น้องไปอยู่ต่างจังหวัดกับเพื่อน ให้เหตุผลว่าอยากลองไปใช้ชีวิต แต่ขอเงินที่บ้านทุกวันรวมๆก็เกือบแสนแล้ว

ขอเกริ่นก่อนเลยว่า เราขอพูดให้ฟังในฐานะพี่คนโต พูดออกมาจากความรู้สึกของเราจริงๆ
น้องเราอายุห่างกับเราประมาณ 9 ปี คือเราเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เล็กๆ พอน้องโตเราก็อยากลดภาระพ่อแม่ โดยการช่วยที่บ้านจ่ายค่ากิน และ ค่าคอนโดให้น้อง โดยที่บ้านจ่ายแค่ค่าเรียน (เหตุผลที่ให้น้องอยู่คอนโดเพราะมองถึงความสะดวกในการไปเรียน เพราะบ้านอยู่ปริมณฑล น้องเรียนกทม.)

  ด้วยความที่น้องเราเป็นแพนิค พ่อจะห่วงน้องเป็นพิเศษ คอยส่งเงินให้น้องเรื่อยๆ ในระหว่างที่เรียนมหาลัย 
ช่วงเวลานั้นน้องกินหรู อยู่สบาย น่าจะใช้เงินเดือนละหมื่นได้ ซึ่งเราก็ไม่สามารถห้ามพ่อได้ 

พอน้องเรียนจบ ก็กลับมาอยู่บ้าน ซึ่งบ้านเป็นร้านอาหารเล็กๆ แต่ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาตลอด 
น้องจะตื่นบ่ายเกือบทุกวัน แล้วนอนดึกทุกวัน จะมาร้านตอนไหนก็มา ช่วยงานแปปเดียว รับค่าจ้างจากแม่วันละ 300 ซึ่งน้องก็ยังคงได้เงินรายเดือนกับเราอยู่ เพราะเราอยากให้น้องมีเงินเก็บ ช่วงที่ยังไม่รับปริญญา หลังจากรับปริญญา เราจะหยุดให้เงิน อย่างน้อยน้องจะได้มีเงินเก็บ หรือ ไปลงทุนกับสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่... จากการสังเกตการใช้เงินของน้องเรา น้องยังคงใช้เงินเหมือนใบไม้ และไม่รู้จักออม จนหลังๆ เราต้องพูดแทงใจดำน้องไปว่า " ถ้าจบแล้ว มาช่วยที่ร้านแปปๆ รับเงิน 300 ก็อย่าเรียกว่ามาทำงานเอาค่าแรงน้องต่ำเนอะ" เราพยายามพูดโน้มน้าว ให้น้องลองไปหางานทำ เพื่อที่จะได้รู้ถึงความลำบากบ้าง ว่ากว่าจะได้เงินแต่ละบาทมันต้องเหนื่อยขนาดไหน

เราคงพูดบ่อยไป ช่วงประมาณเดือนพฤษภาน้องบอกจะไปต่างจังหวัด ไปบ้านเพื่อน 5 วัน แต่ตอนนี้ยังไม่กลับบ้านเลย แต่ก็ติดต่อกันตลอด โทรคุยบ้าง ถามหาเหตุผลว่าทำไม่กลับบ้าน น้องบอกเราว่า "อยากลองออกมาใช้ชีวิ อยู่กับเพื่อนชื่อนี้ๆๆ ไม่ต้องเป็นห่วง" เราก็โอเค เรายังคงให้เงินรายเดือนน้องเหมือนเดิม เผื่อน้องจะได้ใช้จ่าย แต่เราก็ยังเห็นน้องอัพไอจี กินหรู อยู่สบาย กินไวท์ กินโอมากาแสะ สุดท้ายเรามารู้ว่า นอกจากเงินที่เราให้น้องรายเดือนแล้ว น้องยังขอเงินรายวันจากพ่อ และเงินจิบาถะอื่นๆ เช่นค่าโทรศัพท์ ค่าที่พัก พอเรารู้เราก็โกรธมาก แล้วบอกกับพ่อแม่ว่า "หนูไม่ได้มีชีวิตเพื่อนอยู่เลี้ยงน้องไปจนแก่หรอกนะ โตแล้ว บอกอยากออกไปใช้ชีวิต ที่น้องทำอยู่ไม่ได้เรียกว่าใช้ชีวิต เรียกว่าผลานเงิน ถ้าพ่อแม่ไม่อยากเป็นแบบพ่อแม่รังแกฉัน ก็หยุดให้เงินน้อง แล้วให้น้อง เมนเนจแค่เงินที่หนูให้ ให้พอกับการใช้ชีวิต ช่วยนึกถึงตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่ด้วยนะ ตอนนั้นน้องจะยืนได้ด้วยตัวของตัวเองไหม" 

ล่าสุดน้องไม่ได้จ่ายค่าโทรศัพท์ 2 เดือน ประมาณห้าพันกว่าบาท จะถูกตัดสัญญาญ เลยโทรมาหาเราให้ช่วยจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ เราเลยบอกไปว่า "ถ้าไม่รู้จักบริหารเงิน ก็ปล่อยให้เค้าตัดไป" แล้วเราก็กำชับที่บ้านว่าอย่าให้รู้นะ ว่าใครช่วยน้องจ่ายอีก เราจะหยุดให้เงินเดือนน้อง แล้วจะปล่อยให้ดูแลกันเอง

เราอยากรู้ความคิดของเด็กรุ่นใหม่ อย่าง genz  ว่าเราต้องมีหน้ามีตาในโซเชียลขนาดนี้เลยหรอ? แล้วเราควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เราแค่รู้สึกว่า ในขณะที่พ่อแม่แก่ลงทุกวัน มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องดูแลท่าน ไม่ใช้ให้พ่อแม่หาเงิน เพื่อมาให้เราใช้อ่ะ คือเราไม่รู้จะพูดกับน้องยังไง ให้คิดได้บ้างว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันไม่ถูกต้อง โตแล้ว ควรรู้อะไรบ้างได้แล้วอ่ะ 

แล้วไอ้เรื่องค่าโทรศัพท์เนี่ย ที่ไม่มีใครช่วยจ่าย น้องก็พิมไลท์มาในกลุ่มครอบครัวว่า "ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน"
เราอยากจะพิมพ์ตอบกลับไปเหมือนกัน แต่... ช่างใจ แล้วมาเล่าในนี้ก่อน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
จขกท คิดถูกแล้วครับที่กล้าหักกับน้อง ไม่จ่ายค่าโทรศัพท์ให้
ตอนเรียนมีคนส่งเงินให้ใช้  เรียนจบมา คือต้องก้าวไปอีกบทบาทหนึ่งของชีวิต
คือบาบาทคนทำงาน หาเงิน หารายได้ ถึงไม่เลี้ยงครอบครัว อย่างน้อยก็ขอให้เลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดให้ได้

คำที่ว่า "ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน"เดี๋ยวนี้เห็นเด็กๆชอบใช้คำนี้กันอย่างพร่ำเพรื่อมาก
ความคิดเห็นที่ 2
เห็นด้วยเลย "ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน" ใช้กันพร่ำเพรื่อมาก
บางทีก็เป็นแค่ข้ออ้างของการเอาแต่ใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่