อยู่ในพระสูตรไหนด้วยครับ ขอบคุณครับ 

"..อันนี้พระพุทธเจ้าก็ว่าอยู่ กิจโฉ มนุสสปฏิลาโภ  การที่ได้อัตภาพเป็นมนุษย์เป็นลาภใหญ่  เกิดมาชาติหนึ่ง ๆ แสนทุกข์แสนยากแสนลำบาก  เราได้มาแล้ว เราเป็นผู

ถ้าจิตสูญ จิตเกิด-ดับ ทุกวินาที เป็นคนละดวงกัน กายก็คนละอัตภาพกัน ใครเป็นผู้บำเพ็ญบารมี 20 40 80 อสงไขย เป็นมหาโพธิสัตว์เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า…???! จากพระสูตรนี้ เห็นได้ชัดพระเวสสันดรและพ

พาลธรรม พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่ออัตตามีอยู่ บริขารที่เนื่อง ด้วยอัตตามีก็พึงมีว่า ของเรา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า: ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อบริขารเนื่องอัตตามีอยู่ อัตตา

-โลกนี้คือสภาวธรรม "โลกนี้ คือกายกับใจ  สถานการณ์ และสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย  ที่เรารู้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ นั้น... คือโลก โลกทั้งหลายน

สมเด็จจริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า บุคคลผู้ข้ามพ้นแล้วถึงฝั่งแล้ว ดำรงอยู่บนบก ชื่อว่า เป็นพราหมณ์. ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่า พราหมณ์ เป็นชื่อพระอรหันต์ พระอรหันต์นั้น ถ

สรุปให้เข้าใจได้ง่ายๆ (ถ้าเข้าใจได้นะ)     เมื่อ อัตตา เป็นคำสมมุติขึ้นก่อนพระพุทธเจ้าอุบัตขึ้น  และไม่สามารถหาความเกี่ยวข้องกับธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน&

**นักสร้างภาพกับสร้างเหตุ: มุมมองที่ลึกซึ้ง* ในกาลสมัยแห่งความถดถอย โลกกลายเป็นแหล่งหลอกลวงที่มีความบิดเบือนซ่อนเร้นอยู่ทุกหนแห่ง ความสำเร็จในชีวิตเปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้าน หนึ่งด้

ไปตีความว่า นิพพานทุกข์ที่สุด เพื่อบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิดแก่ชาวโลก และสอนอีกว่ามันเป็นอนัตตา ไม่เป็นของใคร แบ่งปันให้ใครไม่ได้ พวกที่สอนเพี้ยนบิดเบือนขนาดนี้จะเอาอย่างไรกับพวกมันดี..