแรกของผม ผมก็เลยค่อนข้างที่จะอ่อนประสบการณ์ในด้านนี้สุดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่