มีใครเคยพบเจอ หรือมีประสบการณ์ กรณีที่มีคนบุกรุมที่ดินบ้านเราไหมคะ ถ้าเจอแบบนี้ เราต้องทำอย่างไงคะ

ต้องบอกก่อนบ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อแม่ที่เราอยู่มาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว อยู่มาตั้งเด็ก จนตอนนี้เราอายุ 24 ปี และก็อยู่มาตั้งนาน แต่พึ่งจะมาเกิดเรื่องต้นเดือนตุลาคมของปีนี้ล่ะ

เราไม่ได้อยู่เหตุการณ์ทั้งหมด แต่ได้ฟังจากแม่ที่โทรมาเล่าให้ฟัง พร้อมร้องไห้ เพราะเราทำงานอยู่ที่กรุงเทพ ได้เกือบ 3 ปีล่ะ บ้านหลังนี้เลยไม่ค่อยมีใครอยู่ พ่อแม่ก็อยู่อีกหลัง แต่ก็มีเทียวไป เทียวมา มาอาบน้ำบ้าง เลี้ยงมงเลี่ยงหมา ปาร์ตี้ตามเทศกาล ล่าสุดก็พึ่งขนของเข้าบ้าน ทำคามสะอาดบ้าน ส่วนพี่น้องก็แยกย้ายกันไปทำงานหมดเลย ไม่มีใครอยู่
มา เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า

เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่า ประมาณต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีคนมาถอนต้นไม้หลังบ้านเราหมดเลย และถอนไม่ได้บอกไม่ได้กล่าวอะไรเลย และหลังบ้านเราก็ไม่ได้ล้อมรั่วไว้ แต่ก็มีหลักหมุดที่ดิน ปักไว้อยู่ แต่ที่นี้ เขาลอกเอาที่หลักหมุดที่ดินของเราไปโยนทิ้งที่บ่อน้ำ (บ่อน้ำ ก็คือห่างจากหลังบ้านเราไปประมาณ 30 เมตร) และด้วยไม่มีใครอยู่ ก็พึ่งมารู้ตอน ตอนเขาเอาเส้นมาจะมาทำรั่วกั้นแล้ว แม่เราก็พึ่งมารู้ตอนไปซื้อของที่ร้านค้าแถวบ้านที่เกิดเรื่องเนี่ยล่ะ และแม่ค้าที่ร้านค้าถาม ว่าถอนต้นไม้หลังบ้านหรอ แม่เราก็ตกใจ บอกว่าไม่ได้ถอนนะ แม่ก็รีบเข้าไปดู และรู้ว่าคนที่มาถอนต้นไม้หลังบ้าน คือใคร ก็คือคนอยู่บ้านข้างเคียงเนี่ยล่ะ (ที่อยู่หลังบ้านถัดจากบ่อน้ำไป) แม่ก็ได้ไปถาม
แม่: ว่าทำไมถึงถอนต้นไม้ออกหมด โดยไม่บอกกล่าวสักคำ
เขา:ก็ มันเป็นเขตที่ดินบ้านฉัน 
แม่: มันจะเป็นเขตที่ดินบ้านแก่ได้อย่างไง ในเมือหลักหมุดที่ดิน มันก็ปักบอกเขตอยู่ 
เขา: มันเป็นเขตที่ดินของฉัน ฉันใช้โดรนวัดพื้นที่แล้ว ฉันซื้อโดรนวัดพื้นที่มาจากรุงเทพนะ ว่าเขตที่ดินฉันถึงตรงไหน และวัดมาแล้ว พื้นที่นี้เป็นของฉัน (อันนี้เราก็งงนะ ว่าแบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ)
แม่: ไหนเอาโฉนดที่ดินมาดู เพราะโฉนดที่ดินของฉันมันก็ระบุว่าพื้นที่ถึงตรงไหน 

สรุปคือเขาไม่มีโฉนดที่ดินมาให้เราดู และบอกว่าให้เอาโฉนดที่ดินของเรามาให้เขาดู แม่เราก็ไม่ได้เอาไปให้เขาดูนะคะ ถ้าจะให้เขาดูโฉนดต้องเข้ามาให้เขาในบ้านเขา (ซึ่งมันแปลกๆ ไหม) เพราะยังไงเขาก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถพิสูจน์ได้อยู่แล้วว่าเป็นที่ดินของเขาจริงๆ

ต้องบอกก่อนว่าเขาเป็นคุณผู้หญิง หรือคุณนาย สามีเขาเป็นถือทหารยกใหญ่ หลานเขาเป็นที่ว่านายกเขต คือระแวงแถวนั้น ไม่มีใครกล้ากับเขาสักคน (เป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่นี้) และเมื่อคุยกันไปคุยกันมา เริ่มพูดจากันไม่รู้เรื่อง ก็เริ่มมีปากเสียงกัน

หลังจากนั้นพ่อเเม่เราก็ได้ไปแจ้งความ แต่ก่อนไปแจ้งความได้มีการเจรจากันก่อนแล้ว แต่ทางเขาก็ไม่ยอม ยังยืนยันว่า "ที่ตรงนั้นคือที่ดินของเขา" 

-เราไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ก็ฟังจากที่แม่ พร้อมรูปที่แม่ถ่ายมาให้ดู-

ขอบคุณสำหรับอ่านถึงตรงนี้นะคะ  อาจจะยาวไปหน่อย เดี่ยวมาต่อ EP.2 นะคะ ตอนนี้สงสารพ่อแม่ เราเป็นลูกไม่รู้จะช่วยพ่อแม่อย่างไง
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
มาต่อ EP.2 กันนะคะ

หลังจากเกิดเหตุ พ่อแม่ของเราก็ได้รีบไปแจ้งความเลยค่ะ ตอนแรกตำรวจแค่รับเรื่องอย่างเดียว ยังไม่ไปดูที่เกิดเรื่อง แต่ด้วยตอนนั้น ฝั่งเขา (คนบุกรุก/คู่กรณี) ได้โทรมาประมาณว่า จะเอาแบบนี้ใช่ไหม ...ไม่กลัวหรอก เอาตำรวจทั้งโรงพักมาเลยก็ได้ และด้วยตอนนั้นแม่เราเปิดลำโพงมือือพอดี ตำรวจก็ได้ยิน  และบวกกับคนที่ก่อสร้างของฝั่งเขา (คนบุกรุก/คู่กรณี) ที่เขาว่าจ้างมาให้ทำรั่วกั้น ได้โทรมาบอกแม่เราว่า ฝั่งคู่กรณี เขาได้สั่งให้เอารถแม็คโครเล็กมาขุดดินที่เรา

- ต้องบอกก่อนว่า ด้วยที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ คนที่ก่อสร้างเขาก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้ เพราะเขาก็เป็นแค่คนรับจ้าง ที่รับจ้างมาจากคู่กรณี -

ที่นี้ พอตำรวจได้ยิน และเกิดเรื่องแบบนี้ เขาก็ได้รีบไปดูที่เกิดเหตุให้เรา และได้ไปเจรจากับฝั่งเขา (คนบุกรุก/คู่กรณี) (ในส่วนตรงนี้เราไม่รู้ว่า ตำรวจคุยอะไรกับฝั่งเขานะคะ) ด้วยที่ตำรวจไม่ให้พ่อแม่เราเข้าใกล้อีกฝั่ง เพราะกลัวจะมีเรื่อง และทะเลาะกัน และก็ให้คู่กรณีไปเอาที่หลักหมุดที่ดิน ที่เขาเอาไปโยนทิ้งในบ่อนำ้มาให้เรา และสักพักอยู่ๆ คู่กรณีก็เดินมาหาแม่เรา แล้วบอกว่า เดี่ยวต้องรื้อเล้าไก่ออกให้ด้วยนะ

ลืมบอกไปนะคะ ว่าเขาไม่ได้บุกรกที่ดินเราแค่หลังบ้าน แต่ข้างๆบ้านเราด้วยค่ะ คือ เขาเอาทั้งหลังบ้าน และข้างบ้าน

พอแม่เราได้ยินประโยคนี้ ก็ของขึ้น ทำให้มีปากเสียง ด่ากัน (มีคลิปนะคะ) จากนั้นเพื่อนบ้าน และตำรวจก็มาห้าม และให้แยกกัน
พ่อเรา ก็ให้แม่กลับไปก่อน เพราะกลัวจะเกิดเรื่องอีก และตำรวจบอกว่าอย่าพึ่งไปมีปากเสียง เพราะฝั้งคู่กรณีหัวหมออยู่
หลังจากนั้น แม่เราก็กลับก่อน และส่วนพ่อเราอยู่คุย และชี้แจ้งกับตำรวจ

สักพักตำรวจก็ได้ยึดรถเม็คโครไป พอหลังจากนั้น หลานเขาที่เป็นนายกเขต ได้โทรมาเจราจากับแม่เรา (นายกคนนี้แม่เรารู้จักเขานะคะ) เขาบอกว่าจะไปคุยกับป้าเขาให้ แต่ไม่รู้ว่าไปคุยอีกท่าไหนก็ไม่รู้ เขาจะให้กรมที่ดินมาวัดเขตให้ แม่เราก็โอเค

พอไปๆมาๆ นายกคนนี้ เขาก็ได้โทรมาบอกแม่เราว่า กรมที่ดินมาวัด บอกว่ามันวัดไม่ได้ เพราะเป็นที่ดินของสรรพากร แม่เราบอกว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไง ในเมื่อที่ดินฉันก็เป็นโฉนดที่ดินตราครุฑแดง ถ้ามันเป็นที่ดินของสรรพากร เวลากู้ มันต้องเอาเข้าธนาคารไม่ได้ แต่อันนี้มันเอาเข้าได้

ที่นี้แม่เราก็รีบไปสำนักงานสรรพากรพื้นที่ ไปถามเจ้าหน้าที่ว่า ที่ดินนี้ มันเป็นที่ดินของสรรพากรหรอ เพราะกรมที่ดินมาวัด แล้วบอกว่าวัดไม่ได้ เพราะเป็นที่ดินสรรพาการ เจ้าหน้าที่ก็ชี้แจง บอกว่ามันไม่ใช่ และไม่ได้เป็นที่ดินของสรรพากรด้วย

ที่นี้ พ่อแม่เราก็รีบไปกรมที่ดิน ไปขอเรื่องรังวัด แต่เจ้าหน้าที่กรมที่ดินบอกไปวัดไม่ได้ เพราะมันเป็นที่ดินป่าไม้อีก (รอบแรก)
พ่อแม่เราก็เถียงนะคะ ว่ามันจะเป็นที่ดินป่าไม้ได้อย่างไง เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมไปวัดให้ (เริ่มแปลกๆ และน่าสงสัยล่ะ ว่าทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ยอมรังวัดให้)

แม่เราก็รีบวิ่งไป กรมป่าไม้ ไปถามกับเจ้าหน้าที่ ว่า ที่ดินนี้มันเป็นที่ดินป่าไม้หรอ และก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่

เจ้าที่: มันจะเป็นที่ดินป่าไม้ได้อย่างไง
แม่เรา: ไปชี้แจ้งกับกรมที่ดินให้ได้ไหม เพราะกรมที่ดินไม่ยอมไปรังวัดให้ บอกว่าเป็นที่ดินป่าไม้
เจ้าที่: ถ้ามันเป็นที่ดินป่าไม้ ผมเวนคืนหมดเลยนะ ระแวกนั้น

และแม่ก็ไปชี้แจ้งบอกกับกรมที่ดินว่า กรมป่าไม้บอกว่าไม่ใช้ เจ้าหน้ากรมป่าไม้ ก็ไม่ยอมทำเรื่อง รังวัดให้สักที เพราะแค่ว่ามันวัดไม่ได้

พอมันเป็นแบบนี้ พ่อแม่ไม่รู้จะทำอย่างไงก็ได้ไปแจ้งกับตำรวจว่ามันเกิดเหตุแบบนี้นะ ทางตำรวจก็ได้ออกหมายไปให้กับกรมที่ดิน ถึง 2 ครั้ง กรมที่ดินก็ไม่ยอมทำเรื่องรังวัดให้สักที่ (ต้องบอกว่าทุกครั้งที่ไปกรมที่ดิน พ่อแม่เราจะมีใบหมายจากตำรวจไปด้วย)

และที่นี้ ตำรวจออกหมายครั้งที่ 3 และแจ้งกับทางกรมที่ดินว่า ถ้าไม่รังวัดให้ คุณจะต้องบอกเหตุมาว่าทำไมถึงมารังวัดที่ดินแปลงนี้ไม่ได้

พอพ่อเราไปก็ได้ถือหมายนี้ไปที่กรมที่ดิน แต่ไม่ไปหาเจ้าหน้าที่ด้านล่าง แต่ไปหาผู้มียศสูงเลย

เดี่ยวมาต่อ EP.3 นะคะ กลัวมันยาวเกินไป ขอบคุณสำหรับอ่านจนหมดนะคะ และขอบคุณมากสำหรับความคิดเหตุของทุกคนมากนะคะ มันทำให้หนูมีกำลังใจมากค่ะ ตอนนี้พ่อแม่ก็ได้เข้ามาอ่าน อย่างไงต้องขอโทด หากพิมผิดพิมถูก หรือไม่เข้าใจ

เรื่องนี้อาจจะยาวหน่อยนะคะ และไม่รู้ว่าตอนจบจะเป็นแบบไหน แต่รับรองว่ามันจะเป็นเรื่องที่ให้ประสบการณ์ของครอบครัวหนูค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่